ยาคุมกำเนิด เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ หากกินอย่างถูกต้อง แต่ปัญหาที่พบคือการกินที่ไม่ถูกวิธี ทำให้การคุมกำเนิดเสื่อมประสิทธิภาพลง ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของยาคุมกำเนิด วิธีการกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง รวมถึงการไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความเชื่อผิด ๆ ในเรื่องของยาคุมกำเนิด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการคุมกำเนิดจากการกินยา Show
ยาคุมกำเนิด ชนิดเม็ดมีกี่ประเภท?ชนิดของยาคุมกำเนิดแบบเม็ดมีทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่
คลิกชมคลิปรายการ “Love นี้มีสุข ตอน ยาคุมกำเนิด คุมได้ก็หายห่วง | สารคดีสั้นให้ความรู้” ได้ที่นี่ยาคุมกำเนิด ชนิดแนะนำยาคุมชนิดแนะนำหรือที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย คือชนิดฮอร์โมนรวม เพราะเป็นชนิดใช้ง่าย หาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพง และประสิทธิภาพการคุมกำเนิดสูง มีโอกาสพลาดตั้งครรภ์เพียงร้อยละ 0.3 ซึ่งน้อยมาก วิธีการกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแนะนำให้เริ่มกินภายในวันที่ 5 ของวันที่มีประจำเดือน โดยนับวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 หลังจากเริ่มกินแล้วควรกินต่อเนื่องทุกวัน ในช่วงเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดีที่สุด ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมผลข้างเคียงในอดีตของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม มักทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักตัวเพิ่ม บวมน้ำ ผ้าขึ้น ซึ่งพบได้น้อยลงมากในยาคุมกำเนิดที่วางแผงอยู่ในปัจจุบัน เพราะปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในตัวยาถูกลดปริมาณลงจากเดิมถึงครึ่งนึง ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
ข้อมูลโดย เพศสัมพันธ์ ยาคุม คุมกำเนิด กินยาคุม วิธีกินยาคุม ยาคุมฉุกเฉิน การคุมกำเนิด การกินยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด ยาคุม หรือ ยาคุมกําเนิด หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Oral contraceptive pill หรือ Birth control pill) คือยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน) ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการตั้งครรภ์โดยยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีสภาพไม่พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน และทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความเหนียวข้นขึ้น จนเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนตัวของอสุจิให้ไม่สามารถเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ยาคุมกำเนิดนั้นมีการนำมาใช้นานกว่า 50 ปีมาแล้ว ยาคุมกำเนิดในสมัยแรกจะมีฮอร์โมนสูง ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนมาก เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ มีฝ้าขึ้น ฯลฯ แต่ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นหายาใหม่ ๆ มากขึ้นที่มีฮอร์โมนน้อยลง ทำให้อาการข้างเคียงต่าง ๆ ลดน้อยลงหรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ โปรดทราบว่า “ยาเม็ดคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เต็ม 100% ซึ่งการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 99.7% (มีโอกาสล้มเหลวได้ประมาณ 0.03%) แต่หากใช้อย่างไม่ถูกต้อง