หากคุณอยากเริ่มต้นทำแบบไม่จริงจังมากนักอาจใช้ผู้ให้บริการสร้างเว็บ Blog แบบฟรีไปก่อน เช่น Blogger , WordPress.com
แต่ผมไม่แนะนำเลย!
ทำไม?
ข้อเสียของการสร้างเว็บ blog ฟรี
นี่คือเหตุผลที่ผมไม่แนะนำให้คุณสร้างเว็บบล็อกฟรี
1. โดเมนเว็บของคุณดูน่าเกลียดและจดจำได้ยากเช่น หากคุณสร้างเว็บโดยใช้ Blogger โดเมนเว็บคุณจะอยู่ในรูปแบบ: ชื่อเมนที่คุณตั้ง.blogspot.com
มันยาวและดูไม่ดีเลยใช่ไหมครับ?
ปัญหาสำคัญๆนอกจากความสวยงามแล้วเวลาคนจะค้นหาเว็บของคุณเขาจะพิมพ์ชื่อโดเมนเพื่อเข้าเว็บของคุณได้ยากมากเพราะมันยาวสุดๆทำให้ผู้คนจำไม่ได้นั่นเอง
2. การปรับแต่งที่จำกัดหากคุณสร้างเว็บบล็อกแบบฟรีเช่นสร้างด้วย Blogger คุณจะสามารถปรับแต่งมันได้น้อยมากๆเช่น การปรับแต่ง layout ที่จำกัด , เครื่องมือในการออกสร้างหน้าเว็บที่น้อย , ไม่มี Plugin ที่เพิ่มความสามารถต่างๆได้มากมาย
3. คุณไม่ใช่เจ้าของเว็บใช่ครับการที่เราไปสร้าง blog ในผู้ให้บริการฟรีต่างๆเหล่านี้คุณเปรียบเสมือนไปยืมบ้านเขาอยู่ครับเขาจะปิดเว็บของคุณตอนไหนก็ได้
4. มีโฆษณาในเว็บของคุณของฟรีที่ดีไม่มีในโลกครับผู้ให้บริการบางเจ้าจะนำโฆษณาใส่ลงในเว็บของคุณเพื่อเป็นทางในการหารายได้ให้เขา (ไม่ได้แบ่งให้คุณ)
5. ต้องอัพเกรดเพื่อได้ความสามารถเพิ่มยกตัวอย่างหากคุณสร้างเว็บบล็อกฟรีกับ wordpress.com คุณต้องเสียเงินสูงสุด 1500 บาทต่อเดือนเพื่อจะได้ใช้คุณสมบัติเพิ่มเติมอื่นๆ
การสร้างเว็บบล็อกแบบเสียเงิน
อันที่จริงคุณสามารถใช้เครื่องมือในการสร้าง Blog ที่ชื่อว่า WordPress.org ได้ฟรี ซึ่งมันเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในการสร้างเว็บไซต์ที่เปิดให้ทุกคนใช้ได้ฟรี
และรู้ไหมว่าเว็บไซต์กว่า 36.2 % สร้างโดยใช้ WordPress พูดง่ายๆคือคุณเปิดเว็บมา 3 เว็บ 1 ในนั้นจะสร้างด้วย WordPress
(อย่าสับสนกับ WordPress.com อันนั้นก็ใช้ฟรีแต่จำกัดการใช้งานเยอะสุดๆหากไม่จ่ายเงิน แต่ตัวนี้ใช้ฟรี 100% หากสงสัยไปอ่านบทความนี้ก่อน → wordpress คืออะไร)
ไหนบอกว่าใช้ฟรีแล้วทำไมทำต้องเสียเงิน ?
เพราะการสร้างเว็บไซต์ทุกชนิดเราต้องเสียเงินให้กับการจดโดเมน และการเช่าโฮสติ้ง สิ่ง 2 อย่างนี้จำเป็นต้องมีในการสร้างเว็บไซต์เสมอขาดไม่ได้
- โดเมน คือ ที่อยู่เว็บของเราเช่น google.com นี่แหละคือโดเมน
- โฮสติ้ง คือ บริการในการเก็บไฟล์ต่างๆของเว็บเราลงบนเครื่องเซิฟเวอร์ แล้วส่งไปให้ผู้เข้าชมดูเวลาที่พวกเขาเปิดหน้าเว็บต่างๆ
ทำไมควรสร้าง blog แบบเสียเงิน
ใช่แล้วมันไม่ฟรี แล้วทำไมเราควรใช้มันล่ะ ?
