ใจความสำคัญของประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับนี้คือการจะให้เงินอุดหนุนสูงสุด 150,000 บาท คืนแก่ประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ (Battery Electric Vehicle: BEV) ตามมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย โดยมี 3 หัวข้อสำคัญภายใต้เงื่อนไข >> ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจาก 40% เหลือ 0% หรือมากสุด 40% (ประกาศเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565) >> เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน (ประกาศเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565) >> ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าจาก 8% เหลือ 2% รถยนต์ไฟฟ้าที่จะได้รับการอุดหนุนภายใต้เงื่อนไขนี้จะต้องมีการเซ็นข้อตกลง MOU เข้าร่วมโครงการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า BEV ของรัฐบาลไทย โดยจะทำให้ได้รับส่วนลด 150,000 บาท และคำนวณภาษีสรรพสามิตรในอัตรา 2% ในปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ที่ตกลงเซ็น MOU กับภาครัฐไปแล้วมี 3 รายได้แก่ Great Wall Motor (Haval, ORA), MG และ Toyota โดยประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับนี้ระบุว่าทั้ง 3 บริษัทจะต้องทำตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้: ข้อ 11 (1) เงินอุดหนุนที่มีสิทธิได้รับตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า มีจำนวนตามหลักเกณฑ์ และ เงื่อนไข ดังนี้ 11.1 รถยนต์นั่ง ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท• ขนาดความจุแบตเตอรี่ ตั้งแต่ 10 kWh แต่น้อยกว่า 30 kWh ได้รับเงินอุดหนุน 70,000 บาท/คัน • ขนาดความจุแบตเตอรี่ ตั้งแต่ 30 kWh ขึ้นไป ได้รับเงินอุดหนุน 150,000 บาท/คัน โดยมีข้อกำหนดว่าหากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า BEV มาขาย 1 คัน จะต้องผลิตในประเทศให้ได้จำนวน 1 เท่า ภายในปี 2567 (2024) หรือขยายระยะเวลาเป็นภายในปี 2568 (2025) แต่ต้องผลิต 1.5 เท่า โดยเป็นรุ่นใดก็ได้ หากราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท 13.1 กรณีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาทต้องผลิตชดเชย “รุ่นใดก็ได้” จนครบตามจำนวนการนำเข้ามาในประเทศแบบสำเร็จรูปทั้งคัน ในอัตราส่วน 1:1 (นำเข้า 1 คัน ต้องผลิตคืน 1 คัน) ภายใน 31 ธันวาคม 2024 หรือในอัตราส่วน 1:1.5 (นำเข้า 1 คัน ผลิตคืน 1.5 คัน) หากยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปีหรือ 31 ธันวาคม 2025 13.2 กรณีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาขายปลีกแนะนำเกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาทต้องผลิตชดเชย “เฉพาะรุ่นที่นำเข้ามา” จนครบตามจำนวนการนำเข้ามาในประเทศแบบสำเร็จรูปทั้งคัน ในอัตราส่วน 1:1 (นำเข้า 1 คัน ต้องผลิตคืน 1 คัน) ภายใน 31 ธันวาคม 2024 หรือในอัตราส่วน 1:1.5 (นำเข้า 1 คัน ผลิตคืน 1.5 คัน) หากยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปีหรือ 31 ธันวาคม 2025 อย่างไรก็ตามประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับนี้ หมายความว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากต่างประเทศแบบ CBU โดยยังไม่มีแผนประกอบในประเทศไม่ว่าจะเป็น BMW, Volvo, Audi, Porsche หรือ Tesla ที่ซื้อผ่านผู้นำเข้าอิสระ จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ ตามประกาศฉบับนี้ 8 มิถุนายน 2565 ” ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 139 ตอนที่ 37 ” ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่องกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 23) มีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 ฉบับนี้มีใจความสำคัญลดอัตราภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า100% ” ที่เกี่ยวเนื่อง ” กับ มาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า100% ของรัฐบาล ” ประกอบด้วยการสนับสนุน 3 หัวข้อ แบบมีเงื่อนไข* “ การสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า100% จากทางภาครัฐ แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อ แบบมีเงื่อนไข* ด้วยกันดังนี้
