1) ผลรวมของแรงดันที่ตกคร่อมเท่ากับผลรวมของแรงดันที่จ่ายให้กับวงจร
2) ผลรวมของกระแสที่ตกคร่อมเท่ากับผลรวมของกระแสที่จ่ายให้กับวงจร
3) กำลังไฟฟ้าคืออัตราส่วนระหว่างกระแสกับค่าความต้านทาน
4) แรงดันแปรผันตรงกับกระแสไฟฟ้า
เฉลย ข้อ1
แนวความคิด
จากกฎกระแสไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์กล่าวไว้ว่า
ผลรวมของกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าเท่ากับผลรวมของกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากกฏแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์กล่าวไว้ว่า
ผลรวมของแรงดันที่ตกคร่อมเท่ากับผลรวมของแรงดันที่จ่ายให้กับวงจร
- จากกฎของโอห์มข้อใดกล่าวถูกต้อง
1) กระแสไฟฟ้าแปรผันตรงกับค่าความต้านทาน
2) แรงดันแปรผันตรงกับค่าความต้านทาน
3) ความต้านทานแปรผันตรงกับกำลังไฟฟ้า
4) กระแสไฟฟ้าแปรผันตรงกับแรงดันไฟฟ้า
เฉลย ข้อ2
แนวความคิด
จากกฎของโอห์มกล่าวไว้ว่า
V = IR
I = V/R
R = I/V
V คือความต่างศักย์ มีหน่วยเป็น โวลต์
I คือกระแสในวงจร หน่วยเป็น แอมแปร์
R คือความต้านทานในวงจร หน่วยเป็น โอห์ม
กล่าวคือกฎของ โอห์ม ใช้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้าและ ความต้านทาน ในวงจรไฟฟ้า กล่าวคือ กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวใดๆ แปรพันตรงกับความต่างศักย์ (แรงดันไฟฟ้า หรือแรงดันตกคร่อน) และแปรผกผันกับความต้านทานระหว่างสองจุดนั่นที่กระแสไหลผ่าน
- กฎแรงดันของเคอร์ซอฟกล่าวว่าอะไร
1) ในวงจรไฟฟ้าปิดใด ผลรวมทางพีชคณิตของแรงดันไฟฟ้ามีค่าเท่ากับศูนย์
2) ผลรวมของแรงดันตกคร่อมทั้งวงจร
3) ผลรวมของแรงดันที่จ่ายให้แก่วงจร
4) ผลรวมของกระแสไฟฟ้าเท่ากับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านในแต่ละสาขา
เฉลย ข้อ1
แนวความคิด
จากกฎแรงดันไฟฟ้าของเคอร์ชอฟฟ์กล่าวไว้ว่า
ผลรวมของแรงดันที่ตกคร่อมเท่ากับผลรวมของแรงดันที่จ่ายให้วงจร
=
ย้ายสมการจะได้
ดังนั้นกล่าวได้ว่าในวงจรไฟฟ้าปิดใด ผลรวมทางพีชคณิตของแรงดันไฟฟ้ามีค่าเท่ากับศูนย์
- คำกล่าวในข้อใดกล่าวได้ถูกต้องตามวิธีของกระแสเมช
1) แก้ปัญหาวงจรไฟฟ้ารวดเร็วขึ้น
2) ง่ายต่อการแก้ปัญหาวงจรไฟฟ้า
3) ลดขั้นตอนในการแก้ปัญหาวงจรไฟฟ้า
4) ถูกทุกข้อ
เฉลย ข้อ4
แนวความคำ
ทฤษฏีกระแสเมช (Mesh Current Throres)
ทฤษฏีกระแสเมช เรียกว่า “เมชเคอร์เรนท์” (Mesh current Theores) เป็นการประยุกต์กฏของเคอร์ชอฟฟ์มาใช้แก้ปัญหาให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ทฤษฏีกระแสเมชจะกำหนดให้ในวงจรปิดใดๆ หนึ่งสงจรปิด จะสมมติให้มีกระแสไหลหนึ่งจำนวนและจะสมมติทิศทางของกระแสไหลไปทิศทางใดก็ได้ ดดยค่ากระแสแต่ละวงจรปิดจะเป็นอิสระต่อกัน
