ศัพท์ประกันสุขภาพ ภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผม พี่แมน ขอมาแย่งซีนคุณเรนนี่เพื่อพูดถึงเรื่องประกันกันบ้าง เพราะสำหรับผมแล้ว การซื้อประกันสุขภาพ ถือเป็นหนึ่งในรากฐานการวางแผนการเงินเพื่อลดความเสี่ยงให้กับการเงินของครอบครัวได้ดีมากๆ และถ้าคุณได้ลองอ่านบทความหลายๆอันของทางรีวิวประกันแล้วหรือเคยลองอ่านข้อกำหนดของประกันมาบ้าง ใครที่ยังเป็นมือใหม่กำลังจะเลือกซื้อประกันให้ตัวเองและครอบครัวก็น่าจะสะดุดกับ “ศัพท์ประกันสุขภาพ” นับไม่ถ้วน จนต้องลองเสิร์ช google ดูให้ควั่กใช่ไหมล่ะครับ

ถ้าหากเรามีพื้นฐานศัพท์ประกันเวลาตรวจสอบเงื่อนไขประกันก่อนซื้อ หรือลองเปรียบเทียบราคา ก็คงง่ายและประหยัดเวลาขึ้นเยอะใช่ไหมล่ะ

ผมว่านะ ถ้าหากเรามีพื้นฐานศัพท์ประกันแบบแน่นๆตั้งแต่แรก เวลาตรวจสอบเงื่อนไขประกันก่อนซื้อ หรือลองเปรียบเทียบราคากันดู ก็คงง่ายและประหยัดเวลาขึ้นเยอะใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องอ่านไป search ไป แถมถ้าหากจำเป็นต้องคุยกับตัวแทนประกันก็จะได้คุยกับเขารู้เรื่อง ไม่โดนหลอกอีกต่างหาก

งั้นถ้าเป็นแบบนี้ เรามาเริ่มเรียนรู้พื้นฐานของการเลือกประกันสุขภาพ จากคำศัพท์ที่สำคัญที่มีอยู่ในตัวประกันกันดีกว่าไหมครับ ในวันนี้ พี่แมนเลือกคำศัพท์มา 11 คำเด่นๆ ที่หลายคนยังรู้สึกว่ายากจะเข้าใจ แต่เดี๋ยวยังไงเราไปไล่ดูแต่ละคำศัพท์พร้อมๆกันกับผมกันเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆเลย

1. ประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพ หมายถึง การประกันค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจาก “การเจ็บป่วยด้วยโรค” มีด้วยกันหลายแบบหลายสไตล์ ทั้งแบบเหมาจ่าย และแบบแยกค่าใช้จ่ายเป็นแต่ละรายการไป จะขายผ่านบริษัทประกันชีวิตและประกันภัย โดยแต่ละเจ้าก็จะงัดแพคเกจที่น่าสนใจมาให้เลือกหลากหลาย ดูละลานตาในจักรวาลประกันแบบสุดๆ

2. เบี้ยประกัน
เบี้ยประกัน หมายถึง เงินที่เราจ่ายเพื่อเป็นค่าทำประกันโดยคิดตามความเสี่ยงของอายุ, สุขภาพ ณ วันที่ทำประกัน และทุนประกันที่เลือก โดยจะแบ่งจ่ายตามแต่สัญญาที่เราทำ และมีระยะเวลาการจ่ายตั้งแต่ 1 ,10, 20, หรือ 30 ปี ไปจนถึงระยะเวลาตลอดชีวิตก็มี ทั้งนี้ บริษัทประกันจะมีการแบ่งย่อยการจ่ายในแต่ละปีลงไปอีก เช่น เป็นรายปี รายครึ่งปี หรือรายเดือนก็ได้ แล้วแต่บริษัทประกันจะกำหนดในแผนนั้นๆครับ

3. ทุนประกัน หรือ จำนวนเงินเอาประกันภัย
ทุนประกัน หรือ จำนวนเงินเอาประกันภัย หมายถึง จำนวนเงินสูงสุดที่เราเลือกให้บริษัทประกันจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลให้ เรียกง่ายๆว่า “ทุนค่ารักษาพยาบาล” และ/หรือ จำนวนเงินที่เราเลือกให้บริษัทประกันจ่ายชดเชยให้เมื่อเราเสียชีวิต เรียกง่ายๆว่า “ทุนชีวิต”

