หากคุณแตะ "เพิ่มพื้นที่ว่าง" ใน Google Photos
สําคัญ: ก่อนที่จะลบรูปภาพออกจากอุปกรณ์ โปรดตรวจสอบให้ Google Photos สํารองข้อมูลรูปภาพก่อน ดูวิธีเปิดการสำรองข้อมูล
หากคุณแตะ "เพิ่มพื้นที่ว่าง" ใน Google Photos รูปภาพหรือวิดีโออาจถูกลบออกจากอุปกรณ์ แต่คุณจะค้นหาได้ในแอป Google Photos ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณเพิ่มพื้นที่ว่างในอุปกรณ์
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจดูว่ามีการลบรูปภาพหรือไม่
- หากรูปภาพยังอยู่ในถังขยะ คุณอาจกู้คืนกลับมาได้ ดูวิธีกู้คืนรูปภาพที่ลบ
- หากรูปภาพอยู่ในถังขยะนานกว่า 60 วัน ระบบอาจลบรูปภาพออกอย่างถาวร
- หากคุณใช้แอปรูปภาพหรือแอปแกลเลอรีอื่นและลบรูปภาพออกจากแอปนั้น คุณก็อาจลบรูปภาพก่อนที่ Google Photos จะสํารองข้อมูลรูปภาพได้
ลองใช้วิธีอื่นในการค้นหารูปภาพ
ตรวจดูว่าการสำรองข้อมูลเปิดอยู่หรือไม่- เปิดแอป Google Photos ใน iPhone หรือ iPad
- ตรวจสอบว่าคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่ถูกต้อง
- แตะรูปโปรไฟล์บัญชีหรือชื่อย่อเพื่อดูสถานะการสำรองข้อมูล
กรณีที่การสำรองข้อมูลเปิดอยู่
- รูปภาพอาจยังอยู่ระหว่างการสำรองข้อมูล หากเห็นข้อความ "กำลังรอ Wi-Fi" หรือมีตัวเลขแสดงในอุปกรณ์ อาจหมายความว่าระบบยังไม่ได้สำรองข้อมูลรูปภาพ
- ตรวจสอบว่าระบบรองรับขนาดไฟล์ของรูปภาพหรือวิดีโอที่จะสำรองข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดไฟล์ที่สำรองข้อมูลได้
กรณีที่การสำรองข้อมูลปิดอยู่
สําคัญ: ก่อนที่จะลบรูปภาพออกจากอุปกรณ์ โปรดตรวจสอบให้ Google Photos สํารองข้อมูลรูปภาพก่อน ดูวิธีเปิดการสำรองข้อมูลหากลบรูปภาพออกจากอุปกรณ์ คุณอาจกู้คืนไม่ได้ Google Photos จะไม่สามารถสํารองข้อมูลรูปภาพได้ทันที
ค้นหาภาพหน้าจอหรือรูปภาพที่เก็บถาวรหากไม่พบภาพหน้าจอหรือรูปภาพที่ไม่ค่อยได้ดู แสดงว่ารูปภาพนั้นอาจอยู่ในที่เก็บถาวร ดูข้อมูลเกี่ยวกับที่เก็บถาวร
- เปิดแอป Google Photos ใน iPhone หรือ iPad
- ตรวจสอบว่าคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่ถูกต้อง
- ที่ด้านล่าง แตะคลังภาพ ที่เก็บถาวร
ค้นหารูปภาพหรือวิดีโอ
ค้นหาวันที่หรือคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเพื่อหารูปภาพหรือวิดีโอที่สูญหาย บางครั้งเมื่อสแกนหรือดาวน์โหลดรูปภาพจากอุปกรณ์ที่มีการตั้งค่าวันที่และเวลาไม่ถูกต้อง การประทับเวลาอาจแตกต่างกัน ดูวิธีเปลี่ยนการประทับเวลาในรูปภาพ
iOS มีระบบระบุที่อยู่ของอุปกรณ์หรือ Location Services หรือเครื่องหมายลูกศรแบบที่เราคุ้นเคยที่ชอบปรากฏขึ้นมาบนมุมขวาบนนั่นเอง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับลูกศรนี้กัน
รู้จัก Location Services
ปัจจุบัน ข้อมูลที่อยู่มักจะถูกผูกติดเข้ากับบริการต่าง ๆ ที่ผู้ใช้มักจะใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแอพบนมือถือ โดยมีจุดประสงค์เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าเราอยู่ที่ไหน เรากำลังทำอะไร ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่คนชอบโพสต์ลง social network ซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น การเช็คอิน, โพสต์รูปพร้อมแปะสถานที่
นอกจากประโยชน์ด้าน social network แล้ว Location Services ก็ยังมีประโยชน์ด้านการใช้งานข้อมูลตามสถานที่จริง เช่น เมื่อผู้ใช้เดินเข้าห้าง แอพก็จะแจ้งเตือนว่าวันนี้มีโปรโมชั่นอะไรบ้างที่น่าสนใจ, เดินทางไปต่างเมือง แอพก็จะแจ้งเตือนว่ามีร้านอะไรที่ไม่ควรพลาด, หาร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง ฯลฯ
วิธีที่ Apple จะใช้ระบุ Location Services ก็คือนำข้อมูลมารวมกันทั้งจากเสาสัญญาณโทรศัพท์, เราท์เตอร์ Wi-Fi, Bluetooth, GPS เพื่อให้ได้ข้อมูลจากตำแหน่งที่แม่นยำที่สุด
Location Services มีปัญหาอะไร
ที่อยู่ของผู้ใช้นั้น ถือเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูงมาก เพราะถ้าเกิดข้อมูลเหล่านี้เราไม่สามารถควบคุมได้ ก็จะตกไปอยู่ที่มือใครก็ไม่รู้ ซึ่งอาจนำมาสู่ความน่ากลัวที่ร้ายแรงในอนาคตได้อย่างที่เราคาดไม่ถึง ตัวอย่างเช่น โจรที่ใช้ Facebook ดูว่าใครโพสต์ว่าไม่อยู่บ้านบ้าง และเข้าไปขโมยของในบ้าน หรือว่ามีผู้ประสงค์ร้ายคอยดูได้ว่าเรามักจะไปที่ไหนเป็นประจำและคอยดักซุ่มทำร้าย ทั้งหมดนี้สามารถเป็นไปได้เพียงแค่รู้ข้อมูลที่อยู่ของเรา
เราจึงต้องเรียนรู้และป้องกันข้อมูลที่อยู่ของเรา ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่ต้องแนบข้อมูลที่อยู่ไปกับโพสต์ หรือแอพที่เรียกใช้งานโดยไม่จำเป็นก็ปิดซะ
รู้จักลูกศร และการปิดไม่ให้แอพใช้ข้อมูลที่อยู่เรา
ลูกศรนี้ คือลูกศรที่จะมาคู่กับ Location Services คือเมื่อใดก็ตามที่ลูกศรนี้ปรากฏบน status bar ก็มีความหมายว่า ตอนนี้มีแอพใดสักแอพกำลังใช้ข้อมูลที่อยู่ของเรา ซึ่งถ้าเกิดเราอยากรู้ว่าแอพใดเป็นผู้ใช้ข้อมูลของเรา ก็ต้องทำในขั้นตอนต่อไป
สำหรับขั้นตอนนี้ จะเป็นการกำหนดว่าจะให้หรือไม่ให้แอพใดใช้งานข้อมูลที่อยู่ของเรา โดยวิธีใช้ให้ไปที่ Settings > General > Privacy > Location Services ก็จะแสดงรายชื่อแอพขึ้นมา พร้อมกับเครื่องหมายลูกศร (ตามวงกลมสีแดง) โดยลูกศรแต่ละแบบก็จะมีความหมายแตกต่างกัน ดังนี้
ลูกศรสีม่วงทึบ แสดงว่าข้อมูลที่อยู่กำลังใช้งานอยู่กับแอพนั้น ๆ หรือเพิ่งเลิกใช้ไปไม่นานนัก
ลูกศรสีเทาทึบ แสดงว่าข้อมูลที่อยู่ถูกใช้งานโดยแอพนั้น ๆ เมื่อไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ลูกศรสีม่วงกลวง แสดงว่าข้อมูล geofence ถูกใช้งานกับแอพนั้น ๆ
เกร็ด: geofence คือการกำหนดพื้นที่สักแห่งหนึ่งอย่างคร่าว ๆ แอพที่ใช้ geofence มักจะเป็นแอพที่แจ้งเตือนเราเมื่อเราออกเดินทางหรือเดินทางมาถึงสถานที่ที่เรากำหนดไว้
วิธีจัดการให้หรือไม่ให้แอพใช้ข้อมูลที่อยู่ติดต่อ คือเราจะต้องเข้าไปที่ตัวแอพ จากนั้นจะมีตัวเลือก 3 อย่างคือ
- Never – ไม่อนุญาตให้แอพใช้ข้อมูลที่อยู่ของเรา ไม่ว่ากรณีใด ๆ
- While Using the App – อนุญาตให้แอพใช้ข้อมูลที่อยู่ของเราเฉพาะตอนกำลังใช้งานแอพอยู่เท่านั้น
- Always – อนุญาตให้แอพใช้ข้อมูลที่อยู่ของเราตลอดเวลา
ทั้งนี้ ตัวเลือกอาจแตกต่างกันไปตามแอพ แต่ทุกแอพต้องมี Never และบางแอพอาจมีคำอธิบายด้านล่างด้วยว่าที่อยู่ที่ขอไปนั้นใช้ทำอะไร แต่ทีนี้ก็มีหลายคนสงสัยว่า แล้วทำไมเราจึงเลือก Never, While Using the App หรือ Always? เขาถามเราตอนไหน?
หากใครยังจำกันได้ ก็น่าจะคุ้นเคยการแจ้งเตือนนี้ที่มักจะขึ้นมาถามเราเวลาที่เราเรียกใช้ข้อมูลจากแอพเป็นครั้งแรก หากกด Don’t Allow ก็จะเป็นการเลือก Never แต่ถ้ากดที่ Allow ก็จะเป็นการเลือก While Using the App หรือในบางครั้งอาจมีถามว่าอนุญาตให้แอพนี้ใช้ที่อยู่ของเราตอนอยู่ในแบคกราวด์หรือไม่ ถ้ากด Allow ก็จะเป็นการเลือก Always
นอกจากแอพแล้ว ก็ยังมีเมนูพิเศษอีกสองอย่าง คือ
- Share My Location แสดงว่าตอนนี้เรากำลังแชร์ที่อยู่ของเราให้ใครที่อยู่ใน Contacts เรา (ปกติมักจะเป็นคนที่ใช้แอพ Find My Friends), ที่อยู่แชร์มาจากอุปกรณ์ใด ถ้าไม่ต้องการแชร์ให้ใครในรายชื่อก็สามารถสั่งปิดได้เช่นกัน
- System Services แสดงว่า service อะไรของตัวระบบที่จำเป็นต้องใช้ที่อยู่ของเราบ้าง สามารถสั่งปิดได้ทันทีถ้าไม่ต้องการ
Location Services ก็มีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้นถ้าแอพไหน, คนไหน หรือ service ใดที่เราเห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้ ก็สามารถสั่งปิดไม่ให้ที่อยู่ของเราได้