หนงั สือเรียนสาระทกั ษะการเรียนรู้ รายวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ (ทร ) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั พนื ฐาน สาํ นกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ห้ามจาํ หน่าย หนงั สือเรียนเล่มนีจดั พมิ พด์ ว้ ยเงินงบประมาณแผน่ ดินเพอื การศึกษาตลอดชีวติ สาํ หรับประชาชน ลิขสิทธิ เอกสารทางวิชาการลาํ ดบั ที / ~2~ ) หนงั สือเรียนสาระทกั ษะการเรียนรู้ รายวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ (ทร ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ลขิ สิทธิเป็นของ สาํ นกั งาน กศน. สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ~3~ หน้า สารบญั 10 บทที การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ~4~ คาํ นํา กระทรวงศึกษาธิการไดป้ ระกาศใช้หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั พืนฐาน พุทธศกั ราช เมือวนั ที กนั ยายน พ.ศ. แทนหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการจดั การศึกษานอกโรงเรียน ตามหลกั สูตรการศึกษาขนั พืนฐาน พุทธศกั ราช ซึงเป็ นหลกั สูตรทีพฒั นนาตขาึ มหลกั ปรัชญาและ ความเชือพนื ฐานในการจดั การศกึ ษานอกโรงเรียนทีมกี ล่มุ เป้ าหมายเป็นผใู้ หญ่มกี ารเรียนรู้แลงะสสมั ความรู้ และประสบการณ์อยา่ งต่อเนือง ในปี งบประมาณ กระทรวงศึกษาธิการไดก้ าํ หนดแผนยทุ ธศาสตร์ในการขบั เคลือนนโยบาย ทางการศึกษาเพือเพมิ ศกั ยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขนั ให้ประชาชนไดม้ ีอาชีพทีสามารถสร้าง รายได้ทีมังคังและมนั คง เป็ นบุคลากรทีมีวินัย เปี ยมไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรม และมีจิตสํานึก รับผดิ ชอบต่อตนเองและผอู้ ืน สาํ นกั งาน กศน. จึงไดพ้ ิจารณาทบทวนหลกั การ จุดหมาย มาตรฐาน ผลการ เรียนรู้ ทีคาดหวงั และเนือหาสาระ ทงั กลุ่มสาระการเรียนรู้ ของหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขันพืนฐาน พุทธศกั ราช ใหม้ ีความสอดคลอ้ งตอบสนองนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ซึงส่งผลใหต้ ้องปรับปรุงหนงั สือเรียน โดยการเพิมและสอดแทรกเนือหาสาระเกียวกบั อาชีพ คุณธรรม จริยธรรมและการเตรียมพร้อม เพือเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในรายวิชาทีมีความเกียวข้องสัมพนั ธ์กนั แต่ยงั คงหลกั การและวิธีการเดิมในการพฒั นาหนังสือทีให้ผเู้ รียนศึกษาคน้ ควา้ ความรู้ดว้ ยตนเอง ปฏิบตั ิ กิจกรรม ทาํ แบบฝึกหดั เพือทดสอบความรู้ความเขา้ ใจ มีการอภิปรายแลกเปลียนเรียนรู้กบั กลุ่ม หรือศึกษา เพมิ เติมจากภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ แหล่งการเรียนรู้และสืออืน การปรับปรุงหนงั สือเรียนในครังนี ไดร้ ับความร่วมมืออยา่ งดียงิ จากผทู้ รงคุณวุฒิในแต่ละสาขาวิชา และผเู้ กียวขอ้ งในการจดั การเรียนการสอนทีศกึ ษาคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูลองค์ความรู้จากสือต่าง ๆ มาเรียบ เรียงเนือหาให้ครบถว้ นสอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั ตวั ชีวดั และกรอบเนือหาสาระ ของรายวชิ า สาํ นกั งาน กศน.ขอขอบคุณผมู้ ีส่วนเกียวขอ้ งทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี และหวงั ว่าหนังสือเรียน ชุดนีจะเป็ นประโยชน์แก่ผเู้ รียน ครู ผูส้ อน และผเู้ กียวขอ้ งในทุกระดับ หากมีข้อเสนอแนะประการใด สาํ นกั งาน กศน. ขอนอ้ มรับดว้ ยความขอบคุณยงิ ~5~ คาํ แนะนําการใช้หนงั สือเรียน หนงั สือเรียนสาระทกั ษะการเรียนรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เป็ นแบบเรียนทีจดั ทนาํ สขาํึ หรับ ในการศึกษาหนงั สือเรียนสาระทกั ษะการเรียนรู้ ผเู้ รียนควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี .
ศึกษาโครงสร้างรายวชิ าใหเ้ ขา้ ใจในสาระสาํ คญั ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั และขอบข่ายอเนหื า บทที ทกั ษะการเรียนรู้และศกั ยภาพหลกั ของพนื ทีในการพฒั นาอาชีพ ~6~ โครงสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเอง สาระสําคญั รายวิชาทกั ษะการเรียนรู้ มเี นือหาเกียวกบั การพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ของนกั เรียนในดา้
นการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ทีคาดหวัง บทที การเรียนรู้ด้วยตนเอง บทที การใช้แหล่งเรียนรู้ . ผเู้ รียนสามารถใชแ้ หล่งเรียนรู้ หอ้ งสมดุ ประชาชนได้ 1. ออกแบบผลิตภณั ฑ์ สร้างสูตร สรุปองคค์ วามรู้ใหม่ การเรียนรู้เรืองการคิดเป็น ปรัชญาคิดเป็น การคิดแกป้ ัญหา อยา่ งเป็นระบบ แบบคน ~7~ และการตดั สินใจ ทงั ขอ้ มลู ดา้ นวชิ าการ ขอ้ มลู เกียวกบั ตนเอง ขอ้ มลู เกียวกบั สงั คมและ ~8~ ขอบข่ายเนือหา บทที การเรียนรู้ด้วยตนเอง บทที การใช้แหล่งเรียนรู้ บทที การจดั การความรู้ บทที การคดิ เป็ น ~9~ บทที การวจิ ยั อย่างง่าย บทที ทกั ษะการเรียนรู้และศกั ยภาพหลกั ของพนื ทีในการพฒั นาอาชีพ ~ 10 ~ บทที ~ 11 ~ เรืองที ความหมาย ความสําคญั และกระบวนการของการเรียนรู้ด้วยตนเอง ในปัจจุบนั โลกมคี วามกา้ วหนา้ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความรู้ต่าง ๆ ไดเ้ พมิ ขึนเป็น การเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถช่วยใหผ้ เู้ รียนพฒั นาและเพมิ ศกั ยภาพ ของตนเองโดยการคน้ พบความสามารถและสิงทีมีคุณค่าในตนเองทีเคย มองขา้ มไป (“...it is possible to help learners expand their potential by discovered that which is yet untapped…”) (Brockett & Hiemstra, ) การศกึ ษาตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ
ษาขนั พืนฐาน พุทธศกั ราช เป็ นการ ~ 12 ~ รวมทงั การทีผเู้ รียนจะไดม้ ีการทบทวนบทเรียน หรือสิงทีไดเ้ รียนรู้ อนั จะเป็
นประโยชน์ในการเตรียมสอบ การเรียนรู้ในสาระทกั ษะการเรียนรู้ เป็นสาระเกียวกบั รายวชิ าการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง รายวิชาการใช้ การเรี ยนรู้ด้วยตนเอง (Self-Directed Learning) เป็ นแนวทางการเรียนรู้หนึงทีสอดคลอ้ งกับการ การเรียนรู้ดว้ ยตนเองเป็นหลกั การทางการศกึ ษาซึงไดร้ ับความสนใจมานกโขดึ ยลาํ ดบั ในทุกองคก์ ร ดงั นนั การทีผเู้ รียนสามารถเรียนรู้ดว้ ยตนเองไดน้ บั วา่ เป็นคุณลกั ษณะทีดีทีสุด
ซึงมีอยใู่ นตวั บุคคล ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการเรียนรู้ในบทที การเรียนรู้ด้วยตนเองนี ~ 13 ~ แบบประเมินตนเองก่อนเรียน แบบวัดระดบั ความพร้อมในการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียน ชือ........................................................นามสกุล................................................ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คาํ ชีแจง แบบสอบถามฉบบั นี เป็นแบบสอบถามทีวดั ความชอบและเจตคติเกียวกบั การเรียนรู้ของท่าน ใหท้ ่านอา่ นขอ้ ความต่าง ๆ ต่อไปนี ซึงมดี ว้ ยกนั ขอ้ หลงั จากนนั โปรดทาํ เครืองหมาย ลงในช่องทีตรงกบั ความเป็ นจริง ของตวั ท่านมากทีสุด ระดับความคดิ เหน็ มากทีสุด หมายถงึ ท่านรู้สึกว่า ขอ้ ความนนั ส่วนใหญ่เป็นเช่นนี มาก หมายถึง ท่านรู้สึกว่า ขอ้ ความเกินครึงมกั เป็นเช่นนี ปานกลาง หมายถงึ ท่านรู้สึกวา่ ขอ้ ความจริงบา้ งไม่จริงบา้ งครึงต่อครึง นอ้ ย หมายถึง ท่านรู้สึกว่า ขอ้ ความเป็นจริงบา้ งแต่ไมบ่ ่อยนกั นอ้ ยทีสุด หมายถึง ท่านรู้สึกว่า ขอ้ ความไมจ่ ริง ไมเ่ คยเป็นเช่นนี ความคดิ เห็น รายการคาํ ถาม มาก มาก ปาน น้อย น้อย 2. ขา้ พเจา้ ทราบดวี ่าขา้ พเจา้ ตอ้ งการเรียนอะไร 3. เมอื ประสบกบั บางสิงบางอยา่ งทีไม่เขา้ ใจ ขา้ พเจา้ จะหลกี เลยี งไปจาก สิงนนั 4. ถา้ ขา้ พเจา้ ตอ้ งการเรียนรู้สิงใด ขา้ พเจา้ จะหาทางเรียนรู้ใหไ้ ด้ 5. ขา้ พเจา้ รักทีจะเรียนรู้อยเู่ สมอ 6. ขา้ พเจา้ ตอ้ งการใชเ้ วลาพอสมควรในการเริมศกึ ษาเรืองใหม่ ๆ 7. ในชนั เรียนขา้ พเจา้ หวงั ทีจะใหผ้ สู้ อนบอกผเู้ รียนทงั หมดอยา่ งชดั เจนว่า ตอ้ งทาํ อะไรบา้ งอยตู่ ลอดเวลา 8. ขา้ พเจา้ เชือวา่ การคิดเสมอว่าตวั เราเป็นใครและอยทู่ ีไหน และจะทาํ อะไร เป็นหลกั สาํ คญั ของการศึกษาของทุกคน 9. ขา้ พเจา้ ทาํ งานดว้ ยตนเองไดไ้ มด่ ีนกั 10. ถา้ ตอ้ งการขอ้ มลู บางอยา่ งทียงั ไม่มี ขา้ พเจา้ ทราบดีวา่ จะไปหาไดท้ ี 11. ขา้ พเจา้ สามารถเรียนรู้สิงต่าง ๆ ดว้ ยตนเองไดด้ ีกวา่ คนส่วนมาก ~ 14 ~ ความคดิ เห็น รายการคาํ ถาม มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทีสุด กลาง ทีสุด 12. แมข้ า้ พเจา้ จะมคี วามคดิ ทีดี แต่ดเู หมือนไมส่ ามารถนาํ มาใชป้ ฏบิ ตั ิได้ 13. ขา้ พเจา้ ตอ้ งการมสี ่วนร่วมในการตดั สินใจวา่ ควรเรียนอะไร และจะ 14. ขา้ พเจา้ ไมเ่ คยทอ้ ถอยต่อการเรียนสิงทียาก ถา้ เป็นเรืองทีขา้ พเจา้ สนใจ 24. ขา้ พเจา้ ชืนชอบผทู้ ีเรียนรู้สิงใหม่ ๆ อยเู่ สมอ 25. ขา้ พเจา้ สามารถคิดคน้ วิธกี ารต่าง ๆ ไดห้ ลายแบบ สาํ หรับการเรียนรู้ 26. ขา้ พเจา้ พยายามเชือมโยงสิงทีกาํ ลงั เรียนกบั เป้ าหมายระยะยาว ทีตงั ไว้ 27. ขา้ พเจา้ มีความสามารถเรียนรู้ ในเกือบทุกเรือง ทีขา้ พเจา้ ตอ้