1. ตั้งชื่อโดเมนได้ตามใจคุณสามารถตั้งชื่อโดเมนได้ตามต้องการ สวยงาม และจดจำง่าย และคุณสามารถกำหนดนามสกุลโดเมนได้อีกด้วย เช่น .com .net .org .co.th และอื่นๆตามต้องการ
2. ปรับแต่งได้ดั่งใจคุณสามารถปรับแต่งทุกอย่างได้อย่างไม่จำกัด เช่น ปรับ layout , เปลี่ยนฟ้อนต์รูปแบบอักษร , เปลี่ยนโลโก้ , ปรับแต่งเมนูของเว็บ และอื่นๆอีกมากมาย
3. คุณคือเจ้าของเว็บ 100%คุณเป็นเจ้าของเว็บแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอยากทำอะไรกับเว็บของคุณก็ได้ ไม่มีกฎ ไม่มีข้อจำกัด ปรับแต่งออกแบบเขียน blog ได้ตามที่คุณต้องการทุกๆอย่าง
4. อัพเกรดความสามารถด้วย PluginWordPress.org มีเครื่องมือที่เรียกว่า Plugin ที่ช่วยเพิ่มความสามารถต่างๆให้แก่เว็บไซต์ของเรามากมายหลายหมื่นรายการ
ซึ่งคุณสามารถใช้งานได้ฟรี!! โดยการไปดาวน์โหลดได้ที่ → wordpress.org/plugins
ตัวอย่างหากคุณอยากทำเว็บขายของออนไลน์ได้ก็แค่ติดตั้ง plugin woocommerce
หรืออยากจะให้เว็บมีปุ่มกดแชร์ก็แค่ติดตั้งปลั๊กอิน seed social
แนะนำอ่านเพิ่มเติม : แนะนำ 11 plugin wordpress ที่ต้องจำเป็นต้องมี , WordPress ทําอะไรได้บ้าง , ข้อดีข้อเสีย ของ WordPress
ดังนั้นผมก็จะสอนวิธีสร้างเว็บบล็อกด้วย WordPress.org กันนะครับด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ไปเรียนรู้กันเลย
วิธีสร้างเว็บบล็อก (Web Blog)
คุณสามารถดูเป็นคลิปสอนได้ด้านล่างนี้ (เนื้อหาในบทความนี้ละเอียดว่าในคลิปแนะนำดูคลิปเสร็จให้อ่านบทความต่อ)
ขั้นตอนที่ 1
1. จดโดเมน (Domain)
โดเมน (Domain) คือที่อยู่เว็บไซต์ของเราใช้เพื่อให้ผู้คนสามารถค้นหาเว็บของเราเจอได้
คุณสามารถตั้งชื่อโดเมนว่าอะไรก็ได้ตามต้องการ จากนั้นคุณก็เลือกนามสกุลโดเมนตามที่ต้องการได้อีก
ตัวอย่างโดเมนที่คุณน่าจะรู้จักกันดี เช่น google.com ชื่อโดเมนก็คือ google นามสกุลโดเมนก็คือ .com
นึกภาพออกแล้วใช่ไหมครับ
การเลือกชื่อโดเมน
แม้ว่าเราจะตั้งชื่อโดเมนว่าอะไรก็ได้ตามต้องการ แต่นี่คือหลักการตั้งโดเมนที่ผมแนะนำ
- สั้นและจำจดง่าย : ชื่อสั้นๆช่วยให้ผู้คนจดจำโดเมนเว็บของคุณได้ง่ายขึ้น ทีนี้เวลาคนจะเข้าเว็บของคุณเขาก็จะค้นหาได้ง่ายนั่นเอง หากมันยาวหรือจำได้ยาก ผู้คนก็คงจะจำไม่ได้และไม่มีใครเข้าเว็บของคุณอีกต่อไป
- อย่าใช้ขีดคั่นกลางและตัวเลข : การใช้ (-) หรือตัวเลข (4) แบบนี้ จะทำให้ผู้คนเกิดความสับสนได้เวลาค้นหาชื่อโดเมนของคุณ
- ใช้นามสกุลโดเมนที่เป็นที่นิยม : นามสกุลโดเมน .com คือที่นิยมมากที่สุด หากคุณใช้นามสกุลโดมเมนอื่นมันก็ทำได้หมดแหละแต่มันก็จะจดจำได้ยากนั่นเอง
- เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณทำ : เช่นคุณจะทำเว็บไซต์เกี่ยวกับสุนัข ก็อาจใช้คำว่า dog ใส่ลงไปในโดเมนด้วย ผู้คนจะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าเว็บของคุณทำเกี่ยวกับอะไรนั่นเอง
วิธีจดโดเมน
หากคุณพร้อมที่จะมีบล็อกแล้วก็ไปเรียนรู้ขั้นตอนแรกในการสร้างเว็บบล็อกกันเลยซึ่งผมได้เขียนบทความแยกสอนไว้แบบละเอียดแล้วกดไปดูกันได้เลย
ขั้นตอนที่ 2
2. เช่าโฮสติ้งและติดตั้ง wordpress
