ผมอยากทราบความแตกต่างระหว่างงบประมาณแผ่นดิน กับงบประมาณของเอกชนว่า...
กระทู้คำถาม
เศรษฐกิจ เศรษฐศาสตร์
คือผมอยากทราบ ความแตกต่างระหว่างงบประมาณแผ่นดิน กับ งบประมาณของ เอกชนว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งทั้ง2นี้มีการพัฒนาไปหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีลักษณะอย่างไร และทั้ง2รูปแบบนี้มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
ปล.ท่านใดพอจะมีข้อมูลที่จะแบ่งปันผมขอขอบพระคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ
0
0
สมาชิกหมายเลข 912487
งบประมาณแผ่นดิน หมายถึง แผนเกี่ยวกับการใช้จ่ายของรัฐบาลและการจัดหารายรับให้เพียงพอกับการใช้จ่ายในรอบระยะเวลาหนึ่ง โดยปกติมีระยะเวลา 1 ปี ดังนั้น จึงเรียกว่า งบประมาณแผ่นดินประจำปี ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคมของปีไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำงบประมาณแผ่นดินและนำเสนอเพื่อพิจารณา
เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงตราออกมาเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีเพื่อใช้บังคับต่อไป
การจัดทำงบประมาณแผ่นดินเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้รัฐบาลมีการวางแผนที่จะดำเนินการไว้ล่วงหน้าและรายจ่ายของรัฐบาลเป็นส่วนประกอบของอุปสงค์รวม การวางแผนการใช้จ่ายและการหารายรับจะทำให้สามารถคาดคะเนสภาพเศรษฐกิจในปีต่อไปได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้รัฐบาลบริการการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในขอบเขตของงบประมาณที่จัดทำขึ้น
ประเภทของงบประมาณแผ่นดิน
งบประมาณแผ่นดินแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1. งบประมาณสมดุล (Balanced budget) หมายถึง งบประมาณที่รายได้ของรัฐบาลรวมกันแล้วเท่ากับรายจ่ายของรัฐบาลพอดี ดังนั้น รัฐบาลไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาใช้จ่ายหรือนำเงินคงคลังออกมาใช้
2. งบประมาณไม่สมดุล (Unbalanced budget) หมายถึง งบประมาณที่รายได้ของรัฐบาลไม่เท่ากับรายจ่ายของรัฐบาล
ถ้ารายได้ของรัฐบาลสูงกว่ารายจ่ายของรัฐบาลเรียกว่า งบประมาณเกินดุล (Surplus budget) ซึ่งรัฐบาลจะมีรายได้เหลือจากการใช้จ่าย เงินคงคลังของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้น ถ้ารายได้ของรัฐบาลต่ำกว่ารายจ่ายของรัฐบาล เรียกว่า งบประมาณขาดดุล (Deficit budget) ซึ่งรัฐบาลต้องกู้เงินหรือนำเงินคงคลังออกมาใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในแง่ของประมาณการรายรับและรายจ่ายของรัฐบาลแล้ว งบประมาณแผ่นดินจะต้องสมดุลเพื่อมิให้เกิดปัญหาในด้านต่างๆ
ตามมา
ความสำคัญของงบประมาณ
1.เป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคุม
2.เป็นเครื่องมือในการบริหาร
3.เป็นเครื่องมือเพื่อดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ
แหล่งที่มาของเงินงบประมาณ
ตามปกติในแต่ละปีงบประมาณ รัฐบาลจะต้องกำหนดงบประมาณขึ้น 2 วงเงิน คือ
งบประมาณรายรับและงบประมาณรายจ่าย การประมาณการงบประมาณรายรับเป็นสิ่งสำคัญ และมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงควรมีการกำหนดงบประมาณรายรับอย่างละเอียดและรอบคอบ โดยคำนึงตัวแปรหลาย ๆ อย่างประกอบ เช่น รายได้ประชาชาติ ระบบและเวลาของการจัดเก็บภาษีอากร ภาวะเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ฯลฯ สำหรับงบประมาณรายรับ มีแหล่งที่มา ๓ แหล่ง ดังนี้
1. รายได้ ประกอบด้วย
1.1 รายได้ที่เป็นภาษีอากร (TAX REVENUE)
1.1.1 ภาษีอากรทั่วไป (GENERAL
TAXES)
1.1.2 ภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง (EARMARKED TAXES)
1.2 รายได้ที่มิใช่ภาษีอากร (NONTAX REVENUE)
1.2.1
รายได้จากการประกอบธุรกิจของรัฐบาล ซึ่งอาจในรูปของรัฐวิสาหกิจหรือในรูปของหน่วยงานอื่น ๆ
1.2.1.1 เพื่อดำเนินการผลิตสินค้าหรือบริการบางอย่างที่จำเป็นต่อความเป็นอยู่ของประชาชน
1.2.1.2 เพื่อเป็นการให้สวัสดิการแก่ประชาชน
โดยรัฐบาล เป็นผู้ผลิตสินค้า หรือบริการบางอย่างและขายให้แก่ประชาชนในราคาที่ต่ำ
1.2.1.3 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหารายได้ รัฐบาลอาจจะทำการผูกขาดการผลิตหรือจำหน่ายสินค้า และบริการบางอย่างเพื่อเป็นเครื่องมือในการหารายได้ของรัฐบาล เช่น การผูกขาดในการผลิตหรือจำหน่ายสุราและยาสูบ
เป็นต้น
1.2.2 รายได้จากการบริหารงาน รายได้ประเภทนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับรายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการโดยรัฐ ได้แก่ ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต และค่าปรับ เป็นต้น
1.2.3 รายได้จากการบริจาค รายได้ประเภทนี้
ถือเป็นการให้เปล่า โดยสมัครใจของผู้ให้ ซึ่งอาจเป็นการบริจาคของเอกชนในประเทศหรือต่างประเทศหรือการบริจาคของรัฐบาลต่างประเทศ
2. การกู้ยืมหรือการก่อหนี้สาธารณะในแต่ละปี หากรัฐบาลจัดเก็บรายได้หรือมีรายรับไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้จ่ายในกิจการต่าง ๆ
ของรัฐบาลตามแผนงานและโครงการที่จำเป็นและก่อให้เกิดความก้าวหน้าของประเทศ รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องหาเงินมาใช้จ่าย อาจจะโดยการใช้วิธีกู้ยืมเงินจากประชาชน หรือกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ
3. เงินคงคลัง คือเงินที่เก็บอยู่ในคลัง ซึ่งสะสมและได้มาจากหลายทาง อาทิงบประมาณเหลือจ่ายจากปีงบประมาณก่อน
จากการรับชำระหนี้คืน ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลมีสิทธินำออกมาใช้ได้ตามกฎหมายพระราชบัญญัติเงินคงคลัง แต่จะต้องไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสภาวะการคลังและการเงินของประเทศ
ความแตกต่างระหว่างงบประมาณแผ่นดินกับงบประมาณเอกชน
1.ความแตกต่างในเรื่องการกำหนดรายรับ
2.ความแตกต่างในเรื่องวัตถุประสงค์ในการจัดทำงบประมาณ
3.ความแตกต่างในเรื่องลักษณะของสินค้าและบริการ
4.ความแตกต่างในลักษณะของการเป็นเจ้าของกิจการ
5.ความแตกต่างในลักษณะของการรวมอำนาจและการกระจายอำนาจ
ลักษณะที่ดีของงบประมาณแผ่นดิน
1.ต้องเป็นศูนย์รวมเงินของแผ่นดิน
2.งบประมาณจะต้องถือหลักพัฒนา
3.งบประมาณจะต้องถือหลักประหยัด
4.งบประมาณจะต้องมีระยะเวลาที่เหมาะสม
นโยบายงบประมาณ
1.งบประมาณสมดุล(Balanced Budget)
2.งบประมาณขาดดุล(Deficit Budget)
3.งบประมาณเกินดุล(Surplus Budget)