*เงื่อนไข ใน ที่นี้ หมายถึง ต้องเซ็น MOU เข้าร่วมโครงการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า100% ของรัฐบาลไทย จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้า100% ที่นำเข้ามาได้รับส่วนลด 150,000 บาท + ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% จาก 8% เหลือ 2% สรุปอีกครั้งก็คือ ถ้าไม่เซ็น MOU เข้าร่วมโครงการ ก็จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษ ลดภาษีนำเข้า ไม่ได้ส่วนลด 150,000 และ ไม่ได้ลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% ใดใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น TESLA ที่จำหน่ายโดยผู้นำเข้าอิสระ, BMW iX3 / iX / i4, Volvo XC40 EV / C40 EV, Audi e-tron GT / e-tron SUV / Sportback, Porsche Taycan และ หรือ รถยนต์ไฟฟ้า100% แบรนด์อื่นๆ หากไม่เซ็น MOU ก็จะไม่ได้สิทธิพิเศษตามประกาศนี้แต่อย่างใด สำหรับค่ายรถยนต์ที่เซ็น MOU กับทางภาครัฐไปแล้ว มีด้วยกัน 3 แบรนด์ ดังนี้
autolifethailand.tv ขอสรุปจากประกาศราชกิจจานุเบกษาง่ายๆ จากหน้า 14 และ หน้า 19 มีใจความสำคัญว่า ประเภทที่ 16.01 และ 16.02 รถยนต์นั่ง หรือ รถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน (ค) แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle) ซึ่งต้องได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน และ ปฎิบัติตามหลักเกณ์ฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด จากเดิม 8% เหลือ 2% ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 และ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยมีข้อกำหนดว่า หากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 100% มาขาย 1 คัน จะต้องผลิตในประเทศให้ได้จำนวน 1 เท่า ภายในปี 2567 (2024) หรือ ขยายระยะเวลาเป็นภายในปี 2568 (2025) แต่ต้องผลิต 1.5 เท่า นั่นเอง โดยเป็นรุ่นใดก็ได้ หากราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท
ย้ำกันอีกครั้งก็คือ ถ้าไม่เซ็น MOU เข้าร่วมโครงการ ก็จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษ ลดภาษีนำเข้า ไม่ได้ส่วนลดใดใดทั้งสิ้น จากมาตรการของรัฐในครั้งนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการดึงดูดให้ค่ายรถยนต์ หันมาลงทุน ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า100% ในประเทศไทย ไม่ใช่นำเข้าจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ดึงดูดเม็ดเงินลงทุน และ รักษา-เพิ่มอัตราการจ้างงานที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ดังนั้นส่วนลด 150,000 บาท + VAT 7% = 160,500 บาท เป็นส่วนลดขั้นต่ำที่จะได้ หากซื้อรถยนต์ไฟฟ้า100% จากค่ายรถยนต์ที่เซ็น MOU ส่วนภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% เป็นเงินที่ค่ายรถจะเสียภาษีน้อยลง ซึ่งในทางปฎิบัตินั้นจะลด หรือ ไม่ลด ให้ลูกค้าก็ได้ ซึ่งทาง MG ประกาศลดให้ลูกค้าแล้ว ส่วน GWM ยังรอพิจารณาอยู่ ราชกิจจาฯ ที่ประกาศในวันนี้ ทำให้ค่ายรถยนต์ที่เซ็น MOU แล้ว ครบหลักเกณฑ์ 3 ข้อ เตรียมส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า100% ให้กับลูกค้า สามารถส่งมอบรถอย่างเป็นทางการได้ หลังจากวันนี้ 8 มิถุนายน เป็นต้นไป * รถยนต์ไฟฟ้า100% ที่ขายในไทย หากไม่เซ็น MOU เข้าร่วมโครงการรัฐ ผลิตในไทย ก็จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.autolifethailand.tv ประกาศ ราชกิจจาฯ ลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า100% แต่ต้องเซ็น MOU ลงทุนผลิตในไทยด้วย ! : https://autolifethailand.tv/gov-tax-ev-bev-mou-thailand/
ประกาศราชกิจจาฯ กรมสรรพสามิต รัฐอุดหนุน ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า100% รับส่วนลด 150,000 บาท ! มีผลแล้ววันนี้ : https://autolifethailand.tv/gov-tax-ev-bev-mou-thailand-2/
Toyota bZ4x รถยนต์ไฟฟ้า100% ไม่เกิน 2 ล้านบาท เปิดตัวในไทยปลายนี้ ญี่ปุ่นค่ายแรกเซ็น MOU รัฐบาล : https://autolifethailand.tv/toyota-bz4x-ev-mou-thai-gov-coming-2022/
ราคาอย่างเป็นทางการ ORA Good Cat : 828,500 – 1,038,500 บาท | รถยนต์ไฟฟ้า 100% ลดราคา ตามมาตรการรัฐ : https://autolifethailand.tv/official-price-ora-good-cat-gov/
ราคาอย่างเป็นทางการ MG EP : 761,000 – 771,000 บาท | รถยนต์ไฟฟ้า 100% ลดราคา ตามมาตรการรัฐ : https://autolifethailand.tv/official-price-mg-ep-plus-gov/
ราคาอย่างเป็นทางการ MG ZS EV Minorchange : 949,000 – 1,023,000 บาท | รถยนต์ไฟฟ้า 100% รวมส่วนลดแล้ว : https://autolifethailand.tv/official-price-mg-zs-ev-minorchange-gov/ |