หากคุณไม่ได้รับผลการค้นหาในแอป Google แสดงว่าอาจต้องเปลี่ยนการตั้งค่าบางอย่าง คุณแก้ไขข้อผิดพลาดต่อไปนี้ได้ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อแก้ปัญหา เคล็ดลับ: การตั้งค่าอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ 1. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ในโหมดบนเครื่องบิน โหมดบนเครื่องบินจะปิด Wi-Fi และเครือข่ายมือถือ หากมีไอคอนรูปเครื่องบินที่ด้านบนของหน้าจอ แสดงว่าโหมดบนเครื่องบินเปิดอยู่ วิธีปิดโหมดบนเครื่องบิน ลองค้นหาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าได้รับผลลัพธ์หรือไม่ 2. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ Wi-Fi หากใช้
Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณอาจต้องปรับการตั้งค่า Wi-Fi วิธีเปิด Wi-Fi ไอคอน Wi-Fi จะปรากฏที่ด้านบนของหน้าจอ ลองค้นหาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าได้รับผลลัพธ์หรือไม่ หากไม่ได้รับผลลัพธ์ ให้ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ หาก Wi-Fi ยังไม่ทำงาน คุณอาจต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือแทน ปิด Wi-Fi แล้วลองค้นหาอีกครั้ง 3. ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือ คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือได้เมื่อ Wi-Fi ไม่พร้อมใช้งาน วิธีตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือ: เปิดเบราว์เซอร์แล้วไปที่หน้าเว็บใดก็ได้ หากหน้าไม่โหลด ให้ลองทำตามขั้นตอนด้านล่าง วิธีเปิดอินเทอร์เน็ตมือถือ
ที่ด้านบนของหน้าจอ คุณจะเห็นความแรงของสัญญาณและประเภทการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (เช่น LTE) ลองค้นหาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าได้รับผลลัพธ์หรือไม่ หากไม่ได้รับผลลัพธ์หรือเห็นไอคอนไม่มีสัญญาณ ให้ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ สถานที่ที่อยู่ใต้ดินและในชนบทบางแห่งอาจไม่มีการเชื่อมต่อ
ลองเชื่อมต่อในพื้นที่อื่น หากอุปกรณ์มักมีปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ โปรดติดต่อผู้ให้บริการ 1. รีสตาร์ทแอป Google ลองค้นหาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าได้รับผลลัพธ์หรือไม่ 2. รีสตาร์ทอุปกรณ์ รีสตาร์ทอุปกรณ์แล้วลองค้นหาอีกครั้ง 3. อัปเดตแอป Google หากเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ให้อัปเดตแอป Google
เป็นเวอร์ชันล่าสุด ลองค้นหาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าได้รับผลลัพธ์หรือไม่ โปรดทราบว่าหลายปัญหาจะหายไปเอง หากคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วผลการค้นหายังไม่แสดงขึ้นอีก โปรดรอประมาณ 2-3 ชั่วโมงแล้วลองอีกครั้ง ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม เราจะปรับปรุงได้อย่างไรขั้นตอนที่ 1: ลองแก้ไขการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
1. ไปยังที่ที่มีสัญญาณครอบคลุมดีกว่า
2. ติดต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ
ขั้นตอนที่ 2: ลองแก้ไขแอป Google
ใน iPhone 8 หรือเก่ากว่า: หากต้องการแสดงแอปที่ใช้ล่าสุด ให้ดับเบิลคลิกปุ่มหน้าแรก
ขั้นตอนการตั้งค่าเพื่อรองรับการใช้งาน 4G
**กรุณาอัพเดท iOS เป็น version ล่าสุด หรือ ตั้งค่าตามขั้นตอน ดังนี้
- 1
ไปที่เมนูตั้งค่า (Settings)
-
2
เลือกแถบ "เซลลูลาร์" (Cellular)
- 3
เลือกแถบ "ข้อมูลเซลลูลาร์" (Cellular Data Options)
- 4
เลือก "เปิดใช้งาน 4G (Enable 4G)"
- 5
เลือก "เสียงและข้อมูล" (Voice & Data)
- 6
เมื่อกดโทรออก ขณะรอการรับสายสัเกตสัญลักษณ์ 4G ด้านซ้ายมือ
ขึ้นตลอดเวลา
วิธีการเปลี่ยนจากสัญลักษณ์ LTE เป็น 4G
** อัพเดท iOS เป็น Version ล่าสุด (iOS 11.2.6) ก่อนการตั้งค่า
- 1
เลือก การตั้งค่า
- 2
เลือก ทั่วไป
- 3
เลือก เกี่ยวกับ
- 4
Carrier Setting update จะปรากฎขึ้น >>
เลือก Update >> หน้าจอจะแสดงผลเป็น 4G
ขั้นตอนการแก้ไข APN Profile ของเครื่อง iOS
** กรุณาอัพเดท iOS เป็น version ล่าสุด และทำตามขั้นตอน ดังนี้
- 1
เข้าเมนู "การตั้งค่า"
- 2
เข้าเมนู "ทั่วไป"
- 3
เข้าเมนู "การจัดการโปรไฟล์และอุปกรณ์"
- 4
เลือก APN ที่ต้องการลบในหัวข้อ "โปรไฟล์กำหนดค่า"
- 5
กดเลือก "เอาโปรไฟล์ออก" เพื่อลบ APN
- 6
กด "เอาออก" เพื่อยืนยันการทำรายการ
รุ่นที่รองรับ
ตั้งแต่รุ่น iPhone 5 เป็นต้นไป
วิธีการตั้งค่า
APN Profile ของเครื่อง iOS
** กรุณาอัพเดท iOS เป็น version ล่าสุด และทำตามขั้นตอน ดังนี้
1
ไปที่เมนู "การตั้งค่า"
3
เลือกแถบ "การจัดการโปรไฟล์และอุปกรณ์"
4
เลือก "โปรไฟล์" ที่ต้องการเอาออก
6
เลือก "เอาออก" เพื่อยืนยันการทำรายการ
ขั้นตอนการตั้งค่า เพื่อรองรับการใช้งาน 4G
ขั้นตอนการตั้งค่า
เพื่อรองรับการใช้งาน 4G
** กรุณาอัพเดท iOS เป็น version ล่าสุด หรือ ตั้งค่าตามขั้นตอน ดังนี้
1
ไปที่เมนู ตั้งค่า (Settings)
2
เลือกแถบ "เซลลูลาร์" (Cellular)
3
เลือกแถบ "ข้อมูลเซลลูลาร์" (Cellular Data Options)
4
เลือก
"เปิดใช้งาน 4G
(Enable 4G)"
5
เลือก "เสียงและข้อมูล"
(Voice & Data)
6
เมื่อกดโทรออก ขณะรอการรับสายสัเกตสัญลักษณ์ 4G ด้านซ้ายมือ ขึ้นตลอดเวลา
วิธีการเปลี่ยน จากสัญลักษณ์ LTE เป็น 4G
วิธีการเปลี่ยน
จากสัญลักษณ์ LTE เป็น 4G
** อัพเดท iOS เป็น Version ล่าสุด (iOS 11.2.6) ก่อนการตั้งค่า
4
Carrier Setting update จะปรากฎขึ้น >> เลือก Update >>
หน้าจอจะแสดงผลเป็น 4G
รุ่นที่รองรับ
ตั้งแต่รุ่น iPhone 5 เป็นต้นไป