โฮสติ้ง (Hosting) คือสิ่งที่ใช้ในการเก็บไฟล์ต่างๆของเว็บของเรา เช่น รูปภาพ ตัวหนังสือ โดยเป็นการเก็บลงในคอมพิวเตอร์ชนิดพิเศษที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงที่เรียกว่า server เมื่อมีคนเข้าเว็บของเรามันก็จะส่งข้อมูลต่างๆบนหน้าเว็บของเราให้ผู้เข้าชมได้เห็น
และมันก็เป็นสถานที่ในการใช้ติดตั้ง WordPress ซึ่งเป็นซอฟแวร์ในการสร้างเว็บบล็อกให้เราแบบง่ายๆในไม่กี่คลิกอีกด้วย
วิธีเช่าโฮสติ้ง
ผมได้เขียนบทความสอนวิธีการเช่า hosting และติดตั้ง wordpress แบบละเอียดไว้แล้วสามารถกดดูได้ด้านล่างนี้เลย
หากทำขั้นตอนนี้เสร็จก็ไปดูขั้นตอนต่อไปกันเลย
ขั้นตอนที่ 3
3. เชื่อม Domain กับ Host
โดเมนและโฮสติ้ง (domains และ hosting) จะทำงานแยกกันคนละส่วน แต่ก็ต้องทำงานร่วมกันจึงจะทำให้เว็บของเราทำงานได้ ซึ่งเราก็ต้องทำการเชื่อมมันเข้าด้วยกันนั่นเอง
วิธีเชื่อมโดเมนกับโฮสติ้ง
ผมได้ทำบทความสอนหัวข้อนี้แยกไว้เช่นกันครับ สามารถกดดูวิธีการแบบละเอียดได้ด้านล่างเลย
ขั้นตอนที่ 4
4. ติดตั้ง SSL
SSL ย่อมาจาก Secure Sockets Layer เป็นการเข้ารหัสระหว่างเว็บเซิร์ฟเวอร์และเบราว์เซอร์ ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญต่างๆที่ถูกส่งระหว่างสองระบบจากการอ่านและแก้ไขข้อมูล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ข้อมูลทางการเงิน ชื่อ ที่อยู่ และอื่น ๆ
วิธีติดตั้ง SSL ฟรี
เราควรติดตั้ง SSL ให้เว็บเสมอเพราะช่วยเรื่องความปลอดภัยและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บ blog ของเราได้มาก ซึ่งคุณสามารถติดตั้งได้ฟรีผ่านทาง hosting ที่ผมสอนให้คุณเช่า (หากคุณเช่ากับเจ้าอื่นอาจต้องเสียเงินส่วนนี้เพิ่ม)
ดูขั้นตอนการทำได้เลยตามบทความนี้
ขั้นตอนที่ 5
5. ตั้งค่าเว็บไซต์
หลังจากทำขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้านี้เราก็ต้องทำการตั้งค่าเว็บไซต์ของเราเพื่อให้มันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีมากขึ้น
การตั้งค่าเว็บ blog ที่แนะนำ
นี่คือการตั้งค่าต่างๆที่ควรทำหลังจากที่คุณติดตั้งเว็บใหม่กดดูได้ทีละหัวข้อเลย
ขั้นตอนที่ 6
6. การสร้างบล็อก (Blog)
นี่คือขั้นสำคัญก็คือการเริ่มต้นสร้างเว็บ blog ของเรา ซึ่งหัวข้อนี้จะสอนแบบละเอียดทุกอย่าง เช่น
- การติดตั้งธีม wordpress
- การเขียนบทความ
- การใส่ข้อมูลผู้เขียน
- การใส่หมวดหมู่และบทความล่าสุด
- กานสร้างหน้าเกี่ยวกับเราและติดต่อเรา
ติดตั้งธีมให้เว็บบล็อก
เริ่มแรกเลยเราต้องติดตั้งธีมให้เว็บของเราก่อน
ไปที่เมนู รูปแบบเว็บ → ธีม → เพิ่มใหม่
ในช่องค้นหาพิมพ์คำว่า "generatepress"
จากนั้นก็ให้กด ติดตั้ง แล้วรอสักครู่จากนั้นกด Activate
ซึ่งนี่ก็คือเว็บบล็อกของเราหลังจากที่ติดตั้งธีมเสร็จ
มันก็ยังดูไม่สมบูรณ์เป็น blog เท่าไร ดังนั้นเราไปทำขั้นอื่นๆกันต่อดีกว่า
การเขียนบทความลงบล็อก
1. การใส่หัวข้อและเนื้อหาของบทความหลังจากที่เราติดตั้งธีมเสร็จเราก็มาดูวิธีการเขียนบทความลงเว็บบล็อกของเรากันต่อเลย
ก่อนอื่นให้เราไปที่เมนู เรื่อง → แล้วเลือก เขียนเรื่องใหม่
เราก็จะมาเจอกับหน้าที่ใช้ในการเขียนบทความลงบล็อกของเราแล้ว