กินไม่ตรงเวลา ลืมกินยาคุมกำเนิด ฯลฯ อัตราการล้มเหลวทำให้เกิดการตั้งครรภ์จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 9%” โดยประเภทยาคุมกำเนิดที่ใช้กันในบ้านเราจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือ ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม และยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive – COC) เป็นยาคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนรวมกันในเม็ดเดียว ซึ่งแยกออกเป็น 2 แบบ (3-4 ชนิด) คือ
ข้อดี : มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงมาก ผู้ที่กินแบบฮอร์โมนรวม (ถ้าใช้อย่างถูกต้องสม่ำเสมอ) จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยกว่าร้อยละ 0.5 ในเวลา 1 ปี แต่สำหรับชนิดที่มีโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียวนั้นจะมีโอกาสตั้งครรภ์สูงกว่าคือร้อยละ 2 ในระยะเวลา 1 ปี ทำให้ประจำเดือนมาตรงเวลาและสม่ำเสมอ อาการปวดประจำเดือนอาจน้อยลงกว่าเดิมหรือไม่ปวดเลย มีเลือดประจำเดือนน้อยลง ช่วยลดการภาวะเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก ผู้ที่ปวดประจำเดือนมากจนทนไม่ไหว หากไม่ใช่เกิดจากเนื้องอก แพทย์อาจลองให้ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดในการรักษาอาการปวดก็ได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ถึง 10 โรค หรือเป็นโรคที่พบได้น้อยในกลุ่มผู้กินยาคุมกำเนิด ได้แก่ โรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก, มะเร็งเต้านม, มะเร็งรังไข่, มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก, ก้อนเนื้องอกที่เต้านม, เนื้องอกของมดลูกและเยื่อบุโพรงมดลูก, การอักเสบในอุ้งเชิงกราน, ถุงน้ำที่รังไข่, ข้ออักเสบ และการตั้งครรภ์นอกมดลูก แต่ไม่ได้หมายความถ้าเป็นโรคเหล่านี้แล้วการกินยาคุมกำเนิดจะช่วยรักษาได้นะครับ เพราะถ้าเป็นโรคบางอย่างเหล่านี้อยู่แล้วมากินยาคุมก็อาจยิ่งทำให้โรคลุกลามมากขึ้นก็ได้ เช่น เนื้องอกและมะเร็งเต้านม เนื้องอกของมดลูก เป็นต้น ข้อเสีย : การกินยาต้องกินให้ตรงตามกำหนดเวลาเดิมและกินทุกวัน ทำให้บางรายอาจหลงลืมได้ และการกินยาเม็ดคุมกำเนิดก็อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้บ้างตามที่กล่าวมา ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestrogen-only pills – POP, Mini pills) จะมีโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว เป็นยาคุมกำเนิดที่ทำออกมาเพื่อลดอาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน มีกลไกการออกฤทธิ์ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกเหนียวข้นมากขึ้น (อสุจิผ่านเข้าไปผสมกับไข่ได้ยาก) เยื่อบุโพรงมดลูกบางลงและฝ่อไปจนไม่เหมาะกับการฝังตัว ช่วยลดการเคลื่อนที่ของไข่ตามท่อนำไข่ และยับยั้งไม่ให้ไข่ตกโดยการควบคุมแบบย้อนกลับ และยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน FSH และ LH ยาคุมชนิดนี้ในหนึ่งแผงจะมี 28 เม็ด กินได้ทุกวันโดยไม่ต้องหยุด เมื่อกินหมดแล้วก็กินแผงใหม่ต่อได้เลย ส่วนใหญ่กินแล้วจะไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน (เพราะไม่มีเอสโตรเจน) แต่อาจมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอบ้าง หรือประจำเดือนอาจขาดโดยไม่ได้ตั้งครรภ์ก็ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากยานั่นเอง ส่วนชนิดที่มีจำหน่ายก็คือ ซีราเซท (Cerazette) และเอ็กซ์ลูตอน (Exluton) โดยซีราเซทนั้นจะคุมกำเนิดได้ดีกว่าและมีประจำเดือนกะปริดกะปรอยน้อยกว่าครับ ยาคุมซีราเซท : ราคาแผงละประมาณ 230 บาทยาคุมเอ็กซ์ลูตอน : ราคาแผงละประมาณ 100 บาทข้อดี : ข้อดีของการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดนี้ก็คือไม่ค่อยทำให้เป็นสิวเป็นฝ้า ช่วยลดการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน ลดการเสียเลือดจากการเป็นประจำเดือน (จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางได้) เหมาะกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป ผู้ที่สูบบุหรี่มาก (มากกว่า 15 มวนต่อวัน) ผู้ที่ไวต่อฮอร์โมเอสโตรเจน (ทำให้เกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ) และวัยรุ่นที่กลัวผลเสียของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีเอสโตรเจน (แต่ก็ยังเสี่ยงตั้งครรภ์สูงอยู่ดี จึงไม่แนะนำให้ใช้ครับ) ไม่ลดปริมาณน้ำนมของคุณแม่ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (สตรีหลังคลอดบุตรไม่กี่เดือน) เพราะโปรเจสโตเจนจะไม่ยับยั้งการหลั่งน้ำนม และไม่ทำให้คุณภาพของน้ำนมเสื่อมลง (เมื่อเลิกให้นมลูกแล้วจึงค่อยเปลี่ยนไปใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแทนก็ได้) และเนื่องจากไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตันหรือโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจอื่น ๆ และยังไม่ถูกรบกวนจากการแปรสภาพยาจากการใช้ยาปฏิชีวนะแบบยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีเอสโตรเจนผสมอยู่ ข้อเสีย : มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์มากกว่าการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เพราะสามารถยับยั้งการตกไข่ได้เพียง 60% เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอายุน้อยอาจใช้ไม่ได้ผล (พบว่าทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ถึง 8% หลังจากการใช้อย่างถูกต้องเป็นเวลา 1 ปี) หากใช้ยาไม่ถูกต้องหรือลืมกินยา จะทำให้มีความเสี่ยงตั้งครรภ์สูง และมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกด้วย นอกจากนี้ยังมีผลเสียในเรื่องของประจำเดือนที่ผิดปกติได้ง่าย เช่น ประจำเดือนอาจคลาดเคลื่อนหรือหายไปเลยก็ได้ หรืออาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้บ้าง เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนทั่วไปไม่นิยมใช้กันครับ ส่วนประกอบของยาคุมกำเนิด
การออกฤทธิ์ของยาเม็ดคุมกำเนิด
ประโยชน์ของยาคุมกำเนิดสำหรับประโยชน์ของการกินยาเม็ดคุมกำเนิด (ชนิดฮอร์โมนรวม) มีดังนี้
ผู้ที่ห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมหากท่านมีอาการใดอาการหนึ่งดังต่อไปนี้ เพราะตัวยาจะไปเพิ่มโอกาสการเกิดและเพิ่มความรุนแรงของโรคที่เป็นอยู่ หากมีอาการดังกล่าวโปรดแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเริ่มใช้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดอื่นแทน หรือแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้วิธีคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมน
หมายเหตุ : หากมีความผิดปกติในข้อหนึ่งข้อใดที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในขณะกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ให้หยุดยาทันทีและไปพบแพทย์ ผู้ที่ควรระวังในการใช้ยาคุมกำเนิดก่อนการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด คุณควรสังเกตตัวเองก่อนว่าในระยะ 12 เดือนที่ผ่าน หรือ 1 ปีก่อนการตั้งครรภ์ คุณเคยมีความรู้สึกหรือมีอาการเหล่านี้หรือไม่ ถ้าไม่มีอาการเหล่านี้ก็สามารถใช้ยาคุมกำเนิดได้อย่างปลอดภัย