งการจะรู้ 29. ขา้ พเจา้ ไมช่ อบคาํ ถามทีมีคาํ ตอบถกู ตอ้ งมากกวา่ หนึงคาํ ตอบ ~ 15 ~ ความคดิ เห็น รายการคาํ ถาม มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทีสุด กลาง ทีสุด 31. ขา้ พเจา้ จะดีใจมาก หากการเรียนรู้ของขา้ พเจา้ ไดส้ ินสุดลง 32. ขา้ พเจา้ ไม่ไดส้ นใจการเรียนรู้ เมือเปรียบเทียบกบั ผอู้ นื 33. ขา้ พเจา้ ไมม่ ีปัญหาเกียวกบั ทกั ษะเบืองตน้ ในการศึกษาคน้ ควา้ ไดแ้ ก่ ทกั ษะการฟัง อ่าน เขียน และจาํ 34. ขา้ พเจา้ ชอบทดลองสิงใหม่ๆ แมไ้ มแ่ น่ใจว่า ผลนนั จะออกมา อยา่ งไร 35. ขา้ พเจา้ ไม่ชอบ เมอื มีคนชีใหเ้ ห็นถงึ ขอ้ ผดิ พลาด ใงนทสีขิ า้ พเจา้ กาํ ลงั ทาํ อยู่ 36. ขา้ พเจา้ มคี วามสามารถในการคดิ คน้ หาวธิ ีแปลกๆ ทีจะทาํ สิงต่าง ๆ 37. ขา้ พเจา้ ชอบคิดถึงอนาคต 38. ขา้ พเจา้ มีความพยายามคน้ หาคาํ ตอบในสิงทีตอ้ งการรู้ไดด้ ี เมอื เทียบ กบั ผอู้ ืน 39. ขา้ พเจา้ เห็นวา่ ปัญหาเปง็ทีทนา้ ทสาิ ย ไมใ่ ช่สญั ญาณใหห้ ยดุ ทาํ 40. ขา้ พเจา้ สามารถบงั คบั ตนเอง ใหก้ ระทาํ สิงทีคิดว่าควรกระทาํ 41. ขา้ พเจา้ ชอบวิธีการของขา้ พเจา้ ในการสาํ รวจตรวจสอบปัญหาต่าง ๆ 42. ขา้ พเจา้ มกั เป็นผนู้ าํ กลุ่มในการเรียนรู้ 43. ขา้ พเจา้ สนุกทีไดแ้ ลกเปลยี นความคิดเห็นกบั ผอู้ นื . ในแต่ละปี ขา้ พเจา้ ไดเ้ รียนรู้สิงใหม่ ๆ หลายๆ อยา่ งดว้ ยตนเอง . การเรียนรู้ไม่ไดท้ าํ ใหช้ ีวิตของขา้ พเจา้ แตกต่างไปจากเดิม . ขา้ พเจา้ เป็นผเู้ รียนทีมีประสิทธิภาพงใทนัชนั เรียน และการเรียนรูด้ ว้ ย ตนเอง . ขา้ พเจา้ เห็นดว้ ยกบั ความคิดทีวา่ “ผเู้ รียนคือ ผนู้ าํ ” ~ 16 ~ การเริมต้นเรียนรู้ด้วยตนเองทดี ที ีสุดนนั เรามาเริมต้นทคี วามพร้อม ความพร้อมในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผเู้ รียนตามเป้ าหมายของการศึกษา ผเู้ รียนทีมคี วามพร้อมในการเรียนดว้ ยตนเองจะมคี วามรับผดิ ชอบ “เด็กตามธรรมชาติตอ้ งพงึ พิงผอู้ นื และตอ้ งการผปู้ กครองปกป้ อยงงเลดีูและตดั สินใจแทน ความหมาย และความสําคญั ของการเรียนรู้ด้วยตนเอง หลากหลายและมีความหมายแก่ตนเอง การเรียนรู้มีองค์ประกอบ ด้าน คือ องค์ประกอบภายนอก . การเรียนรู้โดยบงั เอญิ การเรียนรู้แบบนีเกิดขึนโดยบงั เอิญ มไิ ดเ้ กิดจากความตงั ใจ ~ 17 ~ . การเรียนรู้โดยกลุ่ม การเรียนรู้แบบนีเกิดจากการทีผูเ้ รียนรวมกลุ่มกนั แลว้ เชิญผทู้ รงคุณวุฒิ . การเรียนรู้จากสถาบันการศึกษา เป็ นการเรียนแบบเป็ นทางการ มีหลกั สูตร
การประเมินผล จากสถานการณ์การเรียนรู้ดงั กล่าวจะเห็นไดว้ ่า การเรียนรู้อาจเกิดไดห้ ลายวิธี และการเรียนนรู้นั “การเรี ยนรู้เป็ นเพือนทีดีทีสุดของมนุษย”์ การเรียนรู้ด้วยตนเองคอื อะไร สนใจ ความตอ้ งการ และความถนดั
มีเป้ าหมาย รู้จกั แสวงหาแหล่งทรัพยากรของการเรียนรู้ เลือกวิธีการ การเรียนดว้ ยตนเอง มีแนวคิดพืนฐานมาจากแนวคิดทฤษฎีกลุ่มมนุษยนิยมทีมีความเชือในเรือง ~ 18 ~ การเรียนดว้ ยตนเองมีอยู่ 2 ลกั ษณะคือ ลกั ษณะทีเป็ นการจดั การเรียนรู้ทีมีจุดเน้นใหผ้ เู้ รียนเป็ น การเรียนด้วยตนเอง (Self-Directed Learning) เป็นกระบวนการเรียนรู้ทีผ้เู
รียนริเริมการเรียนรู้ด้วย การเรียนรู้ด้วยตนเองมคี วามสําคญั อย่างไร เปลียนแปลงของสภาพปัจจุบนั และเป็นแนวคิดทีสนบั สนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตของสมาชิกในสงั คมสู่การ . บุคคลทีเรียนรู้ดว้ ยการรมิเรขิ องตนเองจะเรียนไดม้ ากกวา่
ดีกวา่ มีความตงั ใจ มจี ุดมงุ่ หมายและมี ~ 19 ~ . การเรียนรู้ดว้ ยตนเองสอดคลอ้ งกบั พฒั นาการทางจิตวิทยา และกระบวนการทางธรรมชาติ ทาํ ให้ . การเรียนรู้ดว้ ยตนเองทาํ ใหผ้ เู้ รียนมีความรับผิดชอบ ซึงเป็ นลกั ษณะทีสอดคลอ้ งกบั พฒั นาการ . การเรียนรู้ดว้ ยตนเองทาํ ใหม้ นุษยอ์ ย่รู อด สามารถปรับตัวให้ทนั
ต่อความเปลียนแปลงใหม่ ๆ การเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นคุณลกั ษณะทีสาํ คัญต่อการดาํ เนินชีวิตทีมปี ระสิทธิภาพ ช่วยให้ผ้เู รียน การเรียนรู้ด้วยตนเองมลี กั ษณะอย่างไร องคป์ ระกอบภายในทีจะทาํ ใหผ้ เู้ รียนมีแรงจงู ใจอยากเรียนต่อไป โดยผเู้ รียนทีมีคุณลกั ษณะในการเรียนดว้ ย 2. ลกั ษณะทีเป็ นการจดั การเรียนรู้ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนดว้ ยตนเอง ประกอบดว้ ยนตขอั นการวาง ~ 20 ~ องค์ประกอบของการเรียนรู้ด้วยตนเองมอี ะไรบ้าง ควรศึกษาจุดมงุ่ หมายของวชิ า แลว้ เขียนจุดม่งุ หมายในการเรียนของตนใหช้ ดั เจน เนน้ พฤติกรรมที 3. การวางแผนการเรียน ใหผ้ เู้ รียนกาํ หนดแนวทางการเรียนตามวตั ถุประสงคท์ ีระบุไว้ 4. การแสวงหาแหล่งวิทยาการทงั ทีเป็นวสั ดุและบุคคล องค์ประกอบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ้เู รียนควรมกี ารวเิ คราะห์ความต้องการ วเิ คราะห์ ~ 21 ~ กจิ กรรม กระบวนการของการเรียนรู้ด้วยตนเอง สาํ คญั ทีจะนาํ ผเู้ รียนไปสู่การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง เพราะความรับผดิ ชอบในการเรียนรู้ดว้ ยตนเองนนั หมายถงึ ในการเรียนรู้ด้วยตนเองผ้เู รียนและครูควรมบี ทบาทอย่างไร การเปรียบเทียบบทบาทของครูและผู้เรียนตามกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง บทบาทของผ้เู รียนในการเรียนรู้ด้วยตนเอง บทบาทของครูในการเรียนรู้ด้วยตนเอง 1. การวเิ คราะห์ความต้องการในการเรียน 1. การวเิ คราะห์ความต้องการในการเรียน ~ 22 ~ บทบาทของผ้เู รียนในการเรียนรู้ด้วยตนเอง บทบาทของครูในการเรียนรู้ด้วยตนเอง บางส่วน ~ 23 ~ บทบาทของผ้เู รียนในการเรียนรู้ด้วยตนเอง บทบาทของครูในการเรียนรู้ด้วยตนเอง 