ความประทับใจที่จังหวัดกระบี่ ในประสบการณ์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆมากมายและอีกสถานที่หนึ่งที่อยู่ในในความทรงจำไม่มีลืมนั่นก็คือจังหวัดกระบี่ครับซึ่งที่ ๆ ผมไปนั่นก็คือ หาดอ่าวนาง ต้องขอบอกว่าการเดินทางมายังจังหวัดกระบี่นั้นไม่ยากเย็นซักเท่าไหร่ผมได้นั่งเครื่องบินจากสนามบินดอนเมือง
ใช้เวลาประมาณซัก 1 ชั่วโมงครึ่งเพื่อมาถึงยังจังหวัดกระบี่กว่าการเดินทางมายังจังหวัดกระบี่ ซึ่งการเดินทางครั้งก้ไม่ได้ลำบากยากเย็นซักเท่าไหร่ทันที่ที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินจังหวัดกระบี่นั้นฝนก็ตกทันที่ครับเพราะช่วงที่ได้เดินทางไปนั้นเป็นช่วงฤดูฝนพอดี แต่ก็ให้บรรยายกาศที่ดีไปอีกแบบนึงครับมันชุ่มช่ำและไม่ร้อนมากจนเกินไปและก็ได้เดินทางมาจนถึงที่พักแห่งหนึ่งในหาดอ่าวนางของจังหวัดกระบี่ ซึ่งโรงแรมที่ผมพักนั้นติดกับหาดอ่าวนางพอดีจึงทำให้ความรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความประทับใจจริงๆครับ ความประทับใจที่จังหวัดกระบี่ และแล้วก็มาถึงวันที่ผมรอคอยในทริปการเดินทางนี้นั่นก็คือการเหมาเรือหางยาวเพื่อ
ออกไปชมทะเลอันกว้างใหญ่และเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ในทะเลซึ่งสิ่งที่ผมนึกฝันไว้นั่นคือการนั่งเรือหางยาวออกไปทะเลเนี้ยจะชิวๆพร้อมจิบเบียร์เบาๆรับลมทะเลและแสงแดดที่สาดส่องระหว่างการออกเรือไปเที่ยวชมเกาะต่าง ๆ แต่ความฝันมักจะตรงกันข้ามกับความจริงเสมอครับ ปรากฎว่าวันที่ออกเรือมีพายุเข้าเล็ก ๆ ทำให้การเดินทางไม่เป็นอย่างที่คิด
ต้องนั่งเรือหางยาวสวนกระทบกับคลื่นทะเลที่สูงและแรงมากพอสมควรใครนึกภาพไม่ออกว่าเป็นยังไงให้ลองนึกภาพตัวเราเองเล่นไวกิ้งในสวนสนุกอ่ะครับความรู้สึกเป็นแบบนั้นเลยและมันก็เปียกไปหมดทั้งคลื่นทะเลทั้งฝนที่โปรยปรายลงมาโอ้โหนี่มันเป็นเรื่องคาดไม่ถึงเลยจริงๆแต่ก็สนุกไปอีกแบบครับ ความประทับใจที่จังหวัดกระบี่ และก็มาถึงจุดชมแลนด์มาร์คของกระบี่นั่นก็คือทะเลแหวกซึ่งต้องบอกว่ามันเจ๋งและสุดยอดมากๆเพราะบรรยากาศที่พายุเข้านั่นจู่
ๆ ก็หายไปท้องฟ้าสว่างและพระอาทิตย์ส่องแสงลงมาแบบโครตจะร้อนมาก ๆ แต่ก็ถือว่ามันโชคละครับที่แดดออกเพราะทะเลแหวกนั่นเป็นจังหวะ ที่น้ำลงพอดีทำให้เราสามารถเดินข้ามไปยังอีกเกาะนึงได้เลยละครับ และก็มาถึงอีกจุดนึงนั่นก็คือจุดที่ต้องดำน้ำลงไปใต้ทะเลเพื่อดูความสวยงามความงดงามภายใต้ท้องทะเลและต้องขอบอกนะครับว่าน้ำทะเลที่กระบี่นั่นใสและสวยมาก ๆ ครับสีเขียวมรกตปนสีฟ้าครามของทะเลเป็นอะไรที่งดงามและน่าจดจำมากๆครับ นั่นละครับคือความประทับใจที่พบเจอมาในการท่องเที่ยวที่กระบี่ในครั้งนี้
ดั่งคำที่ผู้คนมักจะพูดกันเสมอๆว่า “ กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก ” credit : drpopkin.com
แนะแนวเรื่อง
การได้ออกเดินทางบ่อยๆหรือไปเที่ยวหลากหลายที่นอกจากจะสนุกและได้ความรู้แล้ว ยังมีประโยชน์มากมายทั้งต่อสุขภาพกายและจิตใจ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยากมากที่จะเจอสถานที่ที่เปรียบเสมือนขุมสมบัติท่ามกลางแหล่งท่องเที่ยวทั้งหลายแหล่ที่คุณต้องต่อคิวและเห็นคนจำนวนมากออกันอยู่เต็มไปหมด ถึงแม้ว่าปัจจุบันคนจะเริ่มหันไปเที่ยวแค่ที่ที่อยากไปจริงๆและหาที่พักน่ารักๆนอน ก่อนจะนั่งเครื่องกลับก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม หากคุณมองหาอะไรที่ออกแนวผจญภัยและได้ฟีลประสบการณ์สุดพิเศษละก็ คุณน่าจะถูกใจสถานที่เที่ยวสุดจี๊ดเหล่านี้
1. ลงไปแหวกว่ายในบ่อน้ำพุร้อน Champagne Pool ประเทศนิวซีแลนด์
