นาย ก. อายุ 28 ปี มีเงินเดือน 25,000 บาท ต้องการซื้อบ้านราคา 3,000,000 บาท เมื่อคำนวณก็พบว่าเขาต้องผ่อนเดือนละประมาณ 17,900 บาท (กรณีกู้เป็นระยะเวลา 30 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ย 6% ต่อปี) แต่จากระดับเงินเดือนที่เขาได้รับ ธนาคารพาณิชย์คงไม่อนุมัติสินเชื่อบ้าน เพราะโดยหลักในการประเมินความสามารถในการแบกรับภาระหนี้โดยรวมไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน หมายความว่า นาย ก. รับภาระหนี้ได้สูงสุด 10,000 ต่อเดือน (25,000 x 40%) และถ้ามีภาระหนี้สินอื่นๆ อีกก็ยิ่งทำให้ความสามารถในการผ่อนบ้านลดลง Show
หาก นาย ก. ยังมีความต้องการซื้อบ้านก็ควรหา “ผู้กู้ร่วม” เพื่อทำให้การยื่นขอสินเชื่อผ่านการพิจารณาอนุมัติจากธนาคารพาณิชย์ได้ง่ายขึ้น และได้รับวงเงินก้อนใหญ่มากขึ้น ซึ่งการหาคนมากู้ร่วมเป็นทางออกสำหรับผู้กู้หลักที่มีเงื่อนไขไม่ครบพอที่จะทำให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อได้
คุณสมบัติผู้กู้ร่วม สำหรับผู้ที่สามารถเป็นผู้กู้ร่วมได้ จะต้องเป็นสายโลหิตเดียวกัน เช่น พ่อแม่ พี่ น้อง เครือญาติ หรือคู่สมรส และถ้ากรณีที่เป็นพี่น้องที่ใช้คนละนามสกุลก็สามารถกู้ร่วมกันได้ แต่ต้องนำหลักฐานมาแสดง เช่น ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรที่แสดงให้เห็นว่ามีพ่อแม่เดียวกัน หรือถ้ามีคู่สมรสแต่ไม่ได้จดทะเบียนก็นำหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายวันแต่งงาน หรือใบลงบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจซึ่งระบุว่าอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา เป็นหลักฐานในการกู้ได้ แต่หากมีบุตรร่วมกันก็ให้ใช้สำเนาทะเบียนบ้านซึ่งระบุชื่อของคู่สมรสที่มากู้ร่วม แต่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายพิจารณาการให้สินเชื่อของแต่ลธนาคารด้วย
รับผิดชอบหนี้ร่วมกัน เมื่อทำการกู้ร่วมแล้ว ไม่จำกัดว่าจะรับผิดชอบฝ่ายละครึ่ง แต่ทั้งสองคนจะต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกัน ดังนั้น หากเกิดผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารจะเรียกชำระหนี้คืนจากผู้กู้คนใดคนหนึ่งหรือทั้งหมดก็ได้ เช่นเดียวกัน หากเกิดกรณีถึงขั้นมีการยึดทรัพย์เพื่อไปขายทอดตลาด ความรับผิดต่อหนี้ก็ยังไม่จบเพราะถ้าจำนวนเงินที่ได้น้อยกว่ายอดหนี้คงค้าง ทั้งสองคนก็ต้องรับผิดในการชำระคืนเงินให้ครบต่อไป หรือกรณีที่คนใดคนหนึ่งไม่มีความสามารถในการผ่อน (ไม่มีเงิน) อีกคนก็ต้องรับผิดชอบภาระหนี้ที่เหลืออยู่ทั้งหมด เป็นต้น โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ความรักของคนมีคู่ที่ลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว และลงทุนกู้เงินซื้อบ้านร่วมกัน วันหนึ่งอาจเกิดฟ้าผ่าทำให้เลิกรากันไป แล้วอย่างนี้บ้านหลังน้อยที่กู้ร่วมต้องทำอย่างไร ต้องขายทิ้งหรือไม่ แล้วชื่อเจ้าของบ้านหลังนั้นจะเป็นของใคร คำถามเหล่านี้ต่างวนเวียนอยู่ในหัวของทุกคู่รักที่กู้ร่วมซื้อบ้านด้วยกัน ต่อไปนี้ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายเมื่อรู้แนวทางแก้ปัญหา การกู้ร่วมซื้อบ้านคืออะไรการกู้ร่วมซื้อบ้าน คือ การกู้ทรัพย์สินโดยมีผู้กู้ร่วมอีกคน เป็นคนร่วมรับภาะระหนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้การกู้เงินซื้อบ้านง่ายขึ้น