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ จะเห็นไดว้ ง่าผทเู้ รั ียนและครูตอ้ งมีการวินิจฉัยความตอ้ งการสิงทีจะเรียน ความพร้อมของ ~ 24 ~ ลกั ษณะสําคญั ในการเรียนรู้ด้วยตนเองของผ้เู รียน มีดงั นี 1. การมสี ่วนร่วมในการวางแผน การปฏบิ ตั ิตามแผน และการประเมินผลการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ ผเู้ รียนมี ส่วนร่วมวางแผนกจิ กรรมการเรียนรู้บนพนื ฐานความตอ้ งการของกลุ่มผเู้ รียน 2. การเรียนรูท้ ีคาํ นึงถงึ ความสาํ คญั ของผเู้ รียนเป็นรายบุคคล ไดแ้ ก่ ความแตกตา่ งในความสามารถ ความรู้พนื ฐาน ความสนใจเรียน วิธีการเรียนรู้ จดั เนือหาและสือใหเ้ หมาะสม 3. การพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ไดแ้ ก่ การสืบคน้ ขอ้ มลู ฝึกเทคนิคทีจาํ เป็น เช่น การสงั เกต การอ่านอยา่ งมจี ุดประสงค์ การบนั ทึก เป็นตน้ 4. การพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ซึงกนั และกนั ไดแ้ ก่ การกาํ หนดใหผ้ เู้ รียนแบ่งความรับผดิ ชอบใน กระบวนการเรียนรู้ การทาํ งานเดียว และเป็นกลุ่มทีมที กั ษะการเรียนรู้ต่างกนั 5. การพฒั นาทกั ษะการประเมินตนเองและการร่วมมอื ในการประเมนิ กบั ผอู้ ืน ไดแ้ ก่ การใหผ้ เู้ รียน เขา้ ใจความตอ้ งการในการประเมิน ยอมรับการประเมนิ จากผอู้ นื เปิ ดโอกาสใหป้ ระเมินหลายรูปแบบ กระบวนการในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง เป็นวิธีการทีผเู้ รียนตอ้ งจดั กระบวนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง โดย ดาํ เนินการ ดงั นี 1. การวนิ ิจฉยั ความตอ้ งการในการเรียน 2. การกาํ หนดจดุ ม่งุ หมายในการเรียน 3. การออกแบบแผนการเรียน : โดยเขียนสญั ญาการเรียน, เขียนโครงการเรียนรู้ 4. การดาํ เนินการเรียนรู้จากแหลง่ วทิ ยาการ 5. การประเมินผล การตอบสนองของผเู้ รียนและครูตามกระบวนการในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง มีดงั นี ขันตอน การตอบสนองของผ้เู รียน การตอบสนองของครู 1. วินิจฉัยความต้องการในการ 1. ศกึ ษา ทาํ ความเขา้ ใจ คาํ อธิบาย 1. กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนตระหนกั ถงึ เรียนรู้ของผเู้ รียน รายวชิ า ความจาํ เป็นในการเรียนรู้ดว้ ย 2. วินิจฉยั ความตอ้ งการในการ ตนเอง เรียนของตนเอง ทงั รายวิชาและ 2. วิเคราะหค์ าํ อธิบายรายวิชา รายหวั ขอ้ การเรียน จุดประสงค์ เนือหา กิจกรรมและ 3. แบ่งกล่มุ อภิปรายเกียวกบั การประเมนิ การเรียนรายวิชา ความตอ้ งการในการเรียนเพอื ให้ 3. อธิบายใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจ ผเู้ รียนแต่ละคนมนั ใจในการ คาํ อธิบายรายวิชา วนิ ิจฉยั ความตอ้ งการในการเรียน 4. ใหค้ าํ แนะนาํ แก่ผเู้ รียนในการ ของตนเอง วนิ ิจฉยั ความตอ้ งการในการเรียน 5. อาํ นวยความสะดวกในการ เรียนแบบร่วมมอื ในกลมุ่ ~ 25 ~ ขันตอน การตอบสนองของผ้เู รียน การตอบสนองของครู 2. กาํ หนดจุดมุง่ หมายใน 1. ผเู้ รียนแต่ละคนเขยี น 1. ใหค้ าํ แนะนาํ แก่ผเู้ รียนในการ การเรียน จุดมงุ่ หมาย การเรียนในแต่ละ เขี ยนจุ ดมุ่ งหมายก ารเรี ยน ที หวั ขอ้ การเรียน ทีวดั ไดส้ อดคลอ้ ง ถกู ตอ้ ง กบั ความตอ้ งการในการเรียนของ ผเู้ รียนและอธิบายรายวิชา 3. วางแผนการเรี ยนโดยเขียน 1. ทาํ ความเขา้ ใจเกียวกบั ความ 1. ใหค้ าํ แนะนาํ แก่ผเู้ รียนเกียวกบั สญั ญาการเรียน จาํ เป็นและวิธีการวางแผนการ คว า มจํา เป็ น และ วิธี ก าร ว า ง เรียน แผนการเรียน 2. เขียนสญั ญาการเรียนที 2. ใหค้ าํ แนะนาํ ผเู้ รียนในการเขียน สอดคลอ้ งกบั คาํ อธิบายรายวชิ า สญั ญาการเรียน รวมทงั ความตอ้ งการและความ สนใจของตนเอง ในการเรียนแต่ ละครัง 4. เขียนโครงการเรียนรู้ 1. ร่วมกบั ผสู้ อนและเพอื นเขียน 1. ใหค้ าํ แนะนาํ ในการเขียน โครงการเรียนรู้ของทงั ชนั โดย โครงการเรียนรูร้ ายวชิ า พจิ ารณาจากโครงการเรียนรู้ที 2. พิจารณาโครงการเรียนรู้ ผสู้ อนร่างมาและสญั ญาการเรียน ร่วมกบั ผเู้ รียนโดยกระตุน้ ให้ ของทุกคน ผเู้ รียนแสดงความคิดเห็นอยา่ ง ทวั ถงึ 3. ร่วมกบั ผเู้ รียนสรุปโครงการ เรียนรู้ใหเ้ หมาะสม 5. ดาํ เนินการเรียนรู้ 1. ทบทวนความรู้เดิมของตนเองที 1. ทดสอบความรู้เดิมของผเู้ รียน จาํ เป็นสาํ หรับการสร้างความรู้ โดยใชเ้ ทคนิคการตงั คาํ ถามหรือ ใหม่ โดยการตอบคาํ ถามหรือทาํ ทดสอบ แบบทดสอบ ~ 26 ~ ขันตอน การตอบสนองของผ้เู รียน การตอบสนองของครู เรียนตามสญั ญาการเรียนอยา่ ง ผเู้ รียนจะสามารถเชือมโยงความรู้ กระตือรือร้น โดยการสืบคน้ และ เดิมกบั ความรู้ใหม่ได้ แสวงหาความรู้เพือสนองตอบ 3. ตงั คาํ ถามเพอื กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียน ความตอ้ งการในการเรียนดว้ ย คน้ หา คาํ ตอบและประมวล วิธีการทีหลากหลาย และใชแ้ หล่ง คาํ ตอบดว้ ยตนเอง ทรัพยากรการเรียนทีเหมาะสม 4. สร้างบรรยากาศทีส่งเสริม ตามความตอ้ งการของตนเอง โดย การเรียน นาํ ความรู้และประสบการณ์เดิม 