ถ้าเราเลือกซื้อกับบริษัทประกันภัยก็จะมีทุนประกันอันเดียว คือ ทุนค่ารักษาพยาบาล หรือถ้าเราซื้อจากบริษัทประกันชีวิตก็จะมีทุนประกัน 2 แบบ นั่นก็คือ 1) ทุนชีวิต กับ 2) ทุนค่ารักษาพยาบาลครับ

4. ค่าห้อง
ค่าห้อง หมายถึง ค่าห้องพักต่อคืนเวลาเราเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล โดยในหมวดค่าห้องเวลาเราไปพักรักษาตัวยังแยกออกได้เป็นทั้งค่าห้องเปล่าๆ, ค่าพยาบาลที่มาดูเเล, ค่าอาหาร อันนี้จึงต้องดูให้ดีๆตอนเราจะเลือกซื้อแพคเกจ เพราะบางเจ้าจะรวมค่าอาหารและพยาบาลไว้ในก้อนนี้เลยนั่นเองครับ แต่บางเจ้าก็จะแยกเอาไว้ต่างหาก ซึ่งถ้าในแผนประกันไม่แยกมาให้ คุณจะต้องคำนวณดูให้ดีๆว่า ค่าห้องที่ประกันเสนอมาให้ ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายจริงๆที่อาจเกิดขึ้นรึเปล่า

5. ผู้ป่วยนอก หรือ OPD
ใครหลายคนน่าจะออกอาการมึนๆงงๆกับคำว่า ผู้ป่วยนอก หรือ OPD ซึ่งจริงๆมันเป็นศัพท์เทคนิคของโรงพยาบาลที่ข้ามมาใช้กับประกันสุขภาพด้วยนั่นเองครับ หลายคนจะคุ้นๆคำนี้จากบัตรประกันกลุ่มของบริษัทแล้วใช่ม้า โดยการรักษาแบบผู้ป่วยนอก หรือ OPD (Out Patient Department) ใช้เรียกการรักษาแบบเจอ-จ่าย-จบ ซึ่งหมายถึง เจอหมอ รับยา กลับบ้าน ไม่ได้มีการค้างอ้างแรมที่โรงพยาบาลนั่นเองครับ เรามักจะได้หาหมอกันแบบ OPD บ่อยๆ ตอนเป็นหวัดเล็กๆน้อยๆนั่นแหละ

6. ผู้ป่วยใน หรือ IPD
การรักษาแบบผู้ป่วยใน หรือ IPD (In Patient Department) คำนี้ก็เป็นศัพท์เทคนิคของโรงพยาบาลอีกเช่นกันครับ โดยใช้เรียกการรักษาแบบแอทมิทค้างคืนที่โรงพยาบาลจ้า คำว่าค้างคืนคือนอนที่โรงพยาบาลในระยะ 6 ชั่วโมงขึ้นไป โดยเราๆ มักไม่ค่อยได้ใช้บริการแบบนี้เท่าไหร่ เว้นแต่จะมีอาการเจ็บป่วยที่คุณหมอเห็นว่ารุนแรงหรือต้องเฝ้าระวังจริงๆ ตั้งแต่เรื่องเบาๆ อย่างอาหารเป็นพิษ ไปจนถึงเรื่องหนักๆ อย่างการผ่าตัดหัวใจกันเลยครับ

7. ชดเชยรายวัน
ค่าชดเชยรายวัน หมายถึง จำนวนเงินที่บริษัทประกันจ่ายให้เมื่อเข้ารักษาแบบแอทมิทค้างที่โรงพยาบาลเพื่อเป็นการชดเชยการเสียโอกาสจากการที่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาล โดยจ่ายคิดเรตเป็นรายวันตามจำนวนวันที่เราแอดมิท ซึ่งก็นับระยะการนอนที่โรงพยาบาล 6 ชั่วโมงขึ้นไปเช่นกัน ถ้าเราเกิดได้แอทมิท ก็สามารถนำหลักฐานไปเบิกค่าชดเชยรายวันได้ถ้าเราได้ซื้อความคุ้มครองส่วนนี้เอาไว้ครับ

