โทรศัพท์มือถือได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารของคนเรา แต่หลายคนยังไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อการศึกษาได้หรือไม่?
การที่มีโทรศัพท์มือถือจะทำให้นักเรียนถูกรบกวนสมาธิในชั้นเรียน เด็ก ๆ อาจจะใช้โทรศัพท์ส่งข้อความในห้องเรียน บางคนอาจใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปในการโกงข้อสอบ บางคนอาจจะเล่นเกม หรือดูวีดีโอ แทนที่จะตั้งใจเรียน
เจ้าหน้าที่ของโรงเรียน ครูผู้สอน ตลอดจนผู้ปกครองต่างพยายามหาวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมดูแลการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียน
ที่รัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างการเรียนการสอน แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับกิจกรรมในห้องเรียนต่าง ๆ รวมถึงในเรื่องของสุขภาพและเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ ด้วย
ส่วนที่ประเทศฝรั่งเศส ได้ผ่านร่างกฎหมายในปีพ.ศ. 2561 ว่าด้วยการห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนสำหรับนักเรียนที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นอายุของนักเรียนระดับมัธยมปลาย
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Gavin Newsom ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่ ที่ว่าทั้งโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนสามารถห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในชั้นเรียนและในโรงเรียนได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้ไม่ได้ระบุว่าจะต้องห้ามนำโทรศัพท์เข้ามาในโรงเรียนโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้กฎหมายดังกล่าวยังกำหนดให้เขตการศึกษาต่าง ๆ โรงเรียนเอกชน และสำนักงานการศึกษา พัฒนานโยบายโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันหรือจำกัดการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนที่โรงเรียน แต่ก็มีข้อยกเว้นซึ่งรวมถึงเหตุฉุกเฉิน หรือหากมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของนักเรียน
โรงเรียนมัธยมหนึ่งแห่งในเขต Silicon Valley ของรัฐแคลิฟอร์เนีย มีปัญหาร้ายแรงกับการที่นักเรียนใช้โทรศัพท์มือถือ
Joanne Sablich ครูสอนภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนแห่งนี้ กล่าวว่า การที่นักเรียนที่ใช้โทรศัพท์ในชั้นเรียนเป็นปัญหาใหญ่ พวกครั้งมักจะคอยเช็คโทรศัพท์ ส่งข้อความ เข้าสื่อสังคมออนไลน์ จนทำให้เธอต้องคอยริบโทรศัพท์จากนักเรียนครั้งแล้วครั้งเล่า
Adam Gelb รองอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน กล่าวว่า นักเรียนบางคนใช้เวลาบนโทรศัพท์มากถึงวันละ 11 หรือ 12 ชั่วโมง ดังนั้น โรงเรียนจึงต้องหันไปพึ่งพาเทคโนโลยีอื่นในการควบคุม
อย่างเช่น โรงเรียนมัธยม San Mateo High School ที่กำหนดให้นักเรียนทุกคนจะต้องนำโทรศัพท์ของตนใส่ไว้ในกระเป๋าเล็ก ๆ ที่ล็อคด้วยแม่เหล็ก โดยกระเป๋านี้มีชื่อว่า Yondr Pouch พอเลิกเรียนนักเรียนก็จะปลดล็อคกระเป๋านี้ด้วยอุปกรณ์ปลดล็อค
Yondr Pouch ถูกนำมาใช้ตามโรงเรียนต่าง ๆ ทั้งในสหรัฐฯ และที่ยุโรป โดยมีค่าใช้จ่ายราวปีละ 20,000 ดอลล่าร์ต่อหนึ่งโรงเรียน หรือ 12 ดอลล่าร์ต่อนักเรียนหนึ่งคน
คุณครู Joanne Sablich บอกว่า เธอดีใจที่เห็นนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ตั้งใจเรียนมากขึ้น แทนที่จะจ้องมองแต่ที่โทรศัพท์ของตัวเอง
ส่วนโรงเรียนอื่น ๆ อาจเลือกวิธีที่ง่ายกว่า เช่น การห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในห้องเรียน หรือบางแห่งห้ามใช้โทรศัพท์ทั้งวันรวมถึงเวลาพักกลางวันด้วย
เขตการศึกษา Saint Marys ในรัฐเพนซิลเวเนีย เลือกที่จะไม่ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่ง Brian Toth ผู้กำกับการเขตชนบทเล็ก ๆ แห่งนี้ บอกกับ VOA ว่า คุณครูแต่ละคนสามารถตัดสินใจได้ว่าจะจำกัดการใช้โทรศัพท์มือถือของนักเรียนหรือไม่ และเมื่อใด
Toth กล่าวว่า นักเรียนต่างเติบโตขึ้นมาพร้อม ๆ กับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของครูที่จะสอนให้พวกเขาสามารถใช้โทรศัพท์ให้เป็นเครื่องมือในห้องเรียนได้อย่างเหมาะสม และว่า ทางโรงเรียนยังสอนนักเรียนเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้โทรศัพท์มือถือกับสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนการใช้อินเทอร์เน็ตอีกด้วย
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาสำหรับเด็ก ๆ ตราบใดที่เราสามารถสอนพวกเขาให้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างมีความรับผิดชอบ และอย่ากลัวที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการช่วยนักเรียน
