เมื่อเอกสารพร้อม ใจพร้อม และบริษัทเปิดรับสมัครเมื่อไหร่ ก็เดินก้าวย่างสวยๆ หล่อๆ ด้วยความมั่นใจเข้ามาสมัครสอบได้เลยค่ะ ปกติแล้วทางบริษัทจะเปิดรับสมัครทุกปี อาจจะมีบางปีที่เว้นช่วงไปบ้าง อย่างของปีนี้ที่รับสมัครไปเมื่อตอนต้นปี เว้นช่วงมาตั้ง 2 ปีแหน่ะค่ะ แต่ยังไงก็ตาม บริษัทยังต้องการพนักงานเพิ่มอยู่ตลอดนะคะ เพราะอุตสาหกรรมบ้านเราเติบโตเร็วมากและมีการขยายงานอยู่ตลอดเวลา พี่ๆ ต้องการพลังคนรุ่นใหม่มาเสริมทัพ น้องๆ สามารถเตรียมตัวให้พร้อมไว้ได้เสมอเลยค่ะ
หลังจากสมัครเรียบร้อย คราวนี้ก็เข้าสู่กระบวนการสอบที่ค่อนข้างจะยาวนานแล้วล่ะค่ะ บางคนเคยถามว่า พี่คะ สอบ ATC ยากเหมือนสอบนักบินมั้ย ตามความเห็นพี่ พี่ว่ายากพอๆ กันค่ะ เข้มข้นพอๆ กัน แต่ของคุณนักบินอาจจะข้นกว่าและซับซ้อนกว่าอีกหน่อย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น กระบวนการสอบและวิธีการสอบแต่ละอย่างก็เพื่อช่วยให้บริษัทได้รับน้องๆ ที่มีความสามารถตรงกับความต้องการของงานในแต่ละประเภทนั้นแบบตรงเป๊ะโชะเด๊ะเลยนั่นเองค่ะ
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
สำหรับขั้นตอนการสอบของ ATC นั้นเราก็จะเริ่มกันด้วย
1. การสอบข้อเขียน — ข้อสอบจะมีสามวิชานะคะ นั่นก็คือ แต่น แตน แต๊นนนนนน
– ความรู้พื้นฐานคณิตศาสตร์ (ระดับม. ปลาย)
– ความรู้ความสามารถทั่วไป (Aptitude Test)
– ความรู้พื้นฐานทั่วไป (ภูมิศาสตร์กายภาพ / ความรู้ทั่วไป / ความรู้เบื้องต้นด้านคอมพิวเตอร์)
ให้เวลา 3 ชม. ข้อสอบเป็นแบบปรนัยค่ะ ถ้าน้องๆ ผ่านด่านแรกไปได้ ก็จะเข้าสู่รอบถัดไปนั่นก็คือ …..
2. ทดสอบทักษะในการใช้แป้นคอมพิวเตอร์
เกณฑ์ที่พี่ๆ อยากได้ก็คือน้องสามารถพิมพ์ภาษาอังกฤษได้ไม่ต่ำกว่า 25 คำต่อนาที ตรงนี้มีคำแนะนำส่วนตัวนิดนึง คือเวลาที่พิมพ์ไม่ต้องรีบพิมพ์มากนะคะ ค่อยๆ พิมพ์ให้ถูกต้อง ผิดน้อยที่สุด backspace มาแก้น้อยที่สุด ใจเย็นๆ รับรองผ่านฉลุยค่ะ (แต่ถ้าใจเย็นขนาดใช้นิ้วจิ้มทีละตัว อันนี้ก็อาจจะไม่ทันนะค้า เอาแบบพอเหมาะละกันเนอะ) น้องๆ ที่อยากฝึกซ้อมมากขึ้น ก็อาจจะลองหาโปรแกรมสำหรับฝึกพิมพ์มาลองใช้ดูได้ค่ะ มีการจับเวลาให้พร้อมเสร็จสรรพ เสริมความมั่นใจไปอีกขั้นนึง
