Contents
เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี
โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร
เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี คือ เงินได้ที่กฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าไม่อยู่ในข่ายต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งมีอยู่นับร้อยรายการโดยกระจายอยู่ตามกฎหมายฉบับต่างๆ เช่น ประมวลรัษฎากร กฎกระทรวง1 และพระราชกฤษฎีกา เป็นต้น ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีเหมือน เงินได้ ทั่วไป
ตัวอย่าง เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี
- กำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์2
- เงินประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนได้รับจากกองทุนประกันสังคม จากกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย, คลอดบุตร, ทุพพลภาพ, เสียชีวิต, สงเคราะห์บุตร, ชราภาพ หรือว่างงาน เป็นต้น3
- เบี้ยประชุมกรรมาธิการหรือกรรมการ หรือค่าสอน ค่าสอบที่ทางราชการหรือสถานศึกษาของทางราชการจ่ายให้4
- เงินรางวัลที่ถูกล็อตเตอร์รี่สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสลากออมสิน5
- บำเหน็จดำรงชีพ ของข้าราชการบำนาญ6
- เงินได้จากการจำหน่าย หรือส่วนลดจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งของรัฐบาล 7
- รางวัลที่ทางราชการจ่ายให้ในการประกวดหรือแข่งขันที่ผู้รับไม่ได้มีอาชีพในการประกวดหรือแข่งขัน8
- รางวัลสินบนนำจับที่ทางราชการจ่ายให้9
- รางวัลเพื่อการศึกษาหรือค้นคว้าในวิทยาการ เช่น ทุนการศึกษาของหน่วยงานเอกชน 10
- ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิด เงินชดใช้ค่าเสียหาย11
- เงินที่บริษัทประกันจ่ายให้จากการประกันภัยหรือประกันชีวิต12
- เงินได้ที่ได้รับตามหน้าที่ธรรมจรรยา หรือรับตามประเพณี เช่น เงินอั่งเปา สินสอด ของรับขวัญ เงินค่าขนมลูก เงินค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ฿10 ล้าน (แต่จะขยายเป็น ฿20 ล้าน ถ้าได้รับจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส)13
- ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารแบบออมทรัพย์ทุกบัญชีรวมกันตลอดทั้งปีที่ไม่เกิน ฿20,00014 ทั้งนี้ เจ้าของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์นี้ต้องไม่คัดค้านการส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารให้กรมสรรพากร15
- ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารหรือสหกรณ์แบบประจำอย่างน้อย 24 เดือน ที่ยอดเงินฝากไม่เกินเดือนละ ฿25,000 และรวมทั้งหมดแล้วไม่เกิน ฿600,00016
- ดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารในไทยสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 55 ปี ที่ฝากประจำตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป โดยดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภทรวมกันแล้วตลอดปีไม่เกิน ฿30,000 (หากเกิน ฿30,000 ต้องนำดอกเบี้ยนั้นมาคำนวณภาษีทั้งจำนวนตั้งแต่บาทแรกเลย)17
- ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่ายานพาหนะที่ลูกจ้างได้รับตามความจำเป็นเป็นครั้งคราว18
- รายได้จาก การขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมรดกหรือมีคนให้มา ที่อยู่นอกตัวเมือง ให้ยกเว้นรายได้ ฿200,000 แรก19
- รายได้ที่คนอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือคนพิการได้รับ ให้ยกเว้นรายได้ ฿190,000 แรก20
- รายได้ (รวมถึงเงินส่วนแบ่งกำไร/เงินปันผล) จากกิจการโรงเรียนเอกชนที่ไม่ใช่โรงเรียนกวดวิชา21
- เงินที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา (ให้เปล่าฝ่ายเดียวโดยไม่มีสิ่งใดตอบแทน) เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ฿10 ล้าน (แต่จะขยายเป็น ฿20 ล้าน ถ้าได้รับจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส)22
- เงินปันผลหรือเงินเฉลี่ยคืนที่สมาชิกสหกรณ์ได้รับจากสหกรณ์23
ไม่ว่ารายได้ของคุณจะเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษี หรือ เงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษี คุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการยื่นภาษีและคำนวณภาษีได้ และหากคุณไม่อยากใช้เวลากับการคำนวณภาษีมากเกินไป iTAX application สามารถช่วยลดทอนเวลาที่มีค่าของคุณลงได้ นอกจากคำนวณภาษีแล้ว คุณยังสามารถค้นหาแผนลดหย่อนภาษีที่คุ้มที่สุดได้จาก iTAX shop อีกด้วย
อ้างอิง
- ^
กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
มาตรา 42(17) ประมวลรัษฎากร, ข้อ 2(23) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