ขึ้นชื่อว่า “ห้องสอบ” ผู้เข้าสอบทุกคนจำเป็นต้องใช้สมาธิอย่างยิ่ง เพื่อแก้โจทย์ต่างๆ ให้ได้มาซึ่งคำตอบที่ดีที่สุด หากมีเสียงรบกวน โวกเวก โวยวาย แน่นอนว่าสติอาจจะหลุดทันที แล้วส่งผลให้ไม่สามารถทำข้อสอบได้ หลายๆ คนคงจะเคยสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้กันมาบ้างแล้ว ซึ่งในห้องสอบนั่นเงียบจนได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆ ฝนคำตอบเลยค่ะ บางทียังได้ยินเสียงท้องร้องของคนข้างหน้าด้วย
ห้องสมุด
หลายคนอยากที่จะหาที่เงียบๆ เติมเต็มความรู้ หรือไอเดียต่างๆ โดย “ห้องสมุด” ถือเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ เพราะว่าเงียบ สงบ สะดวกต่อการเข้าถึงข้อมูลหลากหลาย สำหรับห้องสมุดพบว่ามีป้ายงดใช้เสียงติดไว้เยอะมาก ตั้งแต่ทางเข้า ไปจนทั่วทุกมุมห้อง เพื่อเตือนสติให้กับผู้เข้ามาใช้บริการจะได้ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น
โรงพยาบาล
ความเงียบ มีผลด้านบวกต่อการทำงานของสมอง รวมถึงผู้ป่วยที่ต้องการพักฟื้น “โรงพยาบาล” จึงเป็นสถานที่ที่ควรสงบ เงียบ ปลอดมลภาวะทางเสียงเป็นอย่างยิ่ง หากมีเสียงดัง เอะอะ โวยวาย ตลอดเวลา ยิ่งทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการพักผ่อน โดยเฉพาะภายในห้องพักผู้ป่วย ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการงดใช้เสียงค่ะ
วัด
เคยมีคนบอกว่าถ้าอยากจิตใจสงบให้มา “วัด” เพราะว่าเงียบมากๆ เป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสงบทางจิตใจ โดยเฉพาะวัดที่มีกิจกรรมทางธรรมเป็นประจำ เช่น วัดป่า เป็นต้น แต่บางวัดอาจจะมีเสียงดังเป็นครั้งคราว กรณีจัดงานวัด งานบวช แต่ต้องใช้เสียงพอประมาณไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นหรือบริเวณโดยรอบหากมีความจำเป็นต้องใช้เสียงดังต้องขออนุญาตเจ้าอาวาสก่อน หรือขั้นตอนที่กำหนด
โรงภาพยนตร์
ก่อนชมภาพยนตร์จะมีโฆษณาเพื่อแจ้งเตือนให้ปิดโทรศัพท์มือถือก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันเสียงดังรบกวนคนอื่นๆ ขณะรับชมภาพยนตร์ แต่บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ หรือแจ้งเตือนข้อความอยู่บ้าง นั่นเพราะในทางปฏิบัติอาจจะมีน้อยคนที่ไม่ทำตาม ทำให้การรับชมภาพยนตร์อารมณ์ติดขัด แม้ว่าอาจจะไม่มีข้อกฎหมายที่ชัดเจน แต่สำหรับการงดใช้เสียงภายใน “โรงภาพยนตร์” ถือเป็นมารยาทสังคมที่ควรปฏิบัติให้ถูกต้อง
บทลงโทษหากมีเสียงรบกวน
พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535
มาตรา 25 ในกรณีที่มีเหตุอันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อน แก่ผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง หรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นเหตุรำคาญ หากกระทำใด อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้น หากจะจัดคอนเสิร์ต หรือมหรสพใดๆ จะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทกิจการการจัดให้มีการแสดงดนตรี ดิสโก้เทคฯ ต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535
มาตรา 27 ในกรณีที่มีเหตุรำคาญเกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นในที่หรือทางสาธารณะ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้บุคคล ซึ่งเป็นต้นเหตุ หรือเกี่ยวข้องกับการก่อ หรืออาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญนั้น ระงับ หรือป้องกันเหตุรำคาญภายในเวลาอันสมควร ตามที่ระบุไว้ในคำสั่ง และถ้าเห็นสมควรจะให้กระทำโดยวิธีใดเพื่อระงับหรือป้องกันเหตุรำคาญนั้น หรือสมควรกำหนดวิธีการเพื่อป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้อีกในอนาคต ให้ระบุไว้ในคำสั่ง
มาตรา 28 ในกรณีที่มีเหตุรําคาญเกิดขึ้นในสถานที่เอกชน ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอํานาจออกคําสั่ง เป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่นั้นระงับเหตุรําคาญภายในเวลาอันสมควรตามระบุไว้ในคําสั่ง และถ้าเห็นว่าสมควรจะให้กระทําโดยวิธีใดเพื่อระงับเหตุรําคาญนั้น หรือสมควรกําหนดวิธีการเพื่อป้องกันมิให้มี เหตุรําคาญเกิดขึ้นในอนาคต ให้ระบุไว้ในคําสั่งได้
หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญา มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดโทษผู้ก่อให้เกิดเสียง
มาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100 บาท
อย่างน้อยๆ จะได้รู้ไว้ว่าการส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นนั้นมีโทษทางกฎหมายเหมือนกัน หากเราปฏิบัติให้ถูกต้องก็ไม่มีปัญหาตามมาแน่นอน ^^