การส่งพัสดุแบบ EMS
การส่งแบบนี้ รหัสจะขึ้นต้นด้วยตัว E เช่น EA/EG/EH/EJ/EK ซึ่งก็ย่อมากจากคำว่า EMS นั่งเอง ซึ่งการจัดส่งแบบนี้จะปลอดภัยและได้ของเร็วที่สุด แต่ข้อเสียของมันก็คือ แพง โดยการส่งแบบ EMS นี้ จะมีรหัสพัสดุ
(TAG) ที่สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุทางอินเตอร์เน็ตได้ โดยข้อดีของมันจะอัพเดทลำดับการส่งอย่างละเอียดว่าของถึงไหนแล้ว และยังจัดส่งของในวันอาทิตย์ด้วย ถ้าลูกค้ามีความต้องการสินค้าอย่างรวดเร็วให้เลือกส่งแบบ Ems จะมีการจัดส่งที่เร็วกว่ามาก และมีกำหนดถึงที่แน่นอนกว่า
การส่งแบบ Ems นี้ จะจำกัดน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม หากของสูญหายจะได้ค่าประกันพัสดุในวงเงิน 2,000 บาท และสำหรับระยะเวลาในการจัดส่งคร่าวๆ ก็ได้แก่
- พื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จะได้รับของในวันถัดไป ไม่เกิน 12.00 น. หรือ 16.30 น. (แล้วแต่ระยะทาง)
- พื้นที่ปลายทางในเขตภาคเดียวกัน จะได้รับของในวันถัดไป ประมาณ 1-2 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางที่อยู่ในภาคอื่น จะได้รับของภายใน 2-3 วันทำการ
การส่งพัสดุแบบลงทะเบียน
การส่งแบบนี้รหัสพัสดุจะขึ้นต้นด้วยตัว R นำหน้า เช่น
RA/RB/RC/RD/RF/RG เรียกว่า รวมสารพัด R โดยการส่งแบบลงทะเบียนจะเป็นแบบที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากราคากำลังพอเหมาะ ไม่แพงจนเกินไป และยังมีรหัสพัสดุที่สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุทางอินเตอร์เน็ตได้เช่นเดียวกับ EMS แต่จะแตกต่างตรงที่ข้อมูลจะโชว์แค่ว่ารับเข้าระบบแล้ว จากนั้นก็จะขึ้นอีกทีคือแจ้งให้ทราบว่าไปถึงปลายทางแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบสถานะกลางทางได้
การส่งแบบลงทะเบียนนี้ จะจำกัดน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม หากของสูญหายจะได้รับค่าประกันพัสดุในวงเงิน 300 บาท และสำหรับระยะเวลาในการจัดส่งคร่าวๆ ได้แก่
- พื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จะได้รับของประมาณ 3-4 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางในเขตภาคเดียวกัน จะได้รับของประมาณ 4-5 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางที่อยู่ในภาคอื่น หากไม่ไกลมากก็จะใช้เวลาประมาณ 5-6 วันทำการ แต่หากอยู่พื่นที่ไกลมากหรือพี่นที่นำจ่ายไปรษณีย์จ้างให้เอกชนส่งแทน จะทำให้กำหนดเวลารับของไม่แน่นอน คือถ้าพัสดุน้อยอาจจะต้องรอรวมส่งจะใช้เวลานานกว่าปกติ
พัสดุธรรมดา (ลงทะเบียนในตัว)
การส่งแบบนี้ รหัสพัสดุจะขึ้นต้นด้วยตัว P นำหน้า เช่น PA/PB/PC/PD โดยการส่งของแบบนี้ จะลงทะเบียนในตัว แต่ไม่สามารถตรวจสอบสถานะพัสดุทางอินเตอร์เน็ตได้ แต่สามารถตรวจสอบได้ที่สำนักงานไปรษณีย์ต้นทางและปลายทางเท่านั้น เหมาะสำหรับการส่งของที่มีน้ำหนักค่อนข้างสูง (ปกติหากสินค้าน้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัม พนักงานไปรษณีย์มักจะปรับเป็นการส่งแบบพัสดุธรรมดาโดยอัตโนมัติ)
การส่งแบบธรรมดานี้ จะจำกัดน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม หากของสูญหายจะได้รับค่าประกันพัสดุในวงเงิน 1,000 บาท สำหรับระยะเวลาในการจัดส่งคร่าวๆ จะใกล้เคียงกับพัสดุลงทะเบียน ได้แก่
- พื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จะได้รับของประมาณ 4-5 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางในเขตภาคเดียวกัน จะได้รับของประมาณ 5-6 วันทำการ
- พื้นที่ปลายทางที่อยู่ในภาคอื่น หากไม่ไกลมากก็จะใช้เวลาประมาณ 6-7 วันทำการ แต่หากอยู่พื่นที่ไกลมากหรือพี่นที่นำจ่ายไปรษณีย์จ้างให้เอกชนส่งแทน จะทำให้กำหนดเวลารับของไม่แน่นอน คือถ้าพัสดุน้อยอาจจะต้องรอรวมส่งจะใช้เวลานานกว่าปกติ
การเช็คสถานะการจัดส่งโดยไปรษณีย์ไทย
หมายเหตุ
- ถ้าสินค้ามีมูลค่ามากกว่า 300 บาทแนะนำให้เลือกช่องทางจัดส่งโดย Ems เพราะมีประกันมูลค่าสินค้าสูญหายสูงกว่าแบบอื่น
