กุมภาพันธ์ 21, 2563 คำแนะนำด้านอาชีพ,การเขียนเรซูเม่และเทคนิคการสัมภาษณ์งาน
เด็กจบใหม่ควรเรียกเงินเดือนเท่าไร คำถามนี้เป็นคำถามที่ยากมากสำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นสมัครงาน หลายคนไม่รู้จะเรียกเงินเดือนเท่าไรจึงจะเหมาะสม กลัวว่าถ้าเรียกเยอะไปบริษัทก็อาจจะไม่จ้าง ไม่เรียกสัมภาษณ์ แต่หากเรียกน้อยไปก็เหมือนกดราคาตัวเอง หากกำลังเจอปัญหานี้ไม่ต้องกังวลใจไป Adecco มีวิธีเรียกเงินเดือนที่เหมาะสมสำหรับเด็กจบใหม่มาแนะนำค่ะ
4 ข้อควรรู้ก่อนเรียกเงินเดือน
พูดถึงเงินเดือน แน่นอนว่าๆ ใครก็อยากได้เงินเดือนเยอะๆ เราจึงเห็นเด็กจบใหม่บางคนเรียกเงินเดือนในใบสมัครงานไว้สูงลิ่ว สวนทางกับความสามารถที่มีและอัตราเงินเดือนในตลาดแรงงาน ดังนั้นสิ่งที่เราควรรู้ก่อนพิจารณาเงินเดือนก็คือ ประเมินความสามารถของเราเอง
ศึกษาฐานเงินเดือนของแต่ละอาชีพ และโครงสร้างเงินเดือนของแต่ละองค์กร
1. เช็คฐานเงินเดือนแต่ละอาชีพ
สิ่งสำคัญในการเรียกเงินเดือนเราต้องศึกษาก่อนว่าเงินเดือนในแต่ละอาชีพเขามีอัตราเงินเดือนอยู่ที่เท่าไร เพราะเงินเดือนเริ่มต้นของแต่ละอาชีพก็ไม่เท่ากัน โดยน้องๆ สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ Salary Guide ของ Adecco อย่างในปีนี้ภาพรวมของเด็กจบใหม่จะมีเงินเดือนเริ่มต้น 12,000 บาท และสูงสุดที่ 40,000 บาท
2. ศึกษาโครงสร้างเงินเดือนของแต่ละองค์กร
ส่วนใหญ่แล้วเงินเดือนของเด็กจบใหม่จะเป็นไปตามโครงสร้างเงินเดือนที่องค์กรกำหนดไว้ ซึ่งแต่ละองค์กรมีฐานเงินเดือนเด็กจบใหม่ไม่เท่ากัน บางองค์กรสตาร์ท 15,000 บางองค์กรสตาร์ท 25,000 หรือมากกว่านั้น ดังนั้นหากพอทราบโครงสร้างเงินเดือนก็จะทำให้เราสามารถเรียกเงินเดือนได้อย่างเหมาะสม
โดยอาจลองหาข้อมูลจากการสอบถามเพื่อน รุ่นพี่ หรือคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมนั้น แต่หากไม่ทราบจริงๆ ก็ให้ยึดข้อมูลจาก Salary Guide เป็นแนวทาง
3. เรียกเงินเดือนให้สอดคล้องกับความสามารถ
ก่อนที่เราจะเรียกเงินเดือน เราต้องพิจารณาในมุมของผู้ว่าจ้างด้วยว่า เรามีความสามารถคุ้มค่ากับเงินเดือนที่เรียกไปหรือไม่ อย่างใน Salary Guide
จะแสดงเฉพาะเงินเดือนที่เป็นค่าเริ่มต้น (Min) และเงินเดือนสูงสุด (Max) หากอยากเรียกเงินเดือนที่สูงกว่าค่าเริ่มต้น น้องๆ อาจต้องพิจารณาถึงความสามารถและทักษะของเราว่าครบตามคุณสมบัติที่องค์กรกำหนดไว้หรือไม่ การจะเรียกเงินเดือนสูงเราอาจต้องมีอะไรที่มากกว่าวุฒิการศึกษาซึ่งเป็นข้อกำหนดพื้นฐาน ต้องนำเสนอให้ได้ว่าทำไมองค์กรต้องเลือกเราและจ่ายเงินเดือนในอัตราสูงขึ้น โดยน้องๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ 5 ปัจจัย สตาร์ทเงินเดือนสูงแม้จบใหม่ และ จบใหม่ทำอย่างไรให้ได้งาน? คำแนะนำจาก HR ถึงเด็กจบใหม่
4. ระบุเงินเดือนที่คาดหวังด้วยช่วงเงินเดือน
อย่างไรก็ตามแม้เรื่องเงินเดือนจะสำคัญ แต่ในการตัดสินใจเลือกทำงานที่ไหนสักที่ Adecco อยากให้น้องๆ ทุกคนลองนึกถึงสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากงานเป็นที่ตั้ง เพราะความรู้และประสบการณ์จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยต่อยอดให้เราประสบความสำเร็จในอนาคต
ไลฟ์สไตล์
"เด็กจบใหม่" เรียก "เงินเดือน" เท่าไรดี ?