5. ใหค้ าํ ปรึกษา ใหข้ อ้ มลู ทีเกียวขอ้ งกนั มาใชใ้ นการคน้ หา ช่วยเหลือ และอาํ นวยความ คาํ ตอบ สะดวกในกิจกรรมการเรียนของ 3. แบ่งกล่มุ เรียนแบบร่วมมือ เพือ ผเู้ รียนตามความจาํ เป็นและความ ศึกษาในประเด็นทีตอ้ งตอบ ตอ้ งการของผเู้ รียน คาํ ถาม โดยการปรับจุดมุง่ หมาย 6. กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนใชค้ วามรู้และ ในการเรียนของ ผเู้ รียนแต่ละคน ประสบการณ์เดิมทีเกียวขอ้ งกนั เป็นของกลุ่ม แลว้ แบ่งบทบาท มาใชใ้ นการคน้ หาคาํ ตอบ โดยให้ หนา้ ทีเพือแสวงหาความรู้ โดยใช้ ยกตวั อยา่ งหรือเปรียบเทียบ เทคนิคการตงั คาํ ถามเพอื นาํ ไปสู่ เหตุการณ์ทีเกียวขอ้ งกบั เรือง การหาคาํ ตอบ ทงั นีกลมุ่ ผเู้ รียนแต่ ทีเรียน ละกลุ่มอาจมีรูปแบบในการทาํ 7. ติดตามในการเรียนของผเู้ รียน กลุ่มทีแตกต่างกนั ตามสญั ญาการเรียนและให้ 4. ใชค้ วามคิดอยา่ งเต็มที คาํ แนะนาํ มีปฏิสมั พนั ธ์ โตต้ อบ คดั คา้ น 8. ติดตามเป็นระยะ ๆ และให้ สนบั สนุน และ แลกเปลยี นความ ขอ้ มลู ป้ อนกลบั แก่ผเู้ รียน คิดเห็นและความรู้สึกทีเปิ ดกวา้ ง 9. บนั ทึกปัญหาและขอ้ ขดั ขอ้ ง ในกลุ่ม และรับฟังความคิดเห็น ต่าง ๆในการดาํ เนินกิจกรรมการ ของผอู้ ืน เพือหาแนวทาง เรียนเพอื เสนอแนะการปรับปรุง การไดม้ าซึงคาํ ตอบทีตอ้ งการ ใหด้ ีขึน ของตนเองและของกลมุ่ ~ 27 ~ ขันตอน การตอบสนองของผ้เู รียน การตอบสนองของครู และยอมรับความสามารถของผอู้ นื กิจกรรม และกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนมี 6. ตดั สินใจ และช่วยแกป้ ัญหาต่างๆ ส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียน ทีเกิดขนึ ในกิจกรรมการเรียน อยา่ งเต็มที ยอมรับฟังความ 7. ฝึกปฏบิ ตั ิทกั ษะทีตอ้ งศกึ ษาตาม คิดเห็นของผเู้ รียน และไม่ตดั สิน จุดมงุ่ หมายการเรียน ว่าความคิดเห็นของผเู้ รียนไม่ 8. ขอความชว่ ยเหลอื จากผสู้ อน ถกู ตอ้ ง ตามความเหมาะสม 11. กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนสือสาร 9. ปรึกษาผสู้ อนเป็นระยะๆ ตามที ความรูค้ วาม เขา้ ใจและแนวคิด ระบุไวใ้ นสญั ญาการเรียนเพอื ขอ ของตนเองใหผ้ อู้ ืน เขา้ ใจอยา่ ง คาํ แนะนาํ ช่วยเหลือ ชดั เจน 10. ปรับเปลียนการดาํ เนินการเรียน 12. กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วม ตามความเหมาะสม และบนั ทึกสิงที ในการอภิปรายแลกเปลยี นความ ปรับเปลียนลงในสญั ญาการเรียน คิดเห็นอยา่ งกวา้ งขวางงใทนักลุ่ม ใหช้ ดั เจน และนาํ ไปเป็นขอ้ มลู ใน และชนั เรียน การวนิ ิจฉยั ตนเองเพอื ตงั 13. สงั เกตการเรียนของผเู้ รียน จุดมงุ่ หมายในการเรียนครังต่อไป บนั ทึก พฤติกรรมและ 11. อภิปรายและสรุปความรู้ทีไดใ้ น กระบวนการเรียนของผเู้ รียน กลุ่ม รวมทงั เหตุการณ์ทีส่งผลต่อการ 12. นาํ เสนอวิธีการเรียนและความรู้ เรียน ทีไดต้ ่อทงั ชนั โดยใชร้ ูปแบบใน 14. กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนสรุปความรู้ การแสดงออกในสิงทีตนไดเ้ รียนรู้ ความเขา้ ใจในบทเรียนดว้ ยตนเอง ทีหลากหลาย 15. กลนั กรอง แกไ้ ข และเสริม 13. อภิปราย แสดงความคิดเห็น สาระสาํ คญั ของบทเรียนใหช้ ดั เจน สะทอ้ นความรู้สึกและให้ และครอบคลุมจุดม่งุ หมายการ ขอ้ เสนอแนะเกียวกบั วิธีการเรียน เรียน ดว้ ยตนเองทีมปี ระสิทธิภาพ สิง 16. ร่วมกบั ผเู้ รียนอภิปราย สนบั สนุนและสิงขดั ขวางการเรียน เกียวกบั วธิ ีการเรียนทีมี การ เรียน ประสิทธิภาพ สิงทีสนบั สนุนและ สิงทีขดั ขวางการเรียน ~ 28 ~ ขันตอน การตอบสนองของผ้เู รียน การตอบสนองของครู 15. เขียนรายงานผลการเรียนทงั ในด้านเนือหาและวิธีการเรี ยน ร ว ม ทั ง ค ว า ม รู้ สึ ก เ กี ย ว กั บ ความสาํ เร็จหรือไม่สาํ เร็จในการ เรี ยนเป็ นรายบุคคลและรายกลมุ่ 1. ประเมนิ ผลการเรียนของตนเอง 1. กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนตรวจสอบ โดยเปรียบเทียบกบั จุดมงุ่ หมายใน ความรู้ความเขา้ ใจของตนเอง การเรียนของตนเอง ตลอดเวลา 2. ใหเ้ พอื นและครูช่วยสะทอ้ นผล 2. ประเมนิ การเรียนของผเู้ รียน การเรียน จากการสงั เกตพฤติกรรมในการ 3. ใหข้ อ้ มลู ป้ อนกลบั แก่เพือนใน เรียน ความสามารถในการเรียน กลุ่ม ตามสญั ญาการเรียน และผลงาน ในแฟ้ มสะสมงาน 3. ให้ขอ้ มูลป้ อนกลบั แก่ผูเ้ รียน รายบุคคลและรายกลุ่มเกียวกับ กระบวนการเรียนดว้ ยตนเองและ พฤติกรรมในการเรียนรวมทงั ให้ ขอ้ เสนอแนะตามความ เหมาะสม ~ 29 ~ ลกั ษณะทีเป็ นการจดั การเรียนรู้ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนดว้ ยตนเองตามกระบวนการในการเรียนรู้ดว้ ย คาํ ว่า สัญญา โดยทัวไปหมายถึง ขอ้ ตกลงระหว่างบุคคล ฝ่ าย หรือหลายฝ่ ายว่าจะทาํ การหรือ คาํ วา่ สญั ญา แปลตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน แปลว่า “ขอ้ ตกลงกนั ” ดงั นนั สญั ญาการ สญั ญาการเรียนเป็นรูปแบบของการเรียนรู้ทีแสดงหลกั ฐานของการเรียนรู้โดยใชแ้ ฟ้ มสะสมผลงาน .