และไปรษณีย์จะให้ความสำคัญกับความแม่นยำทาง Ems มากกว่า เพราะตรวจสอบสถานะได้ทุกจุด
- ปัจจุบันการจัดส่งทุกประเภทอาจมีความล่าช้าบ้าง ซึ่งเกิดจากการเติบโตของการซื้อขายออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีการจัดส่งพัสดุกันเป็นจำนวนครั้งละมากๆ แต่จำนวนเจ้าหน้าไปรษณีย์มีจำนวนเท่าเดิม ซึ่งอาจทำให้เกิดการจัดส่งล่าช้าโดยไปรษณีย์บ้าง หรือเป็นคนละภาคคนละเขตกันระหว่างคนส่งสินค้ากับคนรับสินค้า หรือบางพื้นที่เป็นพื้นที่ห่างไกล หรือบางพื้นที่ไปรษณีย์จ้างเอกชนเป็นคนนำจ่ายแทน ก็จะทำให้การจัดส่งล่าช้าได้
เนื่องจากจะรอพัสดุและจดหมายเป็นจำนวนมากถึงไปจัดส่งที เพราะจะอ้างว่าไม่คุ้มค่าเสียเวลาและค่าน้ำมัน จะทำให้ล่าช้าได้เหมือนกัน ถ้าลูกค้ามีความต้องการสินค้าอย่างรวดเร็วให้เลือกส่งแบบ Ems จะมีการจัดส่งที่เร็วกว่ามาก และมีกำหนดถึงที่แน่นอน
ไปรษณีย์ไทย ยกระดับบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในประเทศ ส่งของเช้าถึงผู้รับในวันเดียวกัน ปักธงผู้นำบริการไปรษณีย์อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ครบวงจร พฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2562 เวลา 07.00 น.
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไปรษณีย์ไทย กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจอี คอมเมิร์ซ (e-Commerce) ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้บริการก็ต้องการส่งสิ่งของให้ถึงปลายทางด้วยความรวดเร็วมากขึ้นเพื่อให้ตรงใจผู้บริการเช่นกัน
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ได้ตระหนักถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ใช้บริการ ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตและการดำเนินธุรกิจ ที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
เพราะเป็นบริการส่งด่วนยอดนิยมของผู้ใช้บริการที่เลือกฝากส่งสิ่งของผ่านไปรษณีย์ไทย ให้มีมาตรฐานการบริการที่เป็นสากล และเป็นไปตามระบบบริหารจัดการคุณภาพ ISO 9001:2015 ถือเป็นการลดข้อผิดพลาดในด้านความล่าช้า เสียหาย และสูญหายที่เกิดขึ้นในระบบการให้บริการอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ยังได้ยกระดับคุณภาพบริการทั้งการรับฝาก การส่งต่อ และการนำจ่าย ด้วยบริการส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้น โดยส่งภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใน 10.30 น. หรือ 11.00 น. (ตรวจสอบได้ ณ ไปรษณีย์ที่ฝากส่ง) ของจะถึงมือผู้รับปลายทางภายในวันเดียวกันไม่เกิน 18.00 น. และหากส่งจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายในเวลา 12.00 น. หรือ 17.00 น. (ตรวจสอบได้ ณ ไปรษณีย์ที่ฝากส่ง) ของจะถึงมือผู้รับปลายทางทั่วประเทศในวันถัดไป เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ดีและรวดเร็วที่สุด ตามมาตรฐานของบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษอีเอ็มเอส (EMS) ซึ่งจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือจะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ทำให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เติบโตอย่างยั่งยืน มีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการไปรษณีย์และ อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ครบวงจร ที่คนไทยจะนึกถึงเป็นลำดับแรก ตามนโยบายและเป้าหมายการดำเนินงานTHP FIRST ที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ บริการ EMS ในประเทศได้รับการจัดการคุณภาพ ISO 9001:2015 ซึ่งตอกย้ำการรักษาระบบคุณภาพให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น สะท้อนศักยภาพของไปรษณีย์ไทย ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วไทย มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ และมีระบบงานที่มีประสิทธิภาพ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
- เห็นด้วย
22%
- ไม่เห็นด้วย
78%