iPad Gen 9 ที่เปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน 2021 มาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ได้รับการอัพเดต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรียกเสียงฮือฮาได้มากเลยครับ เพราะจุดเด่นไอแพดรุ่นนี้คือราคาที่น่ารักน่าคบหากว่าใคร แม้อาจจะไม่ได้เป็น iPad ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูงที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่ถือว่าคุ้มค่าที่สุดถ้าจะลงทุนเพื่อการใช้งานระดับเริ่มต้นครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ iPad รุ่นนี้กัน
สเปคโดยรวม และราคาเปิดตัว
ไม่เพียงแต่ราคาที่ย่อมเยา (ที่สุดในบรรดา iPad) ยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่ได้รับการพัฒนาจาก Apple อีกด้วยครับ เรียกว่าพัฒนาจาก Gen 8 มาไกลพอสมควร
ทั้งตั้วเครื่องยังออกแบบมาให้มีดีไซน์ที่ไม่หนาเกินไป และไม่บางจนเกินไป หน้าจอขนาดค่อนข้างกว้าง ทำให้ง่ายต่อการรับชมคอนเทนต์ รวมไปถึงในการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนออนไลน์ ทำการบ้าน การทำงาน การอ่านหนังสือ หรือเล่นเกม ก็ครอบคลุมทุกการใช้งาน
สำหรับสเปคที่ได้รับการพัฒนาจาก Apple นั้น มีดังต่อไปนี้ครับ
- ตัวเครื่องมี 2 สี ได้แก่ เทาสเปซเกรย์ และสีเงิน
- หน้าจอเป็นแบบ Retina Display จอภาพ Multi‑Touch แบ็คไลท์แบบ LED ขนาด 10.2 นิ้ว ปรับความสว่างได้สูงสุด 500 nits มาพร้อมการแสดงผลแบบ True Tone
- มีด้วยกัน 2 ความจุ ได้แก่ 64GB และ 256GB
- ชิปประมวลผล A13 Bionic
- ระบบปฏิบัติการ iPadOS 15
- กล้องหลังเป็นเลนส์ไวด์ ความละเอียด 8MP, รูรับแสงขนาด ƒ/2.4, ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 5 เท่า
- กล้องหน้าอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP, รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 มุมมองภาพ 122 องศา
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2 และรองรับสัญญาณ 4G ในรุ่น Wi‑Fi + Cellular
- ปลดล็อกผ่าน Touch ID ที่ปุ่ม Home
- รองรับฟีเจอร์ Center Stage เหมาะสำหรับการ FaceTime
- รองรับการชาร์จผ่านพอร์ตการเชื่อมต่อ Lightning
- รองรับปากกา Apple Pencil 1
ราคาเปิดตัว
- รุ่น WiFi ความจุ 64GB ราคา 11,400 บาท
- รุ่น WiFi ความจุ 256GB ราคา 16,900 บาท
- รุ่น WiFi + Cellular ความจุ 64GB ราคา 16,400 บาท
- รุ่น WiFi + Cellular ความจุ 256GB ราคา 21,900 บาท
สำหรับน้องๆ ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ต้องการซื้อ iPad รุ่นนี้ไปใช้เพื่อการเรียน สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษโดยตรงจากทาง Apple ได้เลยครับ จะได้ส่วนลดสูงสุด 1,300 บาท เลยทีเดียว ไม่ต้องสมัครหรือติดแพ็คเกจใดๆ โดย iPad gen 9 หน้าจอขนาด 10.2 นิ้ว รุ่นนี้ เป็นรุ่นอัพเกรดสเปคประจำปีของ Apple รองรับการใช้งาน Apple Pencil เหมาะสำหรับใช้ในการเรียนหรือจดบันทึกต่างๆ
ราคา iPad gen 9 (อัพเดท กันยายน 2564)
- iPad gen 9 รุ่น WiFi ขนาด 64 GB ราคา 10,700 บาท
- iPad gen 9 รุ่น WiFi ขนาด 256 GB ราคา 15,900 บาท
- iPad gen 9 รุ่น WiFi+Cellular ขนาด 64 GB ราคา 15,400 บาท
- iPad gen 9 รุ่น WiFi+Cellular ขนาด 256 GB ราคา 20,600 บาท
iPad Gen 9 แตกต่างจาก Gen 8 มากแค่ไหน ?