แต่หากมีอาการข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อรวมกันก็ไม่ได้ความว่าจะใช้ยาคุมกำเนิดไม่ได้นะครับ (ไม่ใช่ข้อห้าม) เพียงแต่ขอให้ระมัดระวังในการกินยามากขึ้น ถ้าจะใช้ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยดูว่าเป็นโรคหรือไม่ หรือหากใช้ยาไปแล้วและเกิดมามีอาการเหล่านี้ขึ้นภายหลัง ก็ควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจและขอคำแนะนำเช่นกันว่าควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดต่อไปหรือไม่
การเลือกใช้ยาคุมกำเนิด
คำแนะนำ : การเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดควรทดลองใช้ไปก่อน 1 แผง ระหว่างทดลองให้สังเกตอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นด้วย เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เป็นฝ้า ฯลฯ หากมีอาการข้างเคียงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเปลี่ยนไปใช้ยาคุมกำเนิดตัวอื่นเพื่อลดปริมาณฮอร์โมนในตัวยา (การกินยาคุมกำเนิดก่อนนอนจะช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้) รีวิวยาคุมกำเนิดยาคุมกำเนิดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รุ่น (การจะสรุปว่ายาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็ควรจะลองใช้ไปอย่างน้อย 3-5 แผง) ดังนี้
* หมายถึง : ราคายาคุมกำเนิดของร้านยาเอ็กซ์ต้าพลัส (ในเซเว่น) สำรวจราคา ณ วันที่ 29/10/2558 ข้อควรทราบ : สำหรับผู้ที่เริ่มกินยาคุมแผงแรก ในช่วงแรกอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากกว่าปกติ แต่อาการจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อกินแผงต่อไป แต่สำหรับคนที่กลัวว่าจะเกิดผลข้างเคียงหรือทนอาการข้างเคียงไม่ไหว ก็ให้เลือกใช้ยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณเอสโตรเจน (Ethinyl estradiol – EE) น้อย ๆ ก็ได้ครับ
วิธีการกินยาคุมการเริ่มกินยาเม็ดแรก ให้เริ่มภายใน 5 วันแรกของรอบประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมาวันที่ 1 ก็เริ่มกินได้ตั้งแต่วันที่ 1 เลย หรือมีเวลาอีก 4 วัน คือ วันที่ 2, 3, 4 และวันที่ 5 ส่วนคนกินยาคุมกำเนิดเฉพาะวันที่มีการร่วมเพศ แบบนั้นเสี่ยงมากครับ มีโอกาสตั้งครรภ์สูง เพราะยาจะไม่มีผล แถมยังอาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยบางเวลาได้ด้วย ส่วนการเริ่มกินยาหลัง 5 วันแรกของการมีประจำเดือนก็สามารถทำได้ครับ (ไม่แนะนำ) แต่ต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยเสมออย่างน้อย 7 วันหลังจากกินยาเม็ดแรก โดยทั่วไปแล้วการกินอะไรก็ตามจะต้องกินตามวิธีใช้ของยาชนิดนั้น ๆ หากกินผิดวิธีหรือกินไม่ตรงตามที่กำหนด ก็อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดน้อยลงหรือไม่ได้ผลได้ หรือบางชนิดก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้อีกด้วย สำหรับการกินยาคุมกำเนิดนั้นก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจและดูให้ดีก่อนว่า “แผงยาคุมมีวันกำกับไว้หรือไม่” เช่น อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. หรือ Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat ซึ่งใช้แทนวันอาทิตย์ถึงวันเสาร์ แต่แผงยาบางยี่ห้อก็ไม่มีวันกำกับไว้ หรือมีแต่ตัวเลขตั้งแต่ 1-21 ซึ่งขึ้นอยู่กับบริษัทที่ผลิตยาออกมา โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้
คำแนะนำในการกินยาคุมกำเนิด
ลืมกินยาคุมกำเนิด
ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย หรือพบได้ประมาณ 1-10 คน ในผู้ใช้ยา 100 คน สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