ถึงแม้ว่าจะชื่อแชมเปญ พูล แต่ก็ไม่ได้หมายถึงสปาร์คกลิ้งไวน์แบบที่เราดื่มกันหรอกนะ บ่อน้ำร้อนนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 900 ปี ซึ่งเต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซค์และมีคุณสมบัติในการรักษาเยียวยา รวมถึงให้ความรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย เพียงหย่อนตัวลงในบ่อ มันจะช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้คุณกลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
2. ปีนเขาสูงสู่เมืองโบราณ มาชู ปิกชู ประเทศเปรู
ไต่ขึ้นไปสู่ยอดเขาสูงแอนเดสในเปรู มีสถานที่แห่งหนึ่งล้อมรอบไปด้วยเมฆหมอก นั่นคือ เมืองสาบสูญแห่งอินคา หมู่บ้านสีเขียวชอุ่มที่ทำให้ใครต่อใครอดสงสัยไม่ได้ถึงอารยธรรมโบราณที่สูญหายไปพร้อมกับกาลเวลา มาชู ปิกชูแห่งนี้เหลือทิ้งไว้เพียงแต่ความน่าเลื่อมใสทางศาสนาและความเคารพยกย่องที่มีต่อบรรพบุรุษของเรา
3. ไปดำน้ำลึกที่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์
หมู่เกาะที่โด่งดังจากการศึกษาและสำรวจธรรมชาติของชาร์ลส์ ดาร์วิน เป็นเกาะที่มีธรรมชาติอันงดงามและมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต เป็นสถานที่ที่เหมาะมากสำหรับใครที่อยากใกล้ชิดและเรียนรู้ธรรมชาติ แน่นอนว่าถ้าไปดำน้ำลึกที่นี่ต้องเจ๋งสุดๆ เพราะมหาสมุทรที่นี่ยิ่งลึกยิ่งน่าค้นหา
4. ชื่นชมความงามของเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า
เจดีย์สีทองอร่ามขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวพม่ามาช้านาน ถ้าคุณไม่ถือเรื่องศาสนาละก็ สถานที่แห่งนี้จะแสดงถึงความน่าเคารพเลื่อมใสและความศรัทธาที่แตกต่างกันไปในแต่ละอารยธรรม
5. ไปตามล่าแสงเหนือที่ประเทศนอร์เวย์
แสงออโรร่าหรือปรากฏการณ์แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก อีกทั้งยังทำให้เรารู้สึกว่าคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กนิดเดียว เมื่อเทียบกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อย่างนี้ และที่แน่ๆชาวนอร์เวย์เขาก็มีการจัดกิจกรรมมากมายในเทศกาลชมแสงเหนือของทุกปี ทั้งคอนเสิร์ตและการแสดงความสามารถจากหลากหลายศิลปิน ใครได้ไปเห็นสักครั้งคงดีใจน่าดูเลย
6. ไปนอนดูดาวสุดโรแมนติกที่ Dark Sky Community เมือง Borrego Springs รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ท่ามกลางมลภาวะทางแสงมากมายในโลกปัจจุบัน สถานที่โล่งกว้างสามารถเห็นดาวทั้งฟ้าในตอนกลางคืนจึงเป็นที่ที่ค่อนข้างหายาก หากคุณได้ไป Dark Sky Community ในแคลิฟอร์เนียละก็ คุณสามารถนอนมองดาวบนท้องฟ้าอย่างกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปสมัยก่อนที่โลกของเราไม่มีแสงไฟประดิษฐ์มากขนาดนี้ ช่างเป็นประสบการณ์แสนโรแมนติกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
7. ดำดิ่งสู่บลูลากูน น้ำพุร้อนอันดับหนึ่ง ประเทศไอซ์แลนด์
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีคุณสมบัติในการเยียวยาและรักษาโรคต่างๆ สปาน้ำพุร้อนธรรมชาตินี้มีส่วนประกอบของแร่ภูเขาไฟที่คุณสามารถลงไปว่ายน้ำหรือนอนแช่ได้ในช่วงฤดูหนาวในดินแดนที่ได้ชื่อว่า ดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง ให้คุณได้รู้สึกดีสุดๆ
8. ทิ้งรอยเท้าไว้บนหาดเรืองแสงที่เกาะวาดูห์ ประเทศมัลดีฟส์
หรือที่ถูกขนานนามว่าเป็นสถานที่ที่โรแมนติกที่สุดในโลก น้ำทะเลบริเวณเกาะวาดูห์ได้ซัดแบคทีเรียเรืองแสงมาพร้อมกับโฟมคลื่น จึงทำให้น้ำทะเลที่นั่นเรืองแสงตอนกลางคืน ส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆราวกับอยู่ในหนังไซ-ไฟ อีกทั้งยังให้บรรยากาศโรแมนติกและสงบอีกด้วย