04 มิ.ย. 2565 เวลา 13:00 น.6.5k
4 ทริคเรียก “เงินเดือน” ใช้ได้ทั้ง “เด็กจบใหม่” และคนที่กำลังจะ “เปลี่ยนงาน”
ที่ช่วยให้เสนอเงินเดือนได้เหมาะสมกับตำแหน่งงานและความสามารถได้ไม่ยากจนเกินไป
การเรียก “เงินเดือน” เป็นหนึ่งในปัญหาของ “เด็กจบใหม่” กับการสมัครงานครั้งแรก ที่ประเมินไม่ถูกว่าจะเรียกเงินเดือนเท่าไรถึงจะเหมาะสม จะเรียกน้อยขั้นพื้นฐานก็กลัวจะน้อยจนแบกรับค่าครองชีพไม่ไหว หรือต่ำกว่าศักยภาพของตัวเองที่ควรจะได้ แต่จะเรียกสูงอย่างที่ใจหวังก็เคอะเขิน กลัวจะถูกมองว่าเรียกเกินความสามารถจนถูกปัดตกไปอยู่ดี
ใครที่กำลังประสบปัญหานี้ “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมข้อมูล พร้อมทางออกในการเรียกเงินเดือนของเด็กจบใหม่ ที่เหมาะสม และมีโอกาสคลิกเรื่องเงินเดือนกับ องค์กรที่อยากร่วมงานแบบไม่ยากจนเกินไป
บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “JobDB” ได้แนะนำการเรียกเงินเดือนของเด็กจบใหม่ยุคนี้ว่าควรเริ่มต้นได้จากหลักเกณฑ์พื้นฐาน 4 ข้อก่อนเข้ารับการสัมภาษณ์งานและเรียกเงินเดือน
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เหมาะกับเด็กจบใหม่เท่านั้น แต่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว และวางแผนจะสัมภาษณ์ในอนาคตอันใกล้นี้ได้ด้วยเช่นกัน
1. เช็กฐานเงินเดือนของสายงานที่ตัวเองทำ
เริ่มต้นที่การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฐานเงินเดือนของสายงานที่เราตั้งใจจะไปสมัคร ว่ามีอัตราเงินเดือนเฉลี่ยเท่าไร การขยับของเงินเดือนตามตำแหน่ง ตำแหน่งไหนได้เงินประมาณเท่าไรบ้าง
สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะแต่ละสายงาน แต่ละอาชีพ ล้วนมีอัตราเงินเดือนเริ่มต้นหรือช่วงเงินเดือนที่ไม่เท่ากัน ซึ่งมาตรฐานส่วนใหญ่ของเด็กจบใหม่เฉลี่ยประมาณ 15,000 บาท ไปถึงราว 40,000 บาท ซึ่งเมื่อเรารู้ฐานเงินเดือนในสายงานที่ทำในเบื้องต้นแล้ว จะช่วยให้มีกรอบของช่วงเงินเดือนในการเรียกเงินเดือนที่เหมาะสมได้
2. ศึกษาโครงสร้างเงินเดือนขององค์กรนั้นๆ
การเรียกเงินเดือนไม่ใช่แค่เรื่องสายงานเท่านั้น เพราะแต่ละองค์กรหรือบริษัทต่างก็กำหนดอัตราเงินเดือนขั้นต่ำในแต่ละตำแหน่งเอาไว้แล้ว ซึ่งก็จะเป็นไปตามโครงสร้างของแต่ละองค์กร สำหรับเด็กจบใหม่ก็จะมีระบุไว้ในแบบที่แตกต่างกัน เช่นบางบริษัทอาจเริ่มต้นที่ 15,000 บาท หรือบางบริษัทอาจเริ่มต้นให้มากกว่านั้น เช่น 20,000 หรือ 25,000 บาท