คำแนะนำ : ในระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิดหากคุณมีอาการเหล่านี้ คุณควรรีบไปพบแพทย์ เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และปวดศีรษะมาก มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง (ซึมเศร้ามาก) มีเลือดออกทางช่องคลอดในปริมาณมาก หรือมีอาการแน่นหน้าอก ปวดบริเวณน่อง หรือขาบวม 1 ข้าง หรือตรวจพบว่ามีการตั้งครรภ์ในขณะใช้ยาคุมกำเนิด ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดวิธีคุมกำเนิด|การใช้แบบทั่วไป|การใช้อย่างถูกต้อง หมายเหตุ : ตัวเลขที่แสดงเป็นจำนวนการตั้งครรภ์ต่อปี (first year of use) ของสตรีที่คุมกำเนิดด้วยวิธีดังกล่าวจำนวน 100 คน โดยกำหนดให้ สีฟ้า = ความเสี่ยงต่ำมาก / สีเขียว = ความเสี่ยงต่ำ / สีเหลือง = ความเสี่ยงปานกลาง / สีส้ม = ความเสี่ยงสูง / สีแดง = ความเสี่ยงสูงมาก (ข้อมูลจาก : www.contraceptivetechnology.org, Comparison of birth control methods – Wikipedia) คำถามที่พบบ่อยQ : ซื้อยาคุมกำเนิดมากินเองได้หรือไม่ ? Q : ยาคุมยี่ห้อไหนดีที่สุด ? Q : กินยาจะทำให้อ้วนไหม ? Q : ยาคุม 21 เม็ด กับ 28 เม็ด แตกต่างกันอย่างไร ? Q : จะเริ่มกินยาคุมกำเนิดได้เมื่อไหร่ ? Q : กินยาคุมแผงแรกช้ากว่ากำหนด จะเป็นอย่างไร ? Q : กินยาคุมไม่ตรงเวลา แต่กินทุกวัน จะเป็นอะไรไหม & ต้องกินยาคุมตรงเวลาไหม ? Q : จำเป็นแค่ไหนที่ต้องกินยาคุมในเวลาเดียวกันทุกวัน ? Q : ยาคุมกำเนิดจะเริ่มมีผลเมื่อไหร่ ? Q : กินยาคุมแล้วมีเลือดออกกะปริดกะปรอยคล้ายประจำเดือน ในระหว่างที่กินยาคุมกำเนิดหรือหลังจากเริ่มกินยาคุมกำเนิด ผิดปกติหรือไม่ ? Q : กินยาคุมกำเนิดแล้วเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน จะทำอย่างไร ? Q : หลังกินยาคุมกำเนิดแล้วอาเจียนออกมา จะทำอย่างไร ? Q : ทำยาคุมกำเนิดหายไป 1 เม็ด ควรทำอย่างไร ? Q : กินยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ดจนครบแล้ว ช่วงที่หยุดยา 7 วัน จะยังคุมกำเนิดได้อยู่ไหม ? Q : จะเปลี่ยนจากแบบ 28 เม็ด ไปเป็น 21 เม็ด จะต้องทำอย่างไร ? Q : จะเปลี่ยนยาคุมจาก 21 เม็ด เป็น 28 เม็ด จะต้องทำอย่างไร ? Q: ยาคุมแบบ 28 เม็ด เราจะไม่กิน 7 เม็ดสุดท้ายที่เป็นแป้งได้หรือไม่ ? Q : ถ้ากินยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด แล้วเว้นระยะเกิน 7 วัน ก่อนที่จะกินแผงต่อไป จะทำได้ไหม ? Q : กินยาคุมแบบ 21 เม็ด แต่เว้นไม่ครบ 7 วัน (กินก่อนครบ 7 วัน) จะต้องทำอย่างไร ? Q : มีความจำเป็นอยากเปลี่ยนวันกินยาคุมกำเนิด ต้องทำอย่างไร ? Q : กินยาคุมแบบ 21 เม็ด อยากเลื่อนประจำเดือน ควรทำอย่างไร ? Q : ถ้าจะเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิด จะต้องทำอย่างไร ? Q : กินยาคุมย้อนศร & กินยาคุมผิดวัน จะต้องทำอย่างไร ? Q : อายคนอื่นกลัวพ่อแม่เห็นที่พกยาคุม จะทำอย่างไร ? Q : 2-3 เดือนเจอกันครั้งหนึ่ง จะกินยาคุมอย่างไร ? Q : ไปต่างจังหวัด แต่ลืมยาคุมกำเนิด จะต้องทำอย่างไร ? Q : หลังกินยาคุมประจําเดือนจะมาเมื่อไหร่ ? Q : กินยาคุมแบบ 21 เม็ดจนครบแผง อีก 7 วัน ประจำเดือนยังไม่มา ควรทำอย่างไร ? Q : กินยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ดจนครบแล้ว ต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อนแล้วค่อยกินต่อใช่ไหม ? Q : กินยาคุมแล้วประจําเดือนไม่มา & กินยาคุมแล้วท้อง จะต้องทำอย่างไร ? Q : การกินยาเม็ดคุมกำเนิด จะทำให้ตรวจการตั้งครรภ์ผิดพลาดได้หรือไม่ ? Q : เมื่อกินยาคุมกำเนิดต่อเนื่องไปนาน