- ใส่ชื่อ : ใช้สำหรับเพิ่มหัวข้อหรือชื่อบทความของเรา
- เริ่มการเขียน หรือพิมพ์เครื่องหมายทับ (/) เพื่อเลือกบล็อก : ใช้สำหรับใส่เนื้อหาของบทความ
โดยการเพิ่มเนื้อหาให้บทความของเรา เราสามารถใส่เนื้อหาได้หลากหลายรูปแบบ เช่น รูปภาพ ย่อหน้า หัวข้อ รายชื่อ กลอน ตาราง และอื่นๆ
ซึ่งคุณสามารถกดเลือกรูปแบบเนื้อหาที่จะใส่ลงในบทความได้ที่เครื่องหมาย + ตรงมุมซ้ายบนตามภาพ
2. การตั้งรูปภาพประจำเรื่องรูปภาพประจำเรื่องเป็นรูปภาพหลักของบทความเสมือนกับรูปภาพหน้านั่นเอง ซึ่งมันจะนำไปใช้งานต่างๆมากมาย เช่น นำไปแสดงไว้บนสุดของบทความของเรา, นำไปใช้เป็นรูปภาพหน้าปกในหน้ารวมบทความ, นำไปใช้เป็นภาพปกเวลาเราแชร์บทความลงใน social media
ดังนั้นแล้วอย่าพลาดที่จะใส่รูปภาพประจำเรื่องเด็ดขาด
ตัวอย่างรูปภาพประจำเรื่องซึ่งนี่คือตัวอย่างภาพประจำเรื่องที่แสดงในหน้าบทความของเรา
และนี่คือตัวภาพประจำเรื่องที่แสดงเป็นภาพหน้าปกในหน้ารวมบทความของเรา
วิธีตั้งรูปภาพประจำเรื่องง่ายๆเลยให้คุณไปที่เมนูด้านขวาก็จะเจอกับเมนู รูปประจำเรื่อง จากนั้นให้กดที่ กำหนดรูปประจำเรื่อง แล้วอัปโหลดรูปที่ต้องการได้เลย
3. การกำหนดหมวดหมู่ให้บทความเราสามารถกำหนดหมวดหมู่ให้แก่บทความของเรา เพื่อความเป็นระเบียบในการเขียนบทความ และสามารถนำหมวดหมู่นี้ไปให้ผู้ใช้งานกดเลือกอ่านตามหมวดหมู่ได้อีกด้วย แนะนำว่าควรตั้งหมวดหมู่ให้แก่บทความทุกครั้ง
เริ่มแรกให้คุณไปที่เมนู หมวดหมู่
แล้วพิมพ์หมวดหมู่ลงในช่อง ชื่อหมวดหมู่ใหม่
จากนั้นกด สร้างหมวดหมู่ใหม่
ต่อมาหากเราเขียนบทความใหม่ที่อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน เราก็มาติ้กถูกในช่องหมวดหมู่ที่เคยสร้างไว้แล้วก่อนหน้า หรือหากยังไม่มีหมวดหมู่ใดๆที่ตรงกับบทความใหม่ของเรา เราก็สร้างขึ้นมาใหม่นั่นเอง
หลังจากที่เรา ตั้งชื่อบทความ → เขียนเนื้อหาของบทความ → ใส่รูปประจำเรื่อง → ใส่หมวดหมู่
ก็ถือได้ว่าเราทำทุกอย่างสำเร็จแล้วให้เรากด เผยแพร่ เพื่อนำบทความของเราไปแสดงให้ผู้อื่นได้อ่านกันเลย
วิธีเพิ่มกล่องแสดงข้อมูลผู้เขียน
นี่คือตัวอย่างของกล่องแสดงข้อมูลของผู้เขียน โดยมันจะแสดงอยู่ใต้สุดของบทความของเรา
ข้อมูลที่จะแสดงได้แก่
- ภาพผู้เขียน
- ชื่อผู้เขียน
- ข้อความประวัติของผู้เขียน
- ช่องทาง social media ผู้เขียน (เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูป)
เริ่มแรกเลยให้เราไปที่เมนู ปลั๊กอิน → เพิ่มปลั๊กอินใหม่
ในช่องค้นหาให้พิมพ์คำว่า simple author box
จากนั้นกด ติดตั้งตอนนี้ รอสักครู่แล้วกด Activate
จากนั้นให้กดที่เมนู Settings
แล้วกดที่ Edit Author Profile
วิธีใส่ชื่อผู้เขียนเริ่มแรกให้เลื่อนไปที่หัวข้อ ชื่อเล่น (ต้องการ) จากนั้นทำตามนี้
- ชื่อเล่น (ต้องการ) : ให้เรากรอกชื่อของผู้เขียนที่เราต้องการลงไป
- ชื่อที่แสดงให้คนทั่งไปเห็น : ให้เรากดเลือกที่ชื่อที่เรากรอกไปเมื่อกี้
เริ่มแรกให้เลื่อนไปที่หัวข้อ ข้อมูลชีวประวัติ จากนั้นกรอกข้อมูลประวัติของผู้เขียนที่เราต้องการลงในช่องได้เลยตามชอบ
วิธีใส่รูปผู้เขียน- ให้ไปที่หัวข้อ Profile Image
- กด Uplode Image