หลังจากสอบพิมพ์ดีดเสร็จ ก็จะเป็นการสอบ …
3. สอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษฟุดฟิดฟอไฟค่ะ
ลักษณะการสอบจะเทียบเคียงกับการสอบวัดระดับมาตรฐานการใช้ภาษาอังกฤษที่กำหนดของ ICAO (ICAO ย่อมาจากอะไร ใครตอบได้ให้รับรางวัลที่กัปตันเหม Mahesak Wongpa เลยค่ะ <= กัปตันจะสะดุ้งมั้ยคะเนี่ย
ในส่วนนี้เราสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้เลย เตรียมแนะนำตัวเองและฝึกซ้อมถามตอบไว้คร่าวๆ ก็ได้ ว่าทำไมถึงรู้จักหรือสนใจอาชีพนี้ มีความสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษรึเปล่า ปกติแล้วเวลาว่างชอบทำอะไร มีงานอดิเรกอะไรบ้างมั้ย สมัยที่พี่สอบ (ซึ่งถือเป็นอดีต past tense ที่ผ่านมานานมากกกกกกกกกแล้ว) พี่บอกว่าพี่ชอบดูหนังค่ะ คุณกรรมการถามพี่ว่าล่าสุดดูเรื่องอะไร เกี่ยวกับอะไร ไหนลองเล่าให้ฟังซิ นี่ก็….แอบอึ้งไปเล็กน้อย
สำเนียงภาษาอังกฤษของน้องๆ ไม่จำเป็นต้องเฟี้ยวฟ้าว เป๊ะเฟร่อ เหมือนเจ้าของภาษาทุกกระเบียดนิ้วนะคะ แต่สิ่งที่จำเป็นและอยากเน้น ก็คือการออกเสียงให้ชัดเจน ตัวสะกดและอักขระให้ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่จะทำให้คนฟังต่างชาติเข้าใจเราได้ ไม่ต้องพูดเร็วหรือรีบพูดจนเกินไป พูดให้คนฟังจับใจความที่เราพูดทัน เรียบเรียงประโยคให้ถูกต้อง (ประโยคง่ายๆ ไม่ต้องยาวหรือซับซ้อน) สติและการเตรียมฝึกซ้อมที่ดีจึงสำคัญมากๆ ค่ะ
ถ้าน้องๆ ผ่านด่านที่ 2 และ 3 นี้ไปได้ เราก็จะก้าวเข้าสู่ด่านต่อไปแล้วค่ะ
4. การตรวจร่างกายและจิตวิทยาการบิน
บริษัทจะจัดตารางให้น้องๆ เข้ารับการตรวจร่างกายและทำข้อสอบจิตวิทยาการบินกับคุณหมอ
สำหรับผู้กล้าที่ผ่านด่านอรหันต์ทั้งหมดมาได้ ก็จะไปถึงเวทีสุดท้ายแล้วนั่นก็คือ ….