9. ปีนเขาไปชมน้ำตกบาตาร่า จอร์จ น้ำตกหลุมยุบสุดอลังกาลในเลบานอน
สถานที่ที่ปกคลุมด้วยหญ้าเขียวๆ และหินสีขาวมากมาย มีน้ำตกขนาดใหญ่ที่น้ำตกลงไปในหลุมมืดขนาดใหญ่ ทำให้นี่เป็นการปีนเขาที่น่าทึ่งสุดๆ ราวกับว่าคุณอยู่ในเทพนิยายหรือสถานที่สุดมหัศจรรย์ที่ไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้
10. เดินเล่นที่อุทยานภูเขาสีรุ้ง ประเทศจีน
มองผ่านๆนึกว่าภาพวาดระบายสีของเด็กๆเลยใช่ไหมล่ะ เนินเขาน้อยใหญ่ที่เต็มไปด้วยลวดลายหลากสีสันที่ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่เราอยู่ต่างดาวรึเปล่า หรืออาจเป็นฝันที่ไม่อยากตื่นเลยแหละ ใครที่จะไปเที่ยวขอเตือนว่าคุณอาจจะหลงใหลกับความสวยงามของสถานที่แห่งนี้จนไม่อยากกลับเลยทีเดียว
11. เริงร่าในทุ่งทิวลิปหลากสีสัน ประเทศเนเธอร์แลนด์
ข้อดีของดอกไม้อย่างหนึ่งก็คือมันส่งผลต่อจิตใจ ทำให้คนเรารู้สึกเบิกบานใจทุกครั้งที่ได้เห็น และมีไม่กี่ที่ในโลกที่มีทุ่งทิวลิปกว้างขวางและมีหลากหลายสีสันขนาดนี้ คุณสามารถพบได้ที่เนเธอร์แลนด์เท่านั้น น่าชวนเพื่อนๆไปกระโดดโลดเต้น ถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆที่นอกจากดีต่อตาแล้วยังดีต่อใจอีกด้วย
12. สำรวจถ้ำน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์ ที่อลาสก้า สหรัฐอเมริกา
ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหนาวอย่างอลาสก้า เป็นถ้ำที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็งทอดตัวยาวเป็นอุโมงค์ ใครเห็นเป็นต้องตะลึงกับความงามที่ธรรมชาติสร้าง ทั้งสวย ตระการตา น่าค้นหา และลึกลับในเวลาเดียวกัน
13. ขึ้นบอลลูนชมเมือง ที่ Cappadocia ประเทศตุรกี
ด้วยภูมิประเทศในเขตอนาโตเลียตอนกลางของประเทศตุรกี มีพื้นที่ที่สวยงามแปลกตาเป็นแท่งหินทรงกรวยสูง อีกทั้งนวัตกรรมของชาวตุรกี ทำให้คุณสามารถขึ้นบอลลูนไปชมวิวสวยสุดลูกหูลูกตาของเมืองนี้ได้จากข้างบน
14. เดินเล่นบนหาดทรายที่ขาวที่สุดในโลก หาดไวท์เฮเว่น ประเทศออสเตรเลีย
ในบรรดาสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคน เราเชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมีทะลสวยสีฟ้าใสกับหาดทรายขาวเนียนนุ่มอยู่แน่ๆ และที่หาดไวท์เฮเว่นก็มีทั้งคู่ เป็นชายหาดที่ทรายขาวเนียนและเย็น แม้แต่ในช่วงที่ร้อนที่สุดของปี ดังนั้นการได้ไปเดินเล่นที่หาดนี้ จะให้ความรู้สึกทั้งสดชื่น ทั้งสงบ ส่วนคลื่นที่ซัดเข้าหาดก็จะช่วยซัดสาดเอาความกังวลใจหรือเรื่องร้ายๆของคุณไป
15. ตั้งแคมป์ที่อุทยานแห่งชาติโยเซมิที รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอมเริกา
เมื่อเข้าไปภายในเทือกเขาเซียร์ร่าเนวาดา คุณจะพบสถานที่สวยสุดตะลึงที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าและต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ ถือเป็นสถานที่ที่วิวสวยที่สุด ที่คุณจะหาที่ไหนในโลกไม่ได้เลยนอกจากที่นี่ การได้ไปตั้งแคมป์ สำรวจอุทยาน จะทำให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติ เติมเต็มฟีลผจญภัยให้แก่ชีวิตของคุณ
ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายหลายแห่งรอบโลกที่น่าไปเที่ยว น่าไปค้นหา ซึ่งอย่างน้อยก็น่าไปสัมผัสประสบการณ์แบบนี้สักครั้งในชีวิต ต้องเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น น่าผจญภัย
แล้วคุณจะไม่เสียใจที่ได้ออกทางครั้งนี้
เรื่องและภาพจาก Lifehack
เรียบเรียงโดย ชิลไปไหน