และให้ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินอนุมัติการขอสินเชื่อสำหรับกู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น ถอนชื่อคู่รักที่กู้ร่วมเมื่อถึงวันเลิกรา คู่ที่เคยรักกันต้องหันมามองกลับว่าบรรดาทรัพย์สินที่ร่วมกันซื้อ ร่วมกันกู้นั้นมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะจัดสรรปันส่วนได้อย่างลงตัว โดยหากกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดด้วยกันต้องทำการถอดถอนชื่อคู่รักที่เลิกราออก ซึ่งถูกแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้ คู่รักเลิกราแต่จดทะเบียนสมรสหลังจากคู่รักตกลงจบความสัมพันธ์ และยกสินทรัพย์ที่กู้ร่วมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด หรือทาวน์โฮม ให้ทำการจดทะเบียนหย่าให้เรียบร้อย จากนั้นนำใบหย่าและสัญญาจะซื้อจะขายไปขอถอนชื่อคู่รักที่เลิกราออกจากสัญญากู้ที่ทำไว้กับธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารจะเปลี่ยนรูปแบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสัญญาเงินกู้ใหม่ คู่รักเลิกราไม่ได้จดทะเบียนสมรสสำหรับกรณีนี้การถอนชื่อคู่รักที่เลิกราออกจากการกู้ร่วมซื้อบ้านนั้นไม่ยุ่งยาก เพียงแต่ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะให้ใครเป็นคนถือกรรมสิทธิ์เจ้าของสินทรัพย์ที่ตกลงกู้ร่วมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น บ้าน / คอนโด / ทาวน์โฮม หรืออาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ต้องทำการแจ้งถอดถอนชื่อออกกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ทำสัญญากู้ไว้ โดยสามารถแจ้งความประสงค์กับธนาคารว่าต้องการถือกรรมสิทธ์เพียงคนเดียว เนื่องจากได้หย่าร้างกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งธนาคารจะประเมินความสามารถของผู้กู้ว่าสามารถผ่อนชำระต่อได้หรือไม่ อย่างไร รีไฟแนนซ์จากกู้ร่วมเป็นกู้เดี่ยวสำหรับขั้นตอนที่ 2 นี้ เป็นทางออกกรณีที่ธนาคารไม่อนุมัติให้ถอนชื่อคู่รักที่กู้ร่วมด้วยกันออก เนื่องจากประเมินแล้วว่าผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้คนเดียวได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ การรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นเพื่อทำเรื่องขอกู้ที่อยู่อาศัยเพียงคนเดียว ทั้งนี้ธนาคารจะเป็นผู้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ โดยมีปัจจัยหลักในการพิจารณาดังต่อไปนี้ ตัดปัญหาขายทิ้งเป็นวิธีสุดท้ายในการตัดปัญหาการแบ่งกรรมสิทธิกรณีคู่รักกู้ร่วมซื้อบ้านด้วยกันและจำเป็นต้องเลิกราไป ซึ่งปฏิบัติการนี้จะสำเร็จได้ต้องมีการตกลงกันระหว่าง 2 คนแล้วว่าไม่มีใครอยากครองกรรมสิทธิบ้านที่ซื้อ ซึ่งต้องยินยอมขายจากทั้งสอง ฝ่าย ทั้งนี้คู่รักจะต้องตรวจสภาพบ้านและค่าธรรมเนียมต่างๆ ก่อนขายบ้านด้วย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ แม้ว่าจะรู้ขั้นตอนการจัดการสินทรัพย์ บ้าน คอนโด ทาวน์โฮม หรืออาคารพาณิชย์ กรณีกู่ร่วมกับคู่รักแล้วต้องเลิกรากันไปแล้ว ทางที่ดีเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ควรต้องศึกษาข้อมูลการกู้ร่วมและตกลงกรรมสิทธิ์ก่อนกู้ตั้งแต่ก่อนทำสัญญากู้ เมื่อการกู้ร่วมคือทางออกของการมีบ้านในฝัน พร้อมสัมผัสดีลักซ์ ทาวน์โฮม DEMI สาธุ 49 หากใครที่ยังอยากกู้ร่วมอยู่ แล้วคิดไม่ตกว่าหากขอสินเชื่อกู้เงินซื้อบ้านจะได้วงเงินกู้เท่าไหร่ สามารถประมาณยอดเงินกู้ซื้อบ้านได้ผ่าน “เครื่องคำนวณเงินกู้” คลิก |