สำหรับ iPad Gen 9 ที่เปิดตัวมาในรอบนี้ จะมีราคาสูงกว่ารุ่นก่อนอย่าง iPad Gen 8 อยู่ประมาณ 500 บาท ครับ จากที่เกริ่นไปข้างต้นว่า มาไกลจาก iPad Gen 8 พอสมควรนั้น สรุปได้ตามนี้ครับ
- ด้านการออกแบบ ดีไซน์ภายนอกของ iPad รุ่นที่ 9 จะเหมือนกับรุ่น 8 ทุกอย่างครับ ดังนั้นยังสามารถใช้เคส หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ร่วมกันได้
- ราคาเปิดตัว โดย iPad Gen 8 นั้น เปิดตัวอยู่ที่ 10,900 บาท ส่วนรุ่นที่ 9 นั้น เปิดตัวอยู่ที่ 11,400 บาท
- ความแตกต่างทางด้านชิปประมวลผล โดย iPad รุ่นที่ 8 จะใช้ชิปประมวลผล A12 Bionic แต่รุ่นที่ 9 นั้นจะใช้ชิปประมวลผล A13 Bionic ที่ใหม่กว่า มีประสิทธิภาพในการทำงานและการประหยัดพลังงานที่ทำได้ดีกว่า ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่า 20%
- ความแตกต่างในด้านความจุ โดยใน iPad Gen 8 นั้นมีความจุมาให้เลือก 2 ขนาด คือ 32GB และ 128GB แต่ในรุ่นที่ 9 นั้น ให้ความจุมามากกว่า คือ 64GB และ 256GB ถือว่ามากกว่าถึง 2 เท่าเลยทีเดียวครับ
- กล้องหลังมีความละเอียดที่เท่ากัน แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่กล้องหน้า เพราะมีความแตกต่างกันถึง 10 เท่าเลยครับ สำหรับ iPad 9 ให้ความละเอียดของกล้องหน้าถึง 12MP ส่วนรุ่นที่ 8 กล้องหน้านั้นมีความละเอียดเพียง 1.2MP เท่านั้น แถมรุ่นที่ 9 ยังเป็นเลนส์อัลตราไวลด์ด้วย และใส่ฟีเจอร์ Center Stage ที่มีใน iPad Pro มาให้ด้วย
- ส่วนของหน้าจอ ทั้งสองรุ่น มีขนาดหน้าจอที่เท่ากัน ในรุ่นที่ 9 รองรับการแสดงผลแบบ True Tone ด้วย คือ มีฟีเจอร์ที่รับแสงบริเวณรอบๆ ทำให้การมองเห็นนั้น เหมาะสมกับสภาพแสง ณ ขณะนั้น
- การรองรับปากกา และสมาร์ทคีย์บอร์ด ก็ยังคงเหมือนกัน มีปุ่ม Touch ID เหมือนกัน ถือเป็น iPad รุ่นเดียวที่มีปุ่ม Home
- ในปัจจุบัน สัญญาณ Bluetooth ก็ยังคงเป็น 4.2 เช่นเดิมครับ
มีจุดเด่นที่การเป็น กระจกกันรอย แบบใสเต็มแผ่น ให้ภาพคมชัดกว่าติดฟิล์มกระจกกันรอยทั่วไป หน้าจอใส สีสดชัดไม่ผิดเพี้ยน และความแข็งแรงระดับ 9H ที่กันรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม รองรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน
พร้อมทั้งคุณสมบัติ
- ทัชลื่น ไม่สะดุด ด้วยโคชติ้งพิเศษ
- ขอบโค้งมนแบบ 2.5D ไม่คม ไม่บาดมือ
- บริเวณขอบกระจก มีการเว้นระยะเข้ามาเล็กน้อย จึงรองรับทุกการใส่เคสกันกระแทก
ใครที่กำลังมองหากระจกกันรอยที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทานคุ้มราคา หรือใครที่กำลังมองหากระจกกันรอยแบบมาตรฐานที่รองรับทุกการใส่เคสกันกระแทก หนาแค่ไหนเคสก็ไม่ดันขอบ กระจกกันรอยแบบใส จากโฟกัส เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณอย่างแน่นอน