- เลือกรูปของคุณได้เลยตามชอบ
ไปที่หัวข้อ Social Media Links (Simple Author Box)
- กดที่ Add This แล้วเลือก social media ได้เลยตามที่คุณต้องการ เช่น facebook, twitter
- กรอก url ของ social ที่คุณเลือกลงในช่องว่างตามภาพ
- หากต้องการเพิ่ม social media อื่นๆอีกให้กด + Add new social platform
สุดท้ายหลังจากที่คุณใส่ข้อมูลผู้เขียนทุกอย่างตามข้างต้นแล้ว อย่าลืมกด อัปเดตข้อมูลส่วนตัว
วิธีเพิ่มบทความล่าสุดและหมวดหมู่บทความใน blog
นี่คือภาพตัวอย่างของ บทความล่าสุด และ หมวดหมู่บทความ
2 อย่างนี้มีประโยชน์อย่างมากเพราะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเลือกอ่านบทความอื่นๆของเราที่เพิ่มลงล่าสุดได้และสามารถกดเลือกอ่านบทความตามหมวดหมู่ที่ชอบได้ ช่วยให้ผู้คนอยู่บนเว็บของเรานานขึ้น และอ่านบทความอื่นๆของเราเยอะขึ้น
เริ่มแรกเลยให้คุณไปที่หน้าเว็บไหนก็ได้แล้วกดที่ ปรับแต่ง
สังเกตตรงด้านขวาจะมีรูปดินสอขึ้นมา ให้เรากดได้เลย
จากนั้นลบอันที่เราไม่ได้ใช้ออกให้หมด
ทีนี้กด เพิ่มวิดเจ็ต
แล้วค้นหาคำว่า หมวดหมู่ จากนั้น กดคลิกที่หมวดหมู่
ในช่อง ชื่อ คุณสามารถพิมพ์ชื่อหัวข้อได้เลยตามที่อยากจะตั้ง
หลังจากนี้เราก็ไปใส่โลโก้ให้เว็บกันต่อ ทำต่อได้เลยจากขั้นตอนนี้
วิธีใส่โลโก้เว็บบล็อก
เริ่มแรกเลยสังเกตตรงมุมซ้ายบนจะเจอรูปดินสออยู่ที่โลโก้ปัจจุบันของเรา ให้เรากดคลิกที่รูปดินสอ
เราสามารถเพิ่มรูปโลโก้ให้เว็บของเราได้ 2 แบบคือ แบบเป็นตัวอักษร และแบบเป็นรูปภาพ
1. วิธีใส่โลโก้เป็นตัวอักษรตรงเมนูชื่อเว็บให้เรากรอก ชื่อเว็บของเรา ชื่อแบรนด์ ชื่อเรา หรืออะไรก็ได้ เพื่อนำมันไปใช้เป็นโลโก้ของเว็บ
1. วิธีใส่โลโก้เป็นรูปภาพก่อนอื่นกดติ้กถูกที่ช่อง Hide site title และ Hide site tagline ก่อน
จากนั้นกดที่ เลือกรูปโลโก้ แล้วอัปโหลดรูป logo ได้เลยตามต้องการ
หากภาพ logo ใหญ่เกินไปก็สามารถไปที่เมนู Logo Width เพื่อลากปรับขนาดได้ตามชอบ
วิธีสร้างหน้าติดต่อเราและหน้าเกี่ยวกับเรา
มีหน้าเว็บ 2 อย่างที่ผมแนะนำให้คุณสร้างที่จำเป็นสำหรับการเขียนเว็บบล็อกก็คือหน้า ติดต่อเรา และหน้า เกี่ยวกับเรา
- หน้าติดต่อเรา : ช่วยให้ผู้อ่านสามารถติดต่อเราได้เช่นหากจ้างเราเขียนบทความหรืออาจจะอยากติดต่อเราเพื่อทำงานอื่นๆเช่นเขียนหนังสือ ขอลงโฆษณา ขอซื้อ backlink ขอให้รีวิวสินค้าลงเว็บ และอื่นๆอีกมากมาย หากเราไม่มีช่องทางการติดต่อไว้ก็จะพลาดรายได้เหล่านี้ไปมากมายหลายบาทเลย
- หน้าเกี่ยวกับเรา : ช่วยให้ผู้อ่านรู้จักว่าเว็บของเราเกี่ยวกับอะไร ใครเป็นผู้เขียน ช่วยให้ข้อมูลต่างๆที่เราเขียนน่าเชื่อถือมากขึ้น และช่วยให้เราสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ได้อีกด้วย
โอเคทีนี้เราไปเรียนรู้วิธีการสร้างมันกันเลยครับ
เริ่มแรกเลยให้เราเอาเมาส์ไปชี้ที่รูปไมล์รถทางซ้ายบน แล้วกดที่หน้าควบคุม
แล้วกดที่ หน้า
จากนั้นทำการลบหน้าเว็บตัวอย่างที่ระบบสร้างมาให้ออกให้หมด
วิธีลบหน้าตัวอย่าง- กดติ้กถูกในช่องสี่เหลี่ยมบนสุดตามภาพ
- กดเลือก ย้ายไปถังขยะ
- กด นำไปใช้
- กดที่ ถังขยะ
- กดติ้กกาถูกในช่องสี่เหลี่ยมบนสุดอีกครั้ง