ๆ ควรพักการบ้างหรือไม่ ? Q : สามารถกินยาคุมกำเนิดติดต่อกันได้นานแค่ไหน ? Q : กินยาเม็ดคุมกำเนิดแล้วยังมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ ? Q : หากกินยาเม็ดคุมกำเนิดมากเกินไปจะเป็นอย่างไร ? Q : กินยาคุมกำเนิดนาน ๆ อันตรายไหม ? Q : กินยาคุมนาน ๆ จะทำให้มีบุตรยาก แท้งบุตรง่าย เด็กเกิดมาพิการ หรือปัญญาอ่อน จริงหรือไม่? Q : กินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน จะทำให้มีลูกยากจริงไหม ? Q : ยาคุมกำเนิดทำให้น้ำนมลดจริงหรือ ? Q : กินยาคุมแล้วอารมณ์ทางเพศและน้ำหล่อลื่นลดลง จะทำอย่างไร ? Q : ยาคุมยี่ห้อไหนกินแล้วไม่อ้วน (ยาคุมที่กินแล้วไม่อ้วน) & กินยาคุมแล้วอ้วน ทําไงดี ? Q : ยาคุมลดสิว & ยาคุมรักษาสิวที่ดีที่สุด คือยี่ห้อใด ? Q : อยากเปลี่ยนมากินยาคุมกำเนิดแทนการฉีดยาคุม จะเริ่มกินยาได้เมื่อไหร่ ? Q : ถ้าไม่ต้องใช้ยาคุมกำเนิดแล้ว สามารถหยุดกินกลางคันได้ไหม ? Q : แฟนไม่อยู่หลายเดือน ควรหยุดกินยาคุมกำเนิดหรือไม่ ? Q : สามีไปทำงานต่างประเทศหลายเดือน จะหยุดกินยาคุมได้ไหม ? Q : หลังหยุดกินยาคุม สามารถเริ่มตั้งครรภ์ได้ทันทีหรือไม่ หรือต้องนานไหม ? ภาพประกอบ : www.vitamin-care.com เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai) เมดไทย เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด ยาคุม ฮอร์โมนเดี่ยว เหมาะกับ ใครยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestin-only Pill): ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงชนิดเดียว มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง เพื่อขัดขวางไม่ให้อสุจิกับไข่มาผสมกัน ยาคุมชนิดนี้เหมาะสำหรับสตรีผู้มีปัญหาสุขภาพหรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรหลังคลอด เพราะหากทานชนิดที่มีเอสโตรเจนจะส่งผลกระทบต่อการยับยั้งการไหลของน้ำนมและระบบ ...
ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยวมีกี่เม็ดยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestrogen-only pills - POP) จะมีฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว ยาคุมชนิดนี้ในหนึ่งแผงจะมีทั้งหมด 28 เม็ด รับประทานได้ทุกวันโดยไม่ต้องหยุด เมื่อรับประทานหมดแล้วก็สามารถรับประทานแผงใหม่ต่อได้เลย เป็นชนิดที่ผลิตออกมาเพื่อลดอาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน
ยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว ดียังไงยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว เป็นยาคุมที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว โดยยาคุมชนิดนี้จะส่งผลต่อการตกไข่ ช่วยให้มูกช่องคลอดข้นขึ้น ป้องกันห้อสุจิเคลื่อนตัวผ่านปากมดลูก และทำให้ผนังมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัว ข้อดี เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบวิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่น เช่น วิธีที่ต้องใส่หรือฝังภายในร่างกาย
ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวมีอะไรบ้างยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวเหมาะสำหรับหญิงที่มีข้อห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เช่น หญิงให้นมบุตร ปัจจุบันมียาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ lynestrenol- desogestrel- และ drospirenone- only oral contraceptive ซึ่งแต่ละรุ่นมีการพัฒนายาเพื่อลดผลข้างเคียงและให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น ยา ...
|