โดยการแก้ปัญหาโจทย์ที่เกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าที่ค่อนข้างยุ่งยาก สลับซับซ้อน ถ้าใช้ กฎของเคอร์ชอฟฟ์แล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็ได้ทฤษฎีกระแสเมช โดยการเขียนสมการกฎแรงดันของเคอร์ชอฟฟ์ กับทุก Loop ที่มีการกำหนดกระแส สมมุติใน Loop นั้น ซึ่งจะต้องยึดหลังการ
- คอมเพรสเซอร์ ทำหน้าที่
1) ทำให้เกิดแก๊สกลั่นตัวเป็นน้ำยาเหลว
2) ทำให้น้ำยาเหลวเดือดกลายเป็นไอ
3) อัดแก๊สความดันต่ำ ให้มีความดันสูงขึ้น
4) ลดความดันน้ำยาเหลว ให้เดือดกลายเป็นไอ
เฉลย ข้อ3
แนวความคิด
คอมเพรสเซอร์ หรือ อุปกรณ์อัดแก๊ส คือ ปั๊มที่ทำหน้าที่อัดแก๊สที่ได้จากน้ำยาที่กลายเป็นไอในอีวาปโปเรเตอร์ ให้มีความดันสูงขึ้น ซึ่งขณะเดียวกันอุณหภูมิของแก๊สจะสูงขึ้นด้วยเมื่อได้แก๊สความดันสูงแล้ว จึงจะให้ผ่านไปยังเดนเซอร์ เพื่อระบายความร้อนออกและทำให้แก๊สเหล่านี้กลั่นตัวเป็นน้ำยาเหลาอีกครั้งหนึ่ง การอัดแก๊สดังกล่าวจะอัดจนกระทั่งอุณหภูมิของแก๊สสูงกว่าอุณหภูมิของสารตัวกลางที่ใช้หล่อเย็นคอนเดนเซอร์ คอมเพรสเซอร์ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องทำงานโดยมีการสูญเสียความดันจากการรั่วของแก๊สและใช้กำลังงานในการขับคอมเพรสเซอร์น้อยที่สุด
- มอเตอร์ 1 เฟสชนิดใดปรับความเร็วรอบโดยใช้ความต้านทาน
1) สปลิตเพสมอเตอร์ 2) ยูนิเวอร์แซลมอเตอร์
3) เซตเด็ดโพลมอเตอร์ 4) รีพัลชั่นมอเตอร์
เฉลย ข้อ
แนวความคิด
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ(Alternating Current Motor) หรือเรียกว่าเอ.ซี มอเตอร์(A.C. MOTOR)การแบ่งชนิดของมอเตอร์ไฟฟ้าสลับแบ่งออกได้ดังนี้
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับแบ่งออกเป็น 3 ชนิดได้แก่
1.มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับชนิด 1 เฟส หรือเรียกว่าซิงเกลเฟสมอเตอร์ (A.D. Sing Phase)
-สปลิทเฟส มอเตอร์(Split-Phase motor)
-คาปาซิเตอร์ (Capacitor motor)
-รีพัลชั่นมอเตอร์(Repulsion-type motor)
-ยูนิเวอร์แวซลมอเตอร์(Universal motor)
-เช็คเดดโพล มอเตอร์(Shaded-pole motor)
- มอเตอร์ไฟฟ้าสลับชนิด 2 เฟสหรือเรียกว่าทูเฟสมอเตอร์ (A.D.Two phase Motor)
3) มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับชนิด 3 เฟสหรือเรียกว่าทีเฟสมอเตอร์ (A.D. Three phase Motor)
ตัวอย่าง วงจรควบคุมความเร็วของยูนิเวอร์แซลมอเตอร์
- มอเตอร์ 1 เฟสกลับทางหมุนได้อย่างไร
1) สลับสายเฟส 2 เส้น
2) กลับทิศทางการไหลของกระแสที่ขดใดขดหนึ่ง
3) ใช้ Rheostart
4) ควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน Stator coil
เฉลย ข้อ4
แนวความคิด
วงจรการกลับทางหมุนมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส
หลักการของวงจรกำลังการกลับทางหมุนมอเตอร์ ไฟฟ้ากระแส สลับ1 เฟส สำหรับการทำงานของวงจรกำลังนั้นเมื่อ คอมแทคเตอร์ K1 ทำงานกระแสไฟฟ้าจะไหลจาก ไลท์ L1 เข้าขดรัน จากขั้ว U ไปยังขั้ว X แล้ว ครบวงจรที่ ส่วนที่ขดสตาร์ทกระแสไหล จากขั้ว V และขั้ว Y ครบวงจรที่ N เช่นกัน จะทำให้มอเตอร์ หมุนขวา ในขณะที่คอมแทคเตอร์ K1 หยุดทำงาน ให้คอนแทคเตอร์ K2 ทำงานจะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดรันเหมือนกับขั้นแรกคือขั้ว U กับขั้ว X ส่วนในขดสตาร์ทกระแสไฟฟ้า จะไหลจากขั้ว Y ไปยังขั้ว V จะเห็นได้ว่าเป็นการสลับ ขั้วของขอสตาร์มทำให้มอเตอร์กลับทิศทางการหมุน
- หลอดเผาไส้ขนาด 60W . 220 V ขณะใช้งานปกติไส้หลอดมีค่าความต้านทานเท่าไร
1) 350.2 โอห์ม 2) 514.6 โอห์ม
3) 672.5 โอห์ม 4) 806.7 โอห์ม
เฉลย ข้อ4
วิธีทำ จากสมการ การหากำลังงาน
P = IV
จากกฎของโอห์ม
V = IR
หรือ
I =
นำไปแทนในสมการ การกำลังงาน จะได้
P =
=
ย้ายสมการหาค่าความต้านทานจะได้
R =
แทนค่าจะได้
R =
=
= 806.666667 Ω
ดังนั้นค่าความต้านทานเท่ากับ 806.7 โอห์ม
- ขดลวกมอเตอร์ 3 เฟสจะวางห่างกันกี่องศา
1) 90 องศา 2) 100 องศา
3) 120 องศา 4) 150 องศา
เฉลย ข้อ3
แนวความคิด
จากสมการ ซึ่งผลรวมของแรงดันชั่วขณะใด ๆ คือ 0
จะเห็นว่าระยะของมุม ของแต่ละขดลวด อยู่หางกัน
- เพราะเหตุใดจึงเรียกมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับว่า อินดักชั่นมอเตอร์
1) พลังงานเอ้าพุทเกิดจากการเหนี่ยวนำ 2) พลังงานอินพุทเกิดจากการเหนี่ยวนำ
3) โรเตอร์เป็นแบบกรงกระรอก 4) โรเตอร์เป็นแบบวาวด์โรเตอร์
เฉลย ข้อ1
แนวความคิด
อินดักชัน (induction) หมายถึง การเหนี่ยวนำโดยป้อนไฟฟ้ากระแสสลับแล้วทำให้เกิดกำลังงานกล บางครั้งเราเรียกมอเตอร์อินดักชันว่า มอเตอร์เหนี่ยวนำ สาเหตุที่เรียกเช่นนี้เพราะการหมุนของมอเตอร์ดังกล่าวเกิดจากการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กหมุนของลวดที่สเตอร์ที่มีผลต่อน้ำในโรเตอร์
- กำลังเอ้าพุทของมอเตอร์เกิดขึ้นที่ใด
1) สเตเตอร์ 2) โรเตอร์
3) ขดลวดสเตเตอร์ 4) ขดลวดโรเตอร์
เฉลย ข้อ2
แนวความคิด
โรเตอร์หรือตัวหนุน (Rotor) มอเตอร์ชนิดเหนี่ยวนำจะมีโรเตอร์ 2 ชนิด คือ โรเตอร์แบบทรงกระรอกและโรเตอร์แบบขดลวดพันหรือแบบวาวด์ ซึ่งจะมีส่วนประกอบดังนี้คือ แกลเหล็ก โรเตอร์ ขดลวด ใบพัด และเพลา ดังกล่าวได้กล่าวระยละเอียดต่อไป