- กดเลือก Delete permanently
- กด นำไปใช้
เริ่มแรกให้กดที่ เขียนหน้าใหม่
แล้วทำต่อไปนี้
- ตั้งชื่อเป็น เกี่ยวกับเรา
- กดที่ + เพื่อเลือกเนื้อหาต่างๆที่ต้องการใส่เช่น รูปภาพ หัวข้อ ย่อหน้า
- กด เผยแพร่
ก่อนอื่นให้เรากลับไปที่หน้าก่อน โดยการกดไปที่รูป W ตามภาพ
แล้วกดที่ เขียนหน้าใหม่
จากนั้นทำตามนี้
- ตั้งชื่อว่า ติดต่อเรา
- กด + เพื่อเลือกประเภทเนื้อหาที่ต้องการใส่ เช่น รูปภาพ หัวข้อ
- กดเผยแพร่
นี่คือตัวอย่างของผมซึ่งได้เพิ่ม ไลน์ id, facebook, email ลงในหน้าติดต่อเรา คุณไม่ต้องทำแบบผมก็ได้ สามารถใส่ข้อมูลอื่นๆและตกแต่งให้สวยงามกว่านี้ได้เลย
วิธีเพิ่มเมนูให้เว็บบล็อก
มีเมนู 3 อันที่ผมแนะนำให้คุณเพิ่มลงในเมนูของเว็บก็คือ หน้าแรก, หน้าเกี่ยวกับเรา, หน้าติดต่อเรา
เริ่มแรกให้คุณไปที่หน้าเว็บไหนก็ได้ของคุณจากนั้นกดที่ ปรับแต่ง
แล้วกดที่ เมนู
แล้วกด สร้างเมนูใหม่
- ในช่องชื่อเมนู กรอกอะไรไปก็ได้ตามชอบ
- ในช่อง Primary Menu ติ้กกาถูกไว้
- แล้วกด ถัดไป
ทีนี้กด + ติดต่อเรา และ กด + เกี่ยวกับเรา เพื่อนำหน้าเว็บนี้มาใช้เป็นเมนู
- ให้กดไปที่ปรับแต่งลิงก์
- URL : ใส่ /
- ลิงก์ข้อความ : กรอกคำว่า หน้าแรก
- สุดท้ายกด เพิ่มลงเมนู
เราสามารถสลับตำแหน่งได้ว่าจะให้เมนูไหนขึ้นก่อนหลังโดยทำตามนี้
เริ่มแรกกดที่ เรียงใหม่
ก็จะเจอกับลูกศรกดขึ้นลงเพื่อสลับตำแหน่งเมนูเว็บได้เลยตามชอบ (แนะนำว่าเมนูหน้าแรกควรอยู่บนสุด)
หลังจากปรับแต่งเมนูเสร็จให้กด เผยแพร่
จากนั้นกด X มุมซ้ายบน
เสร็จแล้ว!! นี่คือเมนูของเว็บหลังจากสร้างเสร็จ
ตัวอย่างเว็บบล็อกหลังสร้างเสร็จ
เรามาดูกันดีกว่าว่าเมื่อเราสร้างเสร็จเว็บของเราจะเป็นอย่างไรเพื่อให้ท่านเห็นภาพนั่นเอง
หน้าแรกหน้าแรกที่เราได้จะเป็นหน้าในการรวมบทความทั้งหมดของเว็บเรา โดยจะเป็นการพรีวิวบทความคร่าวๆให้คนกดเข้าไปอ่านบทความละเอียดได้ด้านใน
ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่มีคร่าวๆ
- ชื่อบทความ
- วันที่เขียน
- ชื่อผู้เขียน
- ภาพประจำเรื่อง
- ข้อความบางส่วนของบทความ
- ปุ่ม read more
- ปุ่มคอมเมนต์
- หมวดหมู่บทความ
- บทความล่าสุด
- เลือกอ่านตามหมวดหมู่
นี่คือภายในบทความของเราเมื่อคนกดเข้ามาอ่านก็จะเจอบทความแบบเต็มตามที่เราเขียนเนื้อหาไว้ทั้งหมด
ซึ่งสิ่งที่ได้คร่าวๆคือ
- รูปประจำเรื่อง
- ชื่อเรื่อง
- วันที่เขียน
- ชื่อผู้เขียน
- เนื้อหาบทความแบบเต็ม
- บทความล่าสุด
- เลือกอ่านตามหมวดหมู่
นี่คือภายในบทความด้านล่างจะมีกล่องผู้เขียนกับกล่องคอมเมนต์และอื่นๆ
ซึ่งนี่คือสิ่งที่มีคร่าวๆ
- กล่องแสดงข้อมูลผู้เขียน
- ชื่อผู้เขียน
- ข้อความประวัติผู้เขียน
- social media ของผู้เขียน
- หมวดหมู่ของบทความที่อ่านอยู่ตอนนี้
- เรื่องก่อนหน้า
- ช่องคอมเมนต์
นี่คือตัวอย่างหน้าเกี่ยวกับเราซึ่งจะมีข้อมูลต่างๆที่คุณต้องการใส่ เช่น
- คุณสร้างเว็บนี้มาทำไม
- ใครเป็นคนสร้าง
- ภาพของผู้สร้าง
- บทความล่าสุด
- หมวดหมู่บทความ
คุณสามารถใส่ข้อมูลและตกแต่งหน้าเว็บได้ตามชอบเลยนี่ผมแค่ทำเป็นตัวอย่างให้ดูเฉยๆ
หน้าติดต่อเรานี่คือตัวอย่างหน้าติดต่อเราที่ใช้ในการใส่ช่องทางการติดต่อต่างๆของเรา เช่น LINE , Facebook , Email เพื่อให้ผู้คนติดต่อหาเราได้
