สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จัดเป็นสถาบันหลักของสังคมไทย ซึ่งต่างก็พึ่งพาอาศัยเกื้อหนุน ค้ำจุน ให้สังคมไทยอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน การที่สถาบันศาสนาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของสังคมไทยนั้นเพราะพระพุทธ ศาสนาเป็นศาสนาที่คนไทยนับถือมานานแล้ว แม้องค์พระมหากษัตริย์ไทยก็ทรงนับถือพระพุทธศาสนามาทุกพระองค์
นอกจากพระพุทธศาสนาจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของไทยแล้ว ยังจัดได้ว่าพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการพัฒนาชาติไทยอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจาก
1. พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สอนให้เชื่อมั่นในเหตุและผล ซึ่งความเชื่อดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนาที่มีลักษณะ 3 ประการ
1) เชื่อมั่นในความดีงามของมนุษย์
2) เชื่อมั่นในกฎแห่งการกระทำและผลของการกระทำ
3) เชื่อมั่นว่ามนุษย์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำและผลของการกระทำนั้น
2. พระพุทธศาสนาเน้นการฝึกอบรมตนเอง การพึ่งตนเอง และการมุ่งอิสรภาพ ลักษณะดังกล่าวจะช่วยให้คนได้รู้จักพัฒนาตนเอง ซึ่งถ้าทุกคนสามารถพัฒนาตนได้แล้วก็จะนำไปสