ผลิตภัณฑ์ เพื่อการ บริโภค มี กี่ ประเภท อะไร บ้าง

หน้าแรก ข่าวสาร สินค้าอุตสาหกรรม ต่างจากสินค้าอุปโภคบริโภค ต่างกันอย่างไร

สินค้าอุตสาหกรรม ต่างจากสินค้าอุปโภคบริโภค ต่างกันอย่างไร

         สินค้าอุตสาหกรรม เป็นสินค้าที่ใช้ในกระบวนการผลิต จะได้ผลลัพธ์เป็นตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ตัวอย่างเช่น เหล็กที่ใช้ในกระบวนการก่อสร้าง น๊อตที่ใช้ในงานช่าง เป็นต้น ซึ่งสินค้าอุตสาหกรรมจะมีความแตกต่างกับสินค้าอุปโภคบริโภคตรงที่ การตัดสินใจซื้อจะไม่มีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะผู้ที่ซื้อสินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นองค์กรธุรกิจหรือโรงงานผลิต ที่นำสินค้ากลุ่มนี้ไปผลิตสินค้าและบริการต่อไป

สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods) สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

  1. วัตถุดิบและชิ้นส่วน เพื่อใช้ในกระบวนการผลิต แล้วได้สินค้าสำเร็จรูปออกมา
  2. สินค้าทุน เป็นสินค้าที่ช่วยในการผลิต ได้แก่ เครื่องจักร อุปกรณ์ในการผลิต เป็นต้น
  3. วัสดุใช้สอยและบริการ เป็นสินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกที่ทำให้การผลิตเป็นไปอย่างราบรื่น

แต่ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อไปใช้เอง แบ่งตามประเภทได้ดังนี้

  1. สินค้าสะดวกซื้อ สินค้าที่ใช้เป็นประจำทุกวัน ราคาไม่แพง
  2. สินค้าเปรียบเทียบซื้อ เป็นสินค้าที่มีราคาสูง มีความคงทน ไม่ได้ซื้อบ่อยๆ และเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับตัวเอง
  3. สินค้าเจาะจงซื้อ เป็นสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะตามความต้องการของผู้บริโภค โดยใช้ความพยายามและความตั้งใจในการซื้อ
  4. สินค้าไม่แสวงซื้อ สินค้าใหม่ที่เพิ่งวางตลาด หรือเป็นสินค้าที่มีราคาสูงเกินอำนาจซื้อ และผู้ขายต้องใช้ความพยายามในการขาย

         ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าสินค้าอุตสาหกรรม ถูกใช้ในกระบวนการผลิตและบริการต่างๆ เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อควรตัดสินใจ และศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ดี เพื่อให้ได้สินค้าที่ถูกต้องตามสเปคที่ต้องการ และได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

ผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ คือ

สินค้าและผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ คือ ความหมายของผลิตภัณฑ์ (The Meaning of Product) ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึง ” สิ่งใด ๆ ที่นำเสนอเพื่อตอบสนองความจำเป็นหรือความต้องการของตลาดให้ได้รับความพึงพอใจ ” ดังนั้นจากความหมายนี้ “ผลิตภัณฑ์ ” จึงมีความหมายที่กว้างครอบคลุมถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถตอบสนองความจำเป็นและความต้องการของตลาดหรือผู้บริโภคได้ โดยครอบคลุมถึง

  1. สินค้า (Goods) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีตัวตนจับต้องได้ เช่น รองเท้า อาหาร ยารักษาโรค โทรศัพท์
  2. บริการ (Service) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีตัวตนจับต้องไม่ได้ เช่น การตัดผม รับทำบัญชี การชมคอนเสิร์ต
  3. บุคคล (Person) เช่น นักกีฬาที่มีชื่อเสียง ดารา นักร้อง นักการเมือง
  4. สถานที่ (Place) เป็นสถานที่ที่สร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคในแง่ใดแง่หนึ่งได้ เช่น เพื่อการพักผ่อน สถานที่ทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ เช่น พระราชวัง อุทยานประวัติศาสตร์ เกาะภูเก็ต เขาใหญ่ ถนนข้าวสาร เป็นต้น
  5. แนวความคิด (Idea) เป็นแนวความคิดที่สามารถเป็นที่ยอมรับได้ของผู้บริโภค (ประชาชน) เช่น นโยบายพรรคการเมือง การรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ การรณรงค์ความประหยัด
ผลิตภัณฑ์และความหมายทั้ง 5

การจำแนกผลิตภัณฑ์

สินค้าสะดวกซื้อ (Convenience Goods)

ผลิต ภัณฑ์ที่นำออกสู่ตลาดในปัจจุบัน ถ้าจะพิจารณาถึงลักษณะของผลิต ภัณฑ์แล้วจะเห็นได้ว่าการจำแนกสินค้าออกตามประเภทที่มีลักษณะแตกต่างกัน การกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดนั้นเริ่มต้นด้วยการจำแนกผลิต ภัณฑ์อย่างถูกต้อง

การจำแนกผลิต ภัณฑ์นั้นจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ ๆ คือ

  1. สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) สินค้าอุปโภคบริโภค หมายถึง สินค้าที่ถูกซื้อโดยผู้บริโภคคนสุดท้ายเพื่อนำไปใช้สอยด้วยตนเอง สินค้าประเภทนี้มีมากหลายประเภท แตกต่างกันออกไปตามนิสัยและแรงจูงใจในการซื้อและความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจำแนกออกเป็น 4 ประเภท คือ
  2. สินค้าสะดวกซื้อ (Convenience Goods) สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าที่หาซื้อได้อย่างง่ายดาย สะดวกในการซื้อโดยไม่ต้องใช้ความพยายามในการเดินเลือกซื้อหรือเปรียบเทียบซื้อ ลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าเป็นสินค้าสะดวกซื้อ คือ
    • เป็นสินค้าไม่คงทนถาวร (Non-durable products) และเป็นสินค้าที่โดยปกติใช้อยู่เป็นประจำและซื้อบ่อยๆ
    • เป็นสินค้าที่ราคาไม่แพง
    • เป็นสินค้าที่ผู้ซื้อมักจะซื้อโดยตราสินค้าที่เคยซื้อเป็นประจำ
    • เป็นสินค้าที่ผู้ซื้อมีนิสัยและการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็วและง่ายๆ โดยไม่ต้องมีการเปรียบเทียบคุณภาพและราคากับตราสินค้าที่มีการแข่งขัน
    • เป็นสินค้าที่มีลักษณะเน้นหนักถึงความสะดวก ซึ่งลูกค้าจะหาซื้อได้จากร้านค้าปลีกแทบทุกประเภทโดยทั่วไป

สินค้าสะดวกซื้อ

สินค้าสะดวกซื้อ 3 ประเภท มีอะไรบ้าง

  1. สินค้าฉุกเฉินซื้อ (Emergency Goods) หมายถึง สินค้าสะดวกซื้อประเภทที่ลูกค้าเกิดมีความต้องการอย่างปัจจุบันทันด่วนที่จะต้องซื้อและขาดไม่ได้ หรือจำเป็นต้องแสวงซื้อสินค้านั้นๆ มาใช้ให้ทันท่วงที
  2. สินค้าดลใจซื้อ (Impulse Goods) หมายถึง สินค้าที่ซื้อโดยมิได้มีการวาง
    แผนมาก่อน แต่ลูกค้าพบเห็นเมื่อสินค้านั้นวางไว้ล่อตาและถูกดลใจในรูปร่าง สีสัน กลิ่น ฯลฯ ซึ่งร้านค้าวางไว้หรือจัดแสดงไว้ล่อตาล่อใจบนหิ้งตรงช่องทางออกเพื่อชำระเงิน ที่ลูกค้าสามารถหยิบได้ง่าย เช่น วารสาร ยาหม่อง ใบมีดโกน ปากกา ดินสอ
  3. สินค้าอุปโภคบริโภคประจำ (Staple Goods) หมายถึง สินค้าสะดวกซื้อที่ลูกค้ามักจะซื้อเป็นประจำในปริมาณมากๆ และได้มีการวางแผนที่จะซื้อมาก่อน การซื้อแต่ละครั้งอาจจะซื้อทีละน้อย เพราะโดยมากจะเป็นสินค้าที่
    เรียบง่าย เช่น หมู เนื้อ ขนมปัง ฯลฯ นอกจากนั้น ลูกค้ายังจำเป็นที่จะต้องมีการทยอยซื้อบ่อยครั้ง ลักษณะที่สำคัญและเห็นได้ชัด ได้แก่ ผู้ซื้อจะใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยในการจัดหาซื้อ
สินค้าฉุกเฉินซื้อ (Emergency Goods)
สินค้าดลใจซื้อ (Impulse Goods)

สินค้าเปรียบเทียบซื้อ

สินค้าเปรียบเทียบซื้อ คือ (Shopping Goods) สินค้าประเภทนี้ลูกค้ามักจะซื้อเมื่อได้มีการเปรียบเทียบถึงความเหมาะสมในด้านราคา คุณภาพ รูปแบบของสินค้า ฯลฯ เป็นสินค้าที่ต้องเสาะแสวงซื้อบ้าง ซึ่งมีการวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกต่างๆ น้อยกว่าสินค้าสะดวกซื้อ ลักษณะของสินค้าประเภทนี้ก็คือ

  • เป็นสินค้าประเภทคงทนถาวร (Durable Goods) และอายุการใช้งานนาน
  • เป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูง
  • เป็นสินค้าที่ลูกค้าจำเป็นต้องคำนึงถึงตราสินค้า คุณภาพ ประโยชน์การใช้เป็นอันดับแรก และราคา
  • เป็นสินค้าที่ลูกค้ามักจะใช้เวลานานในการตัดสินใจซื้อ เพราะต้องใช้ความพินิจพิเคราะห์และเปรียบเทียบในการซื้อ

สินค้าเปรียบเทียบซื้อ สามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ

  1. สินค้าแบบเดียวกันที่ซื้อโดยเปรียบเทียบ (Homogeneous Shopping Goods) สินค้าประเภทนี้จะมีลักษณะรูปร่างโดยทั่วๆ ไป คล้ายคลึงกันมาก เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ ลูกค้าเห็นว่ารูปร่าง คุณภาพ ความเหมาะสมของสินค้า อรรถประโยชน์ในการใช้ และให้คุณค่าทางใจแก่ผู้ใช้ ไม่แตกต่างกัน ผู้ซื้อจะใช้เกณฑ์ราคาเป็นประเด็นหลักในการตัดสินใจสินค้ากลุ่มนี้
  2. สินค้าต่างแบบที่ซื้อโดยเปรียบเทียบ (Heterogeneous Shopping Goods) เป็นสินค้าที่มีลักษณะแตกต่างกันเพราะฉนั้นลูกค้าจะมีการเปรียบเทียบทางด้านคุณภาพ รูปแบบ ความเหมาะสม ฯลฯ โดยราคาเป็นเรื่องรองลงมา เช่น สินค้าประเภทเสื้อผ้าที่แตกต่างกันตามคุณภาพ ฝีมือการตัดเย็บ รูปแบบ เครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ ต่างกันตามคุณภาพ รูปแบบ และการประกอบ เป็นต้น
สินค้าแบบเดียวกันที่ซื้อโดยเปรียบเทียบ (Homogeneous Shopping Goods)

สินค้าเจาะจงซื้อ

สินค้าเจาะจงซื้อ คือ (Specially Goods) สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแสวงหาและมีความตั้งใจซื้อ การจะใช้สินค้าอื่นมาทดแทนยังต้องอาศัยเวลาในการตัดสินใจนานกว่าจะซื้อ หรือมีความลังเลและคิดอยู่นานที่จะยอมรับสินค้าทดแทนนั้น เช่น นาฬิการาคาแพง รถยนต์รุ่นพิเศษ เสื้อผ้าตราพิเศษและแบบพิเศษทำจากต่างประเทศ ผ้าลูกไม้สวิส ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่มีลักษณะเด่นเป็นพิเศษซึ่งสามารถบ่งบอกระดับผู้ใช้ รสนิยมผู้ใช้ ตลอดจนสถานะของผู้ใช้

สินค้าที่ไม่แสวงซื้อ

สินค้าที่ไม่แสวงซื้อ คือ (Unsought Goods) เป็นสินค้าที่ลูกค้ามิได้รู้จักหรือมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าประเภทนี้มาก่อน หรืออาจจะรู้จักมาบ้างแต่มิได้ให้ความสนใจที่จะต้องแสวงรู้ ลักษณะของสินค้าประเภทนี้มักจะเป็นสินค้าใหม่ๆ ที่ออกสู่ตลาด หรือเป็นสินค้าใหม่ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยผู้ผลิตจะเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาแล้วนำออกสู่ตลาดโดยใช้ความพยายามในการส่งเสริมการตลาดสูง เช่น ทุ่มโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อแนะนำการตลาด และในขณะเดียวกัน การจัดจำหน่ายก็จะกระจายออกไปเพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักผ่านตาและตระหนักว่ายังมีสินค้าประเภทนี้เพิ่มเข้าสู่ตลาด

สินค้าอุตสาหกรรม

สินค้าอุตสาหกรรม คือ (Industrial Goods) สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods) ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่จัดซื้อมาเพื่อนำไปใช้ในการผลิตเป็นสินค้าประเภทอื่นต่อไป หรือการให้บริการในการดำเนินงานของธุรกิจ สถาบันที่ใช้สินค้าประเภทนี้เรียกว่า “ผู้ใช้สินค้าอุตสาหกรรม” (Industrial User) สินค้าอุตสาหกรรมเป็นสินค้าที่ซื้อขายกันในตลาดอุตสาหกรรม (Industrial Market) หรือตลาดธุรกิจ (Business Market)

สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods)

การซื้อขายสินค้าในตลาดอุตสาหกรรมนี้ ปริมาณของสินค้าที่ซื้อขายกันนั้นมีปริมาณมาก ในด้านการตัดสินใจซื้อของผู้ใช้สินค้าอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะเป็นการตัดสินใจซื้ออย่างมีเหตุผลและมีระเบียบในการจัดซื้อ รวมทั้งมีการวิเคราะห์ถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการตัดสินใจ ลักษณะสินค้าประเภทนี้จะแตกต่างกันไปตามประเภทของอุตสาหกรรมการผลิตและแตกต่างกันในเรื่องของปริมาณการซื้อ

ผลิตภัณฑ์

รวมทั้งเกณฑ์การพิจารณาตัดสินใจซื้อของลูกค้าด้วยโดยทั่วไป ถ้าเปรียบเทียบกับสินค้าอุปโภคบริโภคแล้วตลาดผู้บริโภคจะรู้จักสินค้าตามร้านค้า การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ฯลฯ มากกว่าสินค้าอุตสาหกรรมเพราะสินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีการวางขาย ตามร้านค้าทั่วไป อาจจะมีตัวแทนจำหน่ายบ้าง ซึ่งลู่ทางและช่องทางการจำหน่ายสินค้าประเภทนี้มักจะจำหน่ายโดยตรงให้กับผู้ใช้สินค้าอุตสาหกรรมนอกจากนั้นการโฆษณาทางสื่อสำหรับผู้บริโภคไม่ค่อยปรากฎ

และที่สำคัญสินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะไม่ค่อยปรากฎว่ามีตราสินค้าความสำคัญของสินค้าอุตสาหกรรมนั้นขึ้นอยู่กับขอบเขตและความสำคัญของการจำแนกประเภทอุตสาหกรรม

ประเภทสินค้าอุตสาหกรรม

สินค้าอุตสาหกรรมสามารถแบ่งแยกย่อยออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน คือ

1.วัตถุดิบ (Raw Materials) เป็นสินค้าที่จะต้องนำไปใช้ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่นต่อไป โดยจะถูกนำมาขายตามสภาพเดิมที่ได้มาจากธรรมชาติแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ

  • ผลิตผลที่ได้จากป่าไม้และทะเล ฯลฯ
  • ผลิตผลที่ได้จากการเกษตรและปศุสัตว์ เช่น ข้าว ผลไม้ ยาสูบ ฝ้าย หนังสัตว์ สัตว์มีชีวิต ฯลฯ
วัตถุดิบ (Raw Materials)

2.วัสดุที่เป็นส่วนประกอบและชิ้นส่วน (Fabricating and Materials) สินค้าประเภทนี้เช่นเดียวกับวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบในการผลิต เมื่อความเจริญทางเทคโนโลยีสูงขึ้นผู้ผลิตสินค้าสำเร็จรูปมักจะไม่ผลิตเต็มตามกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนเสร็จเป็นสินค้าสำเร็จรูปแต่จะอาศัยผู้ผลิตอื่นๆ ทำหน้าที่รับช่วงผลิตวัสดุที่เป็นส่วนประกอบและชิ้นส่วน โดยการกระจายการผลิตออกไปยังรายอื่น

3.ถาวรวัตถุที่ต้องมีการติดตั้ง (Installations) สินค้าประเภทนี้ ได้แก่ ทรัพย์สินถาวรที่มีการติดตั้งประกอบ เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องจักรกล ซึ่งเป็นสินค้าคงทนถาวร (Durable Product) ที่มีราคาแพง และมีความสำคัญต่อกิจการที่จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการผลิต และเป็นที่มาของการวิเคราะห์ลักษณะและประเภทของอุตสาหกรรมว่ามีขนาดเล็กหรือใหญ่ สินค้าประเภทนี้ ผู้ผลิตมักจะต้องติดตามการให้บริการนับตั้งแต่การคำนวณการติดตั้ง บริการซ่อมแซมและดูแลรักษาเครื่องมือเครื่องจักรเหล่านั้น

สินค้าถาวรวัตถุที่ต้องมีการติดตั้ง (Installations)

4.เครื่องมือประกอบ (Accessory Equipment) สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่ช่วยเสริมและเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การดำเนินงานของผู้ใช้อุตสาหกรรมเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ฯลฯ เครื่องมือประกอบเหล่านี้ก็มีลักษณะเป็นถาวรวัตถุเช่นเดียวกัน แต่ขนาดเล็กกว่า ราคาถูกกว่า เช่น เครื่องยนต์ขนาดเล็ก รถยก เครื่องอัดสำเนา เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือกล ตลอดจนยานพาหนะต่างๆ เป็นต้น

สินค้าเครื่องมือประกอบ (Accessory Equipment)

5.วัสดุใช้สอย (Supplies) สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าอุตสาหกรรมประเภทหนึ่งที่มีการซื้อเป็นประจำ และซื้อเป็นจำนวนมากๆ หรือมีการซื้อบ่อยครั้ง โดยนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ วัสดุใช้สอยนี้เป็นสินค้าประเภทสิ้นเปลือง เช่น ดินสอ กระดาษ ยางลบ น้ำมัน น้ำยาขัดพื้น ฯลฯ

6.บริการ (Services) สินค้าประเภทนี้ คือ บริการทางอุตสาหกรรมที่ให้บริการแก่องค์กร หน่วยงานธุรกิจ และกิจการต่างๆ เช่น การให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษา การให้บริการวางแผนธุรกิจ การเอื้ออำนวยความสะดวก และสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ ในรูปแบบต่างๆ กัน การให้บริการเช่นนี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ การขายบริการต่างๆ เหล่านี้อาจจะเป็นการให้บริการที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในระดับฝีมือ เช่น การทำความสะอาดตัวตึกสูงๆ การบริการทาสีอาคาร ฯลฯ หรือการให้บริการทางวิชาการ เช่น วิศวกร นักบริหารธุรกิจที่ให้บริการในฐานะเป็นที่ปรึกษา เป็นต้น

สินค้าบริการ (Services)

ประเภทของผลิตภัณฑ์

          1.  เกณฑ์อายุใช้งาน แบ่งผลิตภัณฑ์ได้เป็น 2 ประเภท คือ
               –  ผลิตภัณฑ์คงทน (Durable goods) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานนาน     ผู้บริโภคจึงมักต้องการ
                  บริการเพิ่มเติม   เช่น   การรับประกันสินค้า  เป็นต้น
               –  ผลิตภัณฑ์ไม่คงทน (nondurable goods) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานสั้น   ต้องซื้อบ่อย ๆ
          2.  เกณฑ์ทางกายภาพ แบ่งผลิตภัณฑ์ได้ 2 ประเภท  คือ
               –  ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ (Tangible goods) อาจจะเป็นสินค้าที่คงทนหรือไม่คงทนก็ได้
               –  ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ (Intangible goods)  ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ต้องการการควบคุมคุณภาพเป็น
                  พิเศษ    และต้องสร้างความเชื่อถือต่อกันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
          3.  เกณฑ์ผู้ใช้ แบ่งผลิตภัณฑ์ตามเกณฑ์ผู้ใช้ได้ 3 ประเภท  ดังนี้
               3.1  ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม (Agricultural goods) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในภาคเกษตรกรรม
               3.2 ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (Industrial goods)    เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม    ซื้อเพื่อนำไป
                  ผลิตต่อ    แบ่งได้เป็น
                         (1)  วัตถุดิบ (Materials)   หมายถึง    วัตถุดิบและชิ้นส่วนประกอบในกระบวนการผลิต
                         (2)  สินค้าคงทน (Capitalism) เป็นสินค้าคงทน
                         (3)  อยู่ในส่วนของการผลิต  เช่น  ตัวอาคาร  โรงงาน  อุปกรณ์เครื่องจักร  เป็นต้น
                         (4)  อะไหล่และบริการเสริม (Supplied and services)  เป็นวัสดุสำนักงานที่มีอายุการใช้งานสั้น
                                และบริการ      เพื่อให้การผลิตดำเนินต่อไปได้   เช่น   การดูแลรักษา   ซ่อมแซมอุปกรณ์  ฯลฯ
               3.3  ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค (Consumer goods) ผู้ซื้อซื้อผลิตภัณฑ์ไปเพื่อบริโภค / ใช้เอง  แบ่งได้เป็น 4 
                  ประเภท คือ
                         (1)  สินค้าสะดวกซื้อ (Convenience goods) เป็นสินค้าที่ใช้บ่อย  ราคาไม่แพง จึงไม่ต้องใช้ความ
                               พยายามมากในการซื้อ
                         (2)  สินค้าเลือกซื้อ (Shopping goods)         เป็นสินค้าที่ผู้ซื้อต้องการเลือกสรรก่อนซื้อ       จึงมัก
                               เปรียบเทียบคุณสมบัติต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์ ราคาและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจซื้อ
                         (3)  สินค้าเจาะจงซื้อ (Specialty goods) เป็นสินค้าเฉพาะอย่างที่ผู้บริโภคเจาะจงซื้อ เช่น  ยี่ห้อนี้ 
                               คุณสมบัติอย่างนี้ เป็นต้น
                         (4)  สินค้าไม่อยากซื้อ  (Unsought goods)    เป็นสินค้าที่มีผู้บริโภคไม่รู้จัก        และไม่คิดที่จะซื้อ
                               จนกระทั่งได้รู้จักและเห็นโฆษณา  เช่น  พจนานุกรม  ประกันชีวิต

ที่มา:elearning.bu.ac.th/mua/course/mk212/ch7.htm

คำค้น :  คือ เสริมอาหาร สุขภาพ วงจร ชีวิต  แอมเวย์  สุขภาพ มี อะไร บ้าง ปฏิกิริยาข้อใดได้เป็นเกลือ  อ่านว่า  otop อาหาร พอลิเมอร์ อาหารเสริม สินค้า ลดน้ําหนัก จากธรรมชาติ พระบิดามีอะไรบ้าง รักษาสิว  สมุนไพร  พระบิดา คีย์ office ฟรี จากข้าว  พระ บิดา  จา กปิ โต ร เลี่ยม เสริมอาหาร คือ ศิลาปาชีพเกี่ยวข้องกับงานศิลปหัตถกรรมไทยกี่ประเภท กิฟฟารีน ของพระบิดา พระบิดา แอมเวย์ อาหารเสริม สรรพคุณ แจกคีย์ office ฟรี 2021  อุดร อย รั่ว หลังคา ราคา เพื่อสุขภาพ  ชุมชน  ปิโตรเลียม  แปรรูป  ปิ โต ร เลี่ยม กัญชา  gmos คืออะไร โลโก้  หมายเลข  windows 10  อุตสาหกรรม ท้องถิ่น คีย์  office 2019 ฟรี นม  คือ อะไร  นาโน เทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยี  จาก กล้วย