แนวคดิ ~ 30 ~ มากนกั อย่างไรก็ดีเมือพดู
ถึงระบบการศึกษาก็ยอ่ มจะตอ้ งมีการกล่าวถึงคุณภาพของบุคคลทีเขา้ มาอย่ใู น ขอ้ ดีของสญั ญาการเรียน คือเป็ นการประสานความคิดทีว่าการเรียนรู้ ควรให้ผเู้ รียนกาํ
หนดและ . การเขียนสญั ญาการเรียน จุดประสงคข์ องรายวิชานี การเรียนยอ่ ย ขันที แจกแบบฟอร์มของสัญญาการเรียน จดุ ม่งุ หมาย แหล่งวทิ ยาการ/วธิ กี าร หลกั ฐาน การประเมนิ ผล เป็นส่วนทีระบุวา่ ผเู้ รียนเป็นส่วนทีระบุวา่ ผเู้ รียนเป็นส่วนทงีมอสี า้ ิงอิง เป็นส่วนทีระบุว่าผเู้ รียน ตอ้ งการบรรลุผลสาํ เร็จ จะเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งไร หรือยนื ยนั ทีเป็น สามารถเกิดการเรียนรู้ ในเรืองอะไร อยา่ งไร จากแหลง่ ความรู้ใด รูปธรรมทีแสดงให้ ในระดบั ใด เห็นว่าผเู้ รียนไดเ้ กิด การเรียนรู้แลว้ โดยเก็บ รวบรวมเป็นแฟ้ มสะสม งาน ~ 31 ~ ขันที อธิบายวธิ ีการเขียนขอ้ ตกลงในแบบฟอร์มแต่ละชอ่ งโดยเริมจาก ขันที ถามปัญหาและขอ้ สงสยั . จุดมุ่งหมายมคี วามแจ่มชดั หรือไม่ เขา้ ใจหรือไม่ เป็นไปไดจ้ ริงหรือไมบ่ อกพฤตกิ รรมทีจะใหเ้ กิด . มีจุดประสงคอ์ ืนทีพอจะนาํ มากล่าวเพมิ เติมไดอ้ กี หรือไม่ ~ 32 ~ ขันที การเรียนก่อนทีจะจบเทอม อาทิตย์ ใหผ้ เู้ รียนนาํ แฟ้ มสะสมงาน (แฟ้ มเก็บขอ้ มลู ขันที ครูและผเู้ รียนจะตงั คณะกรรมการในการพจิ ารณาแฟ้ มสะสมงานทีผเู้ รียนนาํ มาส่งและ แบบฟอร์มสัญญาการเรียน เขียนที....................................................... วนั ที.........เดือน........................พ.ศ. ............. ขา้ พเจา้ (นาย/นาง/นางสาว)...................................................เป็นนกั ศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาํ เภอ...............................................ขอกาํ หนดเป้ าหมาย การเรียนในภาคเรียนที........ปี การศกึ ษา.........คือขา้ พเจา้ จะทาํ ใหผ้ ลการเรียนในรายวชิ า................................ ไดร้ ะดบั คะแนน............โดยการปฏบิ ตั ิดงั นี จุดม่งุ หมาย วธิ กี ารเรียนรู้/ หลกั ฐาน การประเมนิ ผล แหล่งวทิ ยาการ ~ 33 ~ ตารางการกาํ หนดเป้ าหมายการทาํ งานในแต่ละวนั (นาย/นาง/นางสาว)............................................................ วนั เดอื น เวลา เป้ าหมายทีจะปฏบิ ัติ ผลการปฏิบตั ิ หมายเหตุ ~ 34 ~ เป้ าหมายการเรียนของข้าพเจ้า ภาคเรียนที ........ ปี การศึกษา................ รายวชิ าทีลงทะเบยี นเรียน ระดบั คะแนนทคี าดหวงั รหสั วชิ า ชือวชิ า หน่วยกติ A B C D 1. ................ .............................................................. ................. ........... ........... ........... ........... เกรดเฉลีย = …… โดยขา้ พเจา้ จะเริมปฏิบตั ิตงั แต่ วนั ที......เดือน.............พ.ศ. ......... ถึง วนั ที......เดือน.............พ.ศ. ......... ลงชือ....................................ผทู้ าํ สญั ญา
ลงชือ....................................พยาน ลงชือ....................................พยาน ลงชือ....................................คู่สญั ญา ~ 35 ~ (ตวั อย่าง) จดุ ม่งุ หมาย วธิ ีการเรียนรู้/แหล่ง หลกั ฐาน การประเมนิ ผล เพือใหก้ ารเรียน วทิ ยาการ เสนอแนะไวใ้ น ขอ้ คิดเห็นจากหนงั สือประเมนิ รายงานยอ่ และ หลกั สูตร ทีอา่ น บนั ทึกการเรียน โดย 2. อ่านหนงั สือที 2. จดบนั ทกึ การเรียน ประเมนิ ตามหวั ขอ้ เกียวขอ้ งอนื ๆ การอภิปราย ต่อไปนี 3. สอบถามครู เมือพบ 3. ทาํ กิจกรรมทกี าํ หนด 1. รายงานยอ่ ครอบคลุม ขอ้ ขอ้ งใจในชนั เรียน ในหนงั สือ เนือหามากพอทีจะใช้ หรือเมอื อ่านหนงั สือ ในการสอบเพือให้ แลว้ เกิดความสงสยั ไดเ้ กรดตามทีไดม้ งุ่ อนั เป็นอปุ สรรคต่อ หมายไว้ การทาํ ความเขา้ ใจ บทเรียน 2. ทาํ ตารางการกาํ หนด 4. รวมกลมุ่ รายงานและ เป้ าหมายการทาํ งาน อภิปรายกบั ผเู้ รียนอืน ในแต่ละวนั โดยใหม้ ี หรือกล่มุ การเรียนอนื ผลการปฏิบตั ิตาม เป้ าหมายดว้ ย 3. รายงานมีความ ฯลฯ ท่านได้เรียนรู้เกียวกับสัญญาการเรี ยนทีเน้นความรับผิดชอบ ~ 36 ~ การประเมนิ ผลการเรียนโดยใช้แฟ้ มสะสมงาน เรียนรู้ทีใหผ้ เู้ รียนเรียนรู้ดว้ ยตนเองโดยการจดั ทาํ แฟ้ มสะสมงานทีมีความเชือพนื ฐานทีสาํ คญั มาจากการให้ . ความเชือเกียวกบั การจดั การศกึ ษา สามารถทีจะริเริมและเกิดการเรียนรูข้
องตนเองได้ ความหมายต่อชีวติ . ความเชือเกียวกบั การเรียนรู้ ตนเอง การเสริมสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้และการสรา้ งบริบทของสงั คมใหผ้ เู้ รียนไดป้ ฏสิ มั พนั ธก์ บั การเรียนรู้มอี งคป์ ระกอบทางดา้