มาตรา 42(25) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(7) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(11) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(17) ประมวลรัษฎากร, ข้อ 2(64) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
มาตรา 42(17) ประมวลรัษฎากร, ข้อ 2(2) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
มาตรา 42(11) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(11) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(11) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(13) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(13) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(27),(28) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(17) ประมวลรัษฎากร, ข้อ 2(38) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
ประกาศอธิบดี ฉบับที่ 347 (พ.ศ. 2562)
- ^
พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 301) พ.ศ. 2539)
- ^
มาตรา 42(17) ประมวลรัษฎากร, ข้อ 2(69) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509), ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 137)
- ^
มาตรา 42(1) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 42(17) ประมวลรัษฎากร, ข้อ 2(17) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
มาตรา 42(17) ประมวลรัษฎากร, ข้อ 2(72),(81) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 284) พ.ศ. 2538
- ^
มาตรา 42(27),(28) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกา (ฉบับท่ี 40) พ.ศ. 2514
โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร
ภาษีการรับการให้ หรือที่ทั่วไปเรียกว่า ภาษีการให้ เป็น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตัวหนึ่งที่จัดเก็บจากมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้รับเฉพาะส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทใน ปีภาษี เดียวกัน (แต่จะขยายเพดานเพิ่มเป็นมูลค่าส่วนเกิน 20 ล้านบาทได้ถ้าผู้รับเป็นบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส) โดยจัดเก็บในอัตราคงที่ 5% หรือผู้รับจะเลือกนำรวมคำนวณภาษีในฐานะเงินได้อื่นๆ (เงินได้ประเภทที่ 8) ก็ได้
ภาษีการรับการให้เป็นภาษีที่มาพร้อมกับ ภาษีมรดก เพื่อจัดเก็บภาษีจากการถ่ายโอนมรดกเมื่อเจ้าของมรดกเสียชีวิต รวมถึงการดักทางไม่ให้เลี่ยงภาษีมรดกโดยการเก็บภาษีการให้สำหรับการถ่ายโอนทรัพย์สินก่อนที่เจ้าของมรดกจะเสียชีวิตด้วย
อัตราภาษี
ในกรณีทั่วไปจะคำนวณภาษีในอัตรา 5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท1
แต่ถ้าผู้รับเป็นบุพการี (พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ทวด และสูงขึ้นไป) หรือผู้สืบสันดาน (ลูก หลาน เหลน โหลน ลื้อ และต่ำลงมา) หรือคู่สมรสตามกฎหมาย ให้คำนวณภาษีอัตรา 5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับเฉพาะส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท2
การยื่นภาษี
เนื่องจากการรับการให้เป็นเงินได้อื่นๆ (เงินได้ประเภทที่ 8) อยู่แล้ว ดังนั้น จึงสามารถยื่นในแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 ได้ด้วยตัวเอง โดยสามารถเลือกเสียภาษีในอัตรา 5% หรือจะเลือกนำไปรวมคำนวณกับเงินได้ทั้งหมดก็ได้3
ข้อยกเว้นการจัดภาษีการรับให้สำหรับเงินอัดฉีดที่มอบให้นักกีฬา สต๊าฟโค้ช ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ
ถ้าผู้รับเป็นนักกีฬา รวมถึงสต๊าฟโค้ช และเงินที่ได้รับเป็นเงินอัดฉีดเกิน 10 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นภาษีให้เป็นกรณีพิเศษ กล่าวคือ หากนักกีฬาได้รับเงินอัดฉีดเป็นรางวัลเนื่องจากเข้าร่วมการแข่งขันรายการมหกรรมกีฬาและรายการแข่งขันกีฬาสมัครเล่นระดับนานาชาติ (เช่น Olympic Tokyo 2020) นักกีฬาและทีมผู้ฝึกสอนจะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินอัดฉีดส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย4 ซึ่งวัตถุประสงค์ของนโยบายยกเว้นภาษีนี้คือ เพื่อเป็นการสนับสนุนนักกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาตินั่นเอง5
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ภาษีมรดก
อ้างอิง
- ^
มาตรา 48(7) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 48(6) ประมวลรัษฎากร
- ^
มาตรา 48(6) และ (7) ประมวลรัษฎากร
- ^
ข้อ 2(93) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)
- ^
กฎกระทรวง ฉบับที่ 325 (พ.ศ.2560)