และเช่นกันคุณสามารถตกแต่งและใส่รายละเอียดอื่นๆได้หมดตามชอบไม่ต้องทำตามผม
เมนูและโลโก้ของเว็บนี่คือภาพตัวอย่างเมนูและโลโก้ของเว็บ
ขั้นตอนที่ 7
7. อัพเกรด Hosting
เราต้องทำการอัพเกรด hosting เพื่อให้เว็บของเราทำงานต่อไปได้ เพราะเราสามารถทดลองใช้ได้ฟรีเพียง 3 วันเท่านั้นหากเราไม่อัพเกรดเว็บของเราก็จะใช้งานไม่ได้นั่นเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 300 บาท/เดือน
แต่พิเศษสุดๆหากคุณกรอกโค้ดส่วนลดตามที่ผมสอนไปในขั้นตอนที่ 2 คุณจะสามารถใช้ฟรีได้ถึง 3 เดือน (มูลค่า 900บาท)
วิธีอัพเกรด Hosting
1. กดอัพเกรด hostingกดไปที่ UPGRADE MY ACCOUNT
2. กรอกข้อมูลบัตรเครดิต- เป็นบัตรเครดิต Visa หรือ Mastercard ก็ได้
- บัตร ATM ที่มีเครื่องหมาย Visa หรือ Mastercard ก็ใช้ได้
- หากไม่มีบัตรสามารถสมัคร Truemoney wallet และ เปิดใช้งานบัตรผ่านแอพได้ (ลองหาวิธีดูใน Google)
Billing Details
- กรอกที่อยู่เป็นภาษาไทยก็ได้
- ตรง phone : ใส่ +66 ตามด้วยเบอร์มือถือของเราที่ตัดเลข0ด้านหน้าออก
จากนั้นกด AUTHORIZE
3. ได้โฮสติ้งฟรีเรียบร้อยหากท่านใช้บัตรที่ไม่ใช่บัตรเครดิตท่านต้องมีเงินในบัตรอย่างน้อย 1 usd (31 บาท) เพราะระบบจะลองตัดเงินว่าบัตรของท่านใช้งานได้หรือไม่
ให้ลองไปที่เมนู Funds ท่านก็จะพบว่าเราได้รับเงินมาใช้งาน hosting ฟรีจำนวน 30 ดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว
4. หลังจากครบใช้ฟรี 3 เดือนจะเป็นยังไง- หลังจากครบ 3 เดือน ท่านจะหมดโปรใช้ฟรีซึ่งต้องเสียเงินจำนวน 10 ดอลลาร์ต่อเดือน (310 บาทต่อเดือน)
- หากไม่มีเงินให้ระบบตัด hosting ของท่านจะถูกลบทิ้งและข้อมูลเว็บไซต์ต่างๆของท่านจะถูกลบทิ้ง เว็บของคุณก็จะเข้าไม่ได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเว็บบล็อก
สร้างเว็บบล็อกเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร
การสร้างเว็บบล็อกด้วย WordPress เราสามารถเริ่มต้นได้ฟรีแต่เราต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจดโดเมนราคา 280 บาทต่อปี และค่าเช่าโฮสติ้งราคา 300 บาทต่อเดือน หรือสรุปง่ายๆการสร้างเว็บบล็อกใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ 323 บาทต่อเดือน
เว็บบล็อก (blog) คืออะไร
เว็บบล็อก (หรือเว็บ blog) คือเว็บไซต์ที่ใช้รวบรวมและเขียนบทความเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ซึ่งจะเรียงบทความตามลำดับเวลาโดยบทความล่าสุดจะปรากฏเป็นอันดับแรกและต่อด้วยบทความอื่นๆตามลำดับเวลาที่เขียน เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมของนักเขียนหรือกลุ่มนักเขียนที่ใช้ในการแบ่งปันข้อมูลและเนื้อหาในแต่ละเรื่อง
หาเงินจากเว็บบล็อกได้ยังไง
มีช่องทางในการหาเงินจากเว็บบล็อกมากมาย ตัวอย่างเช่น การรับรีวิวสินค้าลงเว็บบล็อก, การลงโฆษณาในเว็บบล็อก, การใส่ลิงก์ Affiliate ลงในเว็บบล็อก, การขายสินค้าหรือบริการต่างๆลงในเว็บบล็อก
คุณสามารถอ่านวิธีการหาเงินจากเว็บไซต์เพิ่มเติมได้ในบทความนี้ → 17 วิธีหาเงินจากเว็บไซต์