นปัญญาหลายดา้ นทงั ในดา้ นภาษา คาํ นวณ พนื ที การแสวงหาความรู้จะมปี ระสิทธิภาพมากยงิ ขึนถา้ อยใู่ นบริบททีมีความหมายต่อชีวิต . ความเชือเกียวกบั การประเมิน การพฒั นาศกั ยภาพของผเู้ รียน ~ 37 ~ การประเมนิ ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ไมใ่ ช่สิงสะทอ้ นความสามารถที การประเมนิ ตามสภาพจริงจะใหข้ อ้ มลู และข่าวสารทีเทียงตรงเกียวกบั ผเู้ รียนและ . ความหมายของการประเมนิ ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) เกียวกบั งานหรือภารกิจทีผเู้ รียนไดท้ าํ รวมทงั แสดงวธิ ีการว่าไดท้ าํ อยา่ งไร เพือใชเ้ ป็นขอ้ มนลู ฐพาื นเกียวกบั . ลกั ษณะทสี ําคญั ของการประเมนิ ตามสภาพจริง (Authentic
Assessment) ~ 38 ~ . การประเมนิ ผลการเรียนโดยใช้แฟ้ มสะสมงาน มาจากศลิ ปิ น (artist) มาใชใ้ นทางการศกึ ษาเพอื การประเมนิ ความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ของผเู้ รียน โดย ผเู้ รียนสามารถแสดงความสามารถในการทาํ งานโดยทีการสอบทาํ ไม่ได้ ~ 39 ~ . ลกั ษณะของแฟ้ มสะสมงาน จานผสมสีเป็นส่วนทีรวมเรืองสีต่าง ๆงนทีแั ฟ้ มสะสมงานเป็งนทสีริ วมการประเมินแบบต่าง ๆ เพือการ กล่าวโดยทวั ไป แฟ้ มสะสมงานจะมลี กั ษณะทีสาํ คญั ประการคือ . จุดม่งุ หมายของการประเมนิ โดยใช้แฟ้ มสะสมงาน มดี ังนี . กระบวนการของการจดั ทําแฟ้ มสะสมงาน ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม Kay Burke (1994) และคณะ ไดก้ าํ หนดขนั ตอนของการวางแผนจดั ทาํ แฟ้ มสะสมงานไว้ ขนั ที กาํ หนดจดุ มงุ่ หมาย และรูปแบบ ~ 40 ~ ขนั ที 10 ขนั การประชาสมั พนั ธ์ หรือจดั นิทรรศการแฟ้ มสะสมงาน . รูปแบบ (Model) ของการทําแฟ้ มสะสมงาน สามารถดาํ เนนิ การได้ดงั นี . การวางแผนทาํ แฟ้ มสะสมงาน เรียนการสอนและการวดั ผลประเมินผล กระบวนการเรียนรู้ทงั หมด ~ 41 ~ . การเกบ็ รวบรวมชินงานและการจดั แฟ้ มสะสมงาน เพอื การแสดงใหเ้ ห็นความพยายาม ความกา้ วหนา้ และความสาํ เร็จของผเู้ รียนในเรืองใดเรืองหนึง รูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทีตงั ไว้ ไดด้ งั นี ตนเอง ตามแนวคิดโครงการเรียนแบบผใู้ หญ่ของ Tough (1971) โดยการนาํ ขอ้ มูลทีไดจ้ ากการสาํ รวจความ ~ 42 ~ การเรียน แหล่งทรัพยากรการเรียน และอปุ กรณ์ทีใชใ้ นการเรียน สถานทีทีใชใ้ นการเรียน
เวลาและเป้ าหมาย 2. การทาํ สญั ญาการเรียน (Learning contracts) ซึงเป็ นเครืองมือในการเรียนดว้ ยตนเองตาม (1) ผเู้ รียนจะมีความเขา้ ใจถึงความแตกต่างของบุคคลดา้ นความคิด และทกั ษะทีจาํ เป็ น (2) ผเู้ รียนจะมีความสามารถในการสร้างความสัมพนั ธ์อนั ดีกบั เพือน เพือทีจะใหบ้ ุคคล (3) ผเู้ รียนจะมีความสามารถในการวินิจฉัยความตอ้ งการในการเรียนอย่างแทจ้ ริงโดย (4) ผเู้ รียนจะมีความสามารถในการกาํ หนดจุดมุ่งหมายการเรียนจากความตอ้ งการในการ (5) ผเู้ รียนจะมีความสามารถในการเชือมความสมั พนั ธ์กบั ผสู้ อนเพือขอความช่วยเหลือ (6) ผูเ้ รียนจะมีความสามารถในการแสวงหาบุคคลและแหล่งทรัพยากรการเรียนที (7) ผเู้ รียนจะมีความสามารถในการเลือกแผนการเรียนทีมีประสิทธิภาพ โดยใชแ้ หล่ง (8) ผเู้ รียนจะมคี
วามสามารถในการเก็บขอ้ มลู และนาํ ผลจากขอ้ มลู ทีคน้ พบไปใชไ้ ดอ้ ย่าง ~ 43 ~ 3. การเรียนแบบตวั ต่อตวั (One-to-one learning) การเรียนดว้ ยรูปแบบนีผเู้ รียนจะทาํ งานเป็ นคู่ 4. การเรียนแบบร่วมมือในกลุม่ (Collaborative learning) เป็นการแลกเปลียนเรียนรู้ ประสบการณ์ 5. การทาํ บนั ทึกการเรียน (Learning log) เพือบนั ทึกขอ้ มูล ความคิด ความรู้สึก ความคาดหวงั 6. การจดั ช่วงเวลาสาํ หรับสรุปสิงทีเรียนรู้ เนืองจากในการเรียนดว้ ยตนเอง ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้และ 7. การสร้างห้องสมุดของตนเอง หมายถึง การรวบรวมรายชือ ขอ้ มูล แหล่งทรัพยากร 8. การหาแหล่งทรัพยากรการเรียนในชุมชน เช่น การสนทนากบั ผรู้ ู้ ผชู้ าํ นาญในอาชีพต่างๆ หรือ สรุปไดว้ ่าการจดั การเรียนรู้ให้ผเู้ รียนมีการเรียนดว้ ยตนเอง สามารถเลือกใชร้ ูปแบบในการเรียน ~ 44 ~ Knowles (1975) ไดเ้ สนอใหผ้ เู้ รียนพจิ ารณาสิงต่าง ๆประกอบในการวางแผนการเรียน
ดงั นี 1. วนิ ิจฉยั ความตอ้ งการในการเรียนของตนเอง ~ 45 ~ 6. เลอื กแหลง่ ทรัพยากรการเรียนทีเป็นบุคคงลขสอิ ง หรือประสบการณ์ทีจะช่วยใหบ้ รรลุ 7. เลอื กและรับขอ้ มลู ข่าวสารในการตอบคาํ ถาม ~ 46 ~ เรืองที ทกั ษะพนื ฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปัญหาและเทคนิคการเรียนรู้ด้วยตนเอง และคิดไดอ้