5. สอบสัมภาษณ์ภาษาไทย
ในขั้นตอนนี้จะเป็นการสัมภาษณ์โดยกรรมการและผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ของบริษัทค่ะ พูดจาตอบคำถามให้ชัดเจนฉาดฉาน มั่นใจ (ในระกับที่พอเหมาะพอดี) และเป็นตัวของตัวเองนั้นดีที่สุดค่ะ
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
การสอบดูเหมือนจะยุ่งยากซับซ้อน แต่พี่เชื่อว่าทุกคนมีโอกาสก้าวข้ามความยากนี้ได้ด้วยการเตรียมตัวที่ดีค่ะ ถ้าเรารู้และมีจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่แล้วก็เตรียมตัวได้ตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ ไม่มีคำว่าเร็วไปหรือสายไปแน่นอน ถ้าเราเตรียมพร้อมมาอย่างดี ก็เท่ากับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้เรามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วนะคะ
หลังจากการสอบสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายนี้จบลง ก็รอผลไม่นานค่ะ น้องๆ ที่มงลง เอ๊ยไม่ใช่.. ที่ผ่านการคัดเลือกของบริษัทก็จะได้ก้าวเข้าสู่โลกของการบินอย่างเต็มตัวและจริงจังซักที
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
เมื่อเข้ามาเป็นพนักงานของวิทยุการบินแล้ว น้องจะอยู่ในตำแหน่ง “นักเรียนฝึกหัดควบคุมจราจรทางอากาศ” เข้ามาเป็นเด็กน้อยให้พี่ๆ ช่วยจับปั้นก่อน น้องๆ จะต้องเรียนคอร์สเร่งรัดที่สอนโดยบริษัทเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นบริษัทจะส่งต่อให้สถาบันการบินพลเรือนปั้นน้องๆ ต่อไปอีกประมาณ 9 เดือน ก่อนจะปล่อยให้นกน้อยได้บินออกจากรังไปเผชิญโลกกว้าง ระหว่างนี้บริษัทก็ดูแลเราอย่างดีนะคะ มีเงินค่าขนมให้ด้วยเดือนละ 19,250 บาท (อ้างอิงจากประกาศรับสมัคร มี.ค.60) สำหรับน้องๆ หนูๆ ที่จบปริญญาตรีจากสถาบันการบินพลเรือนมาโดยตรงในสาขาจัดการจราจรทางอากาศมาตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากเรียนที่บริษัท 3 เดือน น้องๆ ก็จะได้ไปทำงานตามที่ปฏิบัติงานจริงเลยค่ะ ล่วงหน้าเพื่อนๆ คนอื่นที่เข้ามาพร้อมกันไป 9 เดือนโดยประมาณ
สำหรับสถานที่ทำงานหลังจากน้องเรียนจบหลักสูตรที่บริษัทกำหนดแล้ว ก็จะขึ้นอยู่กับนโยบายบริษัทและอัตรากำลังที่ต้องการในช่วงนั้นๆ ค่ะ ว่าจะส่งน้องๆ ไปประจำที่หน่วยไหน สำหรับในส่วนกลางก็จะมีที่สำนักงานใหญ่ ทุ่งมหาเมฆ / สุวรรณภูมิ / ดอนเมือง ในส่วนภูมิภาคเราจะมีศูนย์ควบคุมการบินหลักๆ อยู่ที่ เชียงใหม่ / พิษณุโลก / อุบลราชธานี / อุดรธานี / หัวหิน / ภูเก็ต / สุราษฎร์ธานี / หาดใหญ่ ตรงนี้ก็อาจจะมีลุ้นกันนิดนึง
หลังจากน้องเริ่มทำงานที่สถานที่ควบคุมจราจรทางอากาศจริง เรียน ฝึก และสอบผ่านตามเกณฑ์ที่สำนักงานการบินพลเรือนได้กำหนดไว้ บริษัทจะปรับสตางค์ค่าขนมเพิ่มครั้งใหญ่ให้เรา (นอกเหนือไปจากการปรับขึ้นประจำปีละสองครั้งตามการประเมินผลน้องๆ หนูๆ) พร้อมแถมค่าใบอนุญาตและค่าวิชาชีพเพิ่มเข้าไปอีกในแต่ละเดือนด้วย อิ่มหนำอ้วนพีกันไปเลย ดูจากพี่เป็นตัวอย่างได้ บริษัทดูแลพี่จนสมบูรณ์ดีมากๆ จริงๆ ค่ะ
เขียนมาซะยืดยาว ขอบคุณทุกคนที่ทนอ่านจนมาถึงบรรทัดนี้ ในใจได้แต่หวังว่า จะยังมีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ยังนึกถึงพวกเราชาว ATC บ้างเวลาที่พูดถึงเรื่องการบินนะคะ โอมมมมเพี้ยง! ขอมีคนสนใจงานของเราบ้าง ซักคนก็ยังดี นะๆๆๆๆๆๆๆๆ นะคะ สำหรับใครที่ยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถฝากคำถามไว้ได้ที่นี่หรือที่กัปตันพี่เหมเลยนะคะ