ฉะนั้น หากเราทำการศึกษาบริษัทที่เราไปสมัครงานก่อนที่จะเข้ารับสัมภาษณ์งานและเรียกเงินเดือน ก็จะช่วยให้เราระบุเงินเดือนที่ต้องการลงไปได้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- "หางาน" ต้องรู้! HR มองหาอะไรบน "เรซูเม่" นอกจากทักษะการทำงานบ้าง ?
- ทักษะจำเป็นในยุค Big DATA ควรค่าประดับResume หางานง่าย รายได้สูง
- อัปเดตค่าจ้าง 'ฝีมือแรงงาน' เปิด 10 อันดับ อาชีพไหน รายได้ดีสุด ปี 2565
3. เรียกเงินเดือนให้เหมาะความสามารถ
การจะเรียกเงินเดือนในแต่ละครั้ง ผู้สมัครงานอาจต้องลองมองในมุมผู้ว่าจ้างดูบ้าง เช่นตั้งคำถามว่าถ้าเราเป็นผู้ว่าจ้างเราจะจ้างตัวเองในอัตราเงินเดือนต่มที่เสนอหรือไม่ ประเมินว่าความสามารถของเรานั้นมีมากพอที่ผู้ว่าจ้างอยากจะรับข้อเสนอแค่ไหน หรือทักษะของเราเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นๆ มากน้อยเพียงใด เช่น ประสบการณ์ทำงาน ทักษะเฉพาะทาง ระดับการศึกษา ความสามารถพิเศษ ฯลฯ
ทั้งนี้ หากต้องการเรียกเงินเดือนให้สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ จะต้องนำ Job Description ของตำแหน่งนั้นมาพิจารณาว่าความสามารถของเราตรงกับเนื้องานได้ทุกข้อหรือไม่ หรืออาจจะต้องมีวุฒิการศึกษาที่สูงกว่าที่กำหนดไว้ หรือต้องมีความสามารถพิเศษอื่นๆ ที่สามารถพิสูจน์ได้ และสอดคล้องกำตำแหน่งงานที่จะทำ พร้อมนำเสนอให้ผู้ว่าจ้างมั่นใจให้ได้ว่า เราเหมาะกับเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าปกติ
4. ระบุเงินเดือนที่ต้องการ แบบเป็นช่วงเงินเดือน
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้การเรียกเงินเดือนดูสมเหตุสมผล ก็คือเราควรลองระบุเป็นช่วงเงินเดือนดู เช่น 18,000-20,000 บาท หรือ 20,000-25,000 บาท เพื่อให้ผู้ว่าจ้างได้พิจารณาได้ง่ายขึ้น โดยระบุจำนวนขั้นต่ำที่เราพอรับได้ และระบุเงินเดือนที่สูงเอาไว้ด้วย เผื่อการสัมภาษณ์งานเป็นไปอย่างราบรื่น และผู้ว่าจ้างเห็นถึงศักยภาพของเราจริงๆ ก็อาจจะได้รับเงินเดือนมากกว่าที่หวังไว้ก็เป็นได้
------------------------------------
อ้างอิง: jobsdb