2.1 โรเตอร์แบบกรงกระรอก (Squirrel cage rotor) จะประกอบด้วยแผ่นเหล็กบางๆ ที่เรียกว่าแผ่นเหล็กลามิเนท ซึ่งจะเป็นแผ่นเหล็กชนิดเดียวกันกับสเตเตอร์มีลักษณะเป็นแผ่นกลมๆ เซาะร่องผิวภายนอกเป็นร่องโดยรอบ ตรงกลางจะเจาะรูสำหรับสวมเพลา และเจาะรูรอบๆ รูตรงกลางที่สวมเพลาทั้งนี้เพื่อช่วยให้ในการระบายความร้อน และยังทำให้โรเตอร์มีน้ำหนักเบาลง เมื่อนำแผ่นเหล็ไปสวมเข้ากับแกนเพลาแล้วจะได้เป็นแกนเหล็กโรเตอร์ หลังจากนั้นก็จะใช้แท่งตัวทองแดงหรือแท่งอะลูมิเนียมหล่ออัดเข้าไปในร่องของแกนเหล็กสเตเตอร์เข้าไปวางทั้งสองด้านด้วย วงแหวนตัวนำทั้งนี้เพื่อให้ขดลวดครบวงจรไฟฟ้าหรืออาจนำแกนเหล็กสเตเตอร์เข้าไปในแบบพิมพ์แล้วฉีดอะลูมิเนียมเหลวเข้าไปในร่อง ก็จะได้อะลูมิเนียมอัดแน่นอยู่ในร่องเต็มและจะได้ขดลวดตัวนำแบบกรงกระกรอกฝังอยีในแกนเหล็ก ดังแสดงในรูปที่ 4
ขดลวดในโรเตอร์นั้นจะเป็นลักษณะของตำนำเป็นแท่งซึ่งอาจใช้ทองแดงหรืออะลูมิเนียมประกอบเข้าด้วยกันเป็นลักษณะคล้ายกรงนกหรือกรงกระบอก
2.2 โรเตอร์แบบขดลวดพันหรือแบบวาวนด์ (Wound Rotor) โรเตอร์ชนิดนี้จะมีส่วนประกอบคล้าย ๆ กับโรเตอร์แบบกรงกระรอก คือ มีแกนเหล็กที่เป็นแผ่นลามิเนทอัดเข้าด้วยกันสวมเข้าที่เพลา แต่ตะแตกต่างกันตรงที่ขดลวด จะเป็นเส้นลวดชนิดที่หุ้มด้วยย้ำยาฉนวนอีนาเมลพันลงไปในร่องสล็อตของโรเตอร์จำนวน 3 ชุด ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับที่พันปลายบนสเตเตอร์ของมอเตอร์ 3 เฟสแล้วต่อวงจรขดลวดเป็นแบบสตาร์ โดยนำปลายทั้ง 3 ที่เหลือต่อเข้ากับวงแหวนตัวนำ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถต่อวงจรของขดลวดของโรเตอร์เข้ากับตัวต้านทานที่ปรับค่าได้ที่อยู่ภายนอกตัวมอเตอร์ เพื่อการปรับค่าความต้านทานของโรเตอร์ ซึ่งจะสามารถควบคุมความเร็วของโรเตอร์ได้ จากอุปกรณ์ที่กล่าวมาโรเตอร์ จะเป็นอุปกรณ์ที่หมุนเพื่อส่งกำลังงานกลไปขับเคลื่อนอุปกรณ์อื่นๆ
- ข้อใดให้คำนิยามเกี่ยวกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้ถูกต้อง
1) พลังงานกลให้เป็นพลังงานความร้อน 2) พลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้า
3) พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล 4) พลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานความร้อน
เฉลย ข้อ3
แนวความคิด
มอเตอร์ไฟฟ้า (MOTOR) หมายถึงเป็นเครื่องกลไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟ้ามาเป็นพลังงานกล มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานำไฟฟ้าเปลี่ยนพลังงานกลมีทั้งพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับพลังกลทั้งพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ตังอย่างเช่น พัดลม เครื่องซักผ้า