ใครใช้เว็บบล็อก
บล็อกได้รับความนิยมในหมู่นักเขียน นักรีวิว หรือแม้กระทั่งองค์กรต่างๆ ที่ต้องการแสดงความเชี่ยวชาญหรือสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์อ้างอิงข้อมูลจาก firstsiteguide ปัจจุบันมีเว็บบล็อกมากกว่า 570 ล้านบล็อกที่สร้างขึ้นทั่วโลก
เว็บบล็อกส่วนตัวคือ
เว็บบล็อกส่วนตัวคือเว็บส่วนตัวของบุคคลสำหรับการเขียนเนื้อหาต่างๆตามที่ตัวเองต้องการ ไม่ได้เป็นขององค์กรหรือของบริษัท
ซอฟต์แวร์เว็บบล็อกมีอะไรบ้าง
มีซอฟต์แวร์ต่างๆมากมายในการสร้างเว็บไซต์ประเภทเว็บบล็อกซึ่งนี่ก็คือตัวอย่างรายชื่อซอฟต์แวร์ต่างๆที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ได้แก่
ผู้ให้บริการบล็อกเจ้าไหนดีที่สุด
WordPress คือผู้ให้บริการในการสร้างเว็บบล็อกที่ได้รับ ความนิยม ดี และมีชื่อเสียง มากที่สุดในโลกในขณะนี้ โดยมีส่วนแบ่งทางตลาดประมาณ 39.5% จะให้เห็นภาพลองเทียบกับผู้ให้บริการอีกเจ้าคือ Wix ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 1.5% (อ้างอิงข้อมูลจาก websitetoolteste)
ทําเว็บบล็อกยังไงให้ประสบความสำเร็จ
จะสร้างเว็บบล็อกให้ประสบความสำเร็จได้ควรเริ่มจากการทำในสิ่งที่เราชอบ
อย่างเช่นหากท่านชื่นชอบการเล่นฟุตบอล ท่านก็สร้างเว็บบล็อกเกี่ยวกับการให้ความรู้ในการเล่นฟุตบอล
ซึ่งท่านก็สามารถทำมันได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมันเป็นเรื่องที่เราชอบและสนุกในการทำมัน ความต่อเนื่องนี่แหละ คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการสร้างเว็บบล็อก
ผมแนะนำให้คุณลองทำต่อเนื่องอย่างน้อยประมาณ 1 ปี เว็บของคุณก็จะมีจำนวนผู้เข้าชมที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตอนที่คุณเริ่มทำเว็บบล็อกเป็นครั้งแรกอาจไม่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณเลยในประมาณ 6 เดือนแรก
คุณไม่ต้องตกใจนั่นคือเรื่องปกติ ให้คุณเอาเวลาที่คิดมากว่าไม่มีคนอ่าน เอาไปสร้างเนื้อหาต่างๆลงในบล็อกของคุณดีกว่าผมรับรองได้เลยว่าหากคุณทำต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี คุณจะประสบความสำเร็จในการสร้างเว็บบล็อกแน่นอน
มีเว็บบล็อกที่น่าสนใจบ้าง
นี่คือรายชื่อเว็บบล็อกต่างๆของคนไทย ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม คุณสามารถเข้าลองไปอ่าน เพื่อเป็นไอเดียในการเริ่มต้นสร้างเว็บบล็อกของคุณได้
สรุป
ก็จบไปแล้วสำหรับวิธีการสร้างเว็บบล็อก หากคุณเป็นมือใหม่คุณก็คงได้รับคำตอบแล้วว่าจะทำเว็บบล็อกอย่างไร ขอเน้นหัวใจสำคัญในการสร้างเว็บบล็อกคือ ความต่อเนื่อง เนื้อหาที่ถูกต้องและมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน หากคุณทำตามนี้รับรองว่าเว็บของคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
สุดท้ายขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นสร้างเว็บบล็อก มีคนอ่านเยอะๆ หากมีคำถามอะไร ก็สามารถทัก LINE มาสอบถามได้ หรือสามารถคอมเมนต์ถามคำถามแสดงความคิดเห็นได้ในบทความนี้เลย หากชอบก็อย่าลืมกดแชร์ต่อไปให้เพื่อนๆได้อ่านด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