อัพเดทครั้งสุดท้าย เมื่อ 7 ตุลาคม 2022

 

ผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคมีอะไรบ้าง

สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) คือ สินค้าที่ผู้บริโภคซื้อไปเพื่อใช้เอง แบ่งตามลักษณะการซื้อของผู้บริโภคได้ 4 ชนิด คือ 1. สินค้าสะดวกซื้อ (Convenience Goods) เป็นสินค้าที่เป็นของกินของใช้ประจำวันที่ราคาไม่แพง ใช้เป็นประจำ และเคยชินกับยี่ห้อ เช่น ผงซักฟอก สบู่ ผ้าอนามัย ยาสีฟัน ไม้ขีด นิตยสาร หนังสือพิมพ์ เป็นต้น

ประเภทของผลิตภัณฑ์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

2. เกณฑ์ทางกายภาพ แบ่งผลิตภัณฑ์ได้ 2 ประเภท คือ - ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ (Tangible goods) อาจจะเป็นสินค้าที่คงทนหรือไม่คงทนก็ได้ - ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ (Intangible goods) ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ต้องการการควบคุมคุณภาพเป็น พิเศษ และต้องสร้างความเชื่อถือต่อกันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ

สินค้าในกลุ่มบริโภคมี 4 ประเภทอะไรบ้าง

สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods) คือ สินค้าที่ผู้บริโภคซื้อไปเพื่อใช้เอง แบ่งตามลักษณะการซื้อของผู้บริโภคได้ 4 ชนิด คือ.
สินค้าสะดวกซื้อ ( Convenience Goods) ... .
สินค้าเปรียบเทียบซื้อ (Shopping Goods) ... .
สินค้าเจาะจงซื้อ (Specialty Goods) ... .
สินค้าไม่แสวงซื้อ (Unsought Goods).

กลุ่มผลิตภัณฑ์มีอะไรบ้าง

ผลิตภัณฑ์.
ผลิตภัณฑ์.
สินค้าและผลิตภัณฑ์.
ผลิตภัณฑ์และความหมายทั้ง 5..
สินค้าสะดวกซื้อ (Convenience Goods).
สินค้าฉุกเฉินซื้อ (Emergency Goods).
สินค้าดลใจซื้อ (Impulse Goods).
สินค้าแบบเดียวกันที่ซื้อโดยเปรียบเทียบ (Homogeneous Shopping Goods).
สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods).

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ค้นหา ประวัติ นามสกุล ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง ไทยแปลอังกฤษ ประโยค Terjemahan เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาจีน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ่้แปลภาษา Google Translate ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย พร บ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 วิธีใช้มิเตอร์วัดไฟดิจิตอล สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น ห่อหมกฮวก แปลว่า Bahasa Thailand Thailand translate mu-x มือสอง รถบ้าน การวัดกระแสไฟฟ้า ด้วย แอมมิเตอร์ การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน แคปชั่น พจนานุกรมศัพท์ทหาร ภูมิอากาศ มีอะไรบ้าง สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น อาจารย์ ตจต อเวนเจอร์ส ทั้งหมด เขียน อาหรับ แปลไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน Google map Spirited Away 2 spirited away ดูได้ที่ไหน tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง กินยาคุมกี่วัน ถึง ปล่อยในได้ ธาตุทองซาวด์เนื้อเพลง บช.สอท.ตำรวจไซเบอร์ ล่าสุด บบบย มิติวิญญาณมหัศจรรย์ ตอนจบ รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล ศัพท์ทางทหาร military words สอบ O หยน