ยา่ งปราดเปรือง อ่านไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ตลอดจนเขียนไดอ้ ยา่ งมืออาชีพงนที ัก็เพราะเราเขา้ ใจกนั ดี การฟัง เป็นการรับรู้ความหมายจากเสียงทีไดย้ นิ เป็นการรับสารทางหู การไดย้ นิ เป็มตน้ นขกอางรเริ การพูด เป็นพฤติกรรมการสือสารทีใชก้ นั แพร่หลาวยไทปั ผพู้ ูดสามารถใชท้ งั วจนภาษา (คือการ การอ่าน เป็นพฤติกรรมการรับสารทีสาํ คญั ไงมห่ยยิ ่อนไปกว่าการฟัง ปัจจุบนั มีผรู้ ู้นกั วิชาการและ การเขยี น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและความตอ้ งการของบุคคลออกมาเป็ นสัญลกั ษณ์ คือ ~ 47 ~ กจิ กรรมที 1 คุณเป็นผฟู้ ังทีดีหรือเปล่า ใหต้ อบแบบทดสอบต่อไปนี ดว้ ยการทาํ เครืองหมาย ในช่องคาํ ตอบทางดา้ นขวา เพือประเมินว่า คุณเป็นผฟู้ ังไดด้ ีแค่ไหน ลกั ษณะของการฟัง ความบ่อยครัง ใหญ่ ครัง เคย . ปล่อยใหผ้ พู้ ดู แสดงความคิดของเขาจนจบโดยไม่ ขดั จงั หวะ . ในการประชุม หรือระหวา่ งโทรศพั ท์ มกี ารจดโนต้ สาระสาํ คญั ของสิงทีไดย้ นิ . กลา่ วทวนรายละเอียดทีสาํ คญั ของการสนทนากบั ผพู้ ดู เพอื ใหแ้ น่ใจว่าเราเขา้ ใจถกู ตอ้ ง . พยายามตงั ใจฟัง ไมว่ อกแวกไปคิดเรืองอืน . พยายามแสดงท่าทีวา่ สนใจในคาํ พดู ของผอู้ นื . รู้ดีวา่ ตนเองไม่ใช่นกั สือสารทีดี ถา้ ผกู ขาดการพดู แต่ ผเู้ ดียว . แมว้ า่ กาํ ลงั ฟังก็แสดงอาการต่าง ๆ เช่น ถาม จดสรงุปสิ ทีไดฟ้ ัง กลา่ วทวนประเด็นสาํ คญั ฯลฯ . ทาํ ท่าต่าง ๆ เหมือนกาํ ลงั ฟังอยใู่ นทีประชุม เช่น ผงก ศรี ษะเห็นดว้ ยมองตาผพู้ ดู ฯลฯ . จดโนต้ เกียวกบั รูปแบบของการสือสารทีไมใ่ ช่คาํ พดู ของคู่สนทนา เช่น ภาษากาย นาํ เสียง เป็นตน้ พ.ยายามทีจะไมแ่ สดงอาการกา้ วร้าว หรือตืนเตน้ เกนิ ไป ถา้ มีความคิดเห็นไมต่ รงกบั ผพู้ ดู ~ 48 ~ กิจกรรมที คาํ ตอบทงั คาํ ตอบ (ในแต่ละช่อง) มคี ะแนนดงั นี ............................................................... การพูดเป็ นวิธีการสือสารทีมนุษยใ์ ชก้ นั มานานนบั พนั ปี และใน จะไดร้ บั การพฒั นาไปถึงไหน ๆ แลว้ ก็ตาม สาเหตุทีเป็นกเ็ช่นนเพี ราะวา่ การ พดู ไมใ่ ช่แตเ่ พียงเสียงทีเปล่งออกไปเป็ นคาํ ๆ แต่การพดู ยงั ประกอบไปดว้ ย นําเสียงสูง-ตาํ จงั หวะชา้ -เร็ว และท่าทางของผูพ้ ดู ทีทาํ ให้การพดู มีความ ซบั ซอ้ น และมีประสิทธิภาพยิงกวา่ เครืองมือสือสารใด ๆ การพดู นนั เปรียบเสมือนดาบสองคม คือ สามารถให้ทงั คุณ และโทษแก่ตัวผพู้ ูดได้ นอกจากนีการพูดยงั เป็ นอาวุธในการสือสารทีคน ส่วนใหญช่ อบใชม้ ากกวา่ การฟังและการเขยี น เพราะคิดวา่ การพดู ได้มากกวา่ คนอืนนนั จะทาํ ใหต้ นเองไดเ้ ปรียบ ได้ประโยชน์ แต่ทงั ๆทีคิดอยา่ งนีหลาย คนก็ยงั พาตวั เองไปสู่ความหายนะไดด้ ว้ ยปาก เขา้ ทาํ นองปากพาจน ซึงเหตุที เป็นเชก่น็นี เพราะรู้กนั แต่เพียงวา่ ฉนั อยากจะพูด โดยไคมิด่ก่อนพูด การพดู ทีจะใหค้ ณุ แกต่ นเองไดน้ นั ควรมีลกั ษณะดงั นี ถูกจงั หวะเวลา ภาษาเหมาะสม แนเนวือกหาราตชวอนบติดตาม นาํ เสียงชวนฟัง กเราารกใจพหิึรงิยผจดู้ าะฟูท้ ทเังุกป่ามท็คนีสารน่งวังดนาจียราํข่วเอมป็งนคตาํ ้อพงดู คไิดดแ้ทลุกะคเปร็ันง กเตปมาวั็ีรอขคาอริดงนมกตณธ่อวั รข์เนรอนั มพงชูดาติและเป็น ~ 49 ~ กจิ กรรมทีใหอ้ ่านเรือง “การมองโลกในแง่ด”ี และสรุปเรืองทีอา่ น ใหไ้ ดป้ ระมาณ บรรทดั ความหมายและความสําคญั ของการมองโลกในแง่ดี ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ซึงในบางครังการมองโลกโดยใชค้ วามคิดนี ก็อาจจะมีมุมมองไดห้ ลายดา้ น เช่น ทางดา้ น การมองโลกในแง่ดี หมายถึง มองสิงต่าง ๆ หรือมองปัญหาต่าง ๆ ทีเขา้ มาในทางทีดี ในทางบวก สาํ หรับการมองโลกในแง่ดี คิดวา่ ถา้ เรามองคนรอบตวั หรือมองเหตุการณ์ทีผา่ นมา ถา้ เราคิดในสิงที หลกั การมองโลกในแง่ดี คือ การมอง คาํ ทีสองคือ โลก คาํ ทีสาม คือ ในแง่ดี มานานหลบั ตายงั นึกถึงสมยั เราเรียนๆ ทีตรงนัน อย่างนีเรียกว่าคิดเห็น เพราะฉนะกนาั รทีจะเห็งนใสดิ การมองโลกบางครังอาจมองดูเห็บนคปิดั เลย หรือบางทีไม่ตอ้ งเห็นแต่จินตนาการ ~ 50 ~ คาํ วา่ ดี เป็นคาํ ทีมคี วามหมายกวา้ งมาก ในทางปรัชญาถือว่าดี หมายถงึงทสีจิ ะนาํ ไปสู่ ตวั อยา่ งเช่น ถา้ รวม 3 ตวั คือเราเห็น หรือเราคิดเกียวกบั คน แลว้ ทาํ ใหเ้ รามีความสุข เรามอง เราคิดกบั คน ทาํ ให้ สรุปความสาํ คญั ของคาํ ว่า การมองโลกในแง่ดี คือ 3 อยา่ งนีตอ้ งผกู พนั กนั เสมอคือ การคิด การทาํ ถา้ การมองโลกจะมคี วามสาํ คญั คือ
จะช่วยทาํ ใหช้ ีวิตเรามคี วามสุข เพราะเราคิดคนๆ นีในแง่ดี เรา ข่าวทีมีผถู้ กู หวยรัฐบาลไดร้ างวลั เป็ นจาํ นวนหลายลา้ นบาท เรียกว่าเป็ นเศรษฐีภวาขยใา้ มนคชืนั ในต่างประเทศ ก็เคยมีการศกึ ษาถงึ ชีวิตคนทีถกู หวยในลกั ษณะของกรณีศึกษาก็คน้ พบว่าหลายต่อ |