8. กรมธรรม์
กรมธรรม์ หมายถึง หนังสือสัญญาข้อตกลงระหว่างบริษัทประกันกับผู้ทำประกัน อธิบายถึงรายละเอียดและเงื่อนไขของประกันที่เราได้ทำไปว่าเป็นประกันประเภทอะไร? แบบอะไร? ทุนประกันเท่าไหร่? จ่ายเบี้ยเท่าไหร่? วันครบรอบสัญญาแต่ละปีคือวันที่เท่าไหร่? วันครบกำหนดสัญญาคือเมื่อไหร่? รวมถึงเงื่อนไขการจ่ายเงินชดเชย หรือเงินคืนแบบต่างๆ ที่เราได้เคยพูดถึงไปแล้วใน content อื่นๆครับ

9. ระยะเวลาเอาประกันภัย
ระยะเวลาเอาประกันภัย หมายถึง ระยะเวลาที่เราตกลงทำประกัน เช่น ทำ 1 ปี, 10 ปี, หรือทำ 20 ปี เป็นต้น เป็นตัวที่บอกว่าเราซื้อความคุ้มครองประกันภัยนี้นานแค่ไหน จะคุ้มครองเราไปถึงเมื่อไหร่

10. สัญญาหลัก
ตรงนี้ก่อนซื้อประกันจะต้องดูให้ดีๆ ว่าคุณซื้อประกันสุขภาพจากบริษัทประกันแบบไหน เพราะเรามักพบคำว่าสัญญาหลักจาก “บริษัทประกันชีวิต” เท่านั้น โดยคำว่า “หลัก” มาจากโครงสร้างของประกันชีวิตที่จะต้องซื้อประกันชีวิตก่อนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก แล้วจึงแนบด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เป็นความคุ้มครองด้านสุขภาพ ด้านอุบัติเหตุ หรือโรคร้ายแรง เป็นต้น นั่นเองครับ

แต่เราก็อาจเห็นบริษัทประกันภัยใช้คำคล้ายๆกันอย่าง “ความคุ้มครองหลัก” และ “ความคุ้มครองเพิ่มเติม” อย่าสับสนไปนะครับ เป็นคนละความหมาย แบบนี้จะเป็นการใช้คำเพื่อการตลาด ไม่ได้หมายความว่าบริษัทนั้นขายประกันชีวิตแต่อย่างใด แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่าประกันหลักที่เค้าขายคืออะไรในแพ็คเกจนี้ และคุณสามารถเลือกประกันประเภทอื่นๆเสริมได้ เช่น การขายประกันสุขภาพพ่วงโรคร้ายแรง หรือ การขายประกันมะเร็งพ่วงประกันโรคหัวใจ เป็นต้น

11. สัญญาเพิ่มเติม
สัญญาเพิ่มเติม หมายถึง สัญญาประกันสุขภาพและอุบัติเหตุหรืออื่นๆที่สามารถเลือกซื้อเสริมพ่วงเข้าไปกับประกันชีวิตตัวหลักได้ โดยคำว่า “เพิ่มเติม” มาจากโครงส้รางของประกันชีวิตที่จะต้องซื้อประกันชีวิตก่อนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก แล้วจึงแนบด้วยผลิตภัณฑ์อื่นๆเพิ่มเติม ที่เป็นความคุ้มครองด้านสุขภาพ ด้านอุบัติเหตุ หรือโรคร้ายแรง เป็นต้น นั่นเองครับ

ทีนี้ก็น่าจะพอเข้าใจพื้นฐานของศัพท์ประกันกันบ้างแล้วเนอะว่าอะไรเป็นอะไร แต่ถ้ายังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรนะครับ ค่อยๆเรียนรู้ ค่อยๆเลือกประกันสุขภาพที่ใช่ ชิลๆกันไป ยังไงก็มีบทความดีๆจากทีมงานรีวิวประกันและผมพี่แมนคอยช่วยให้คุณทำความเข้าใจและเลือกประกันที่ใช่ได้อย่างฉลาดไปด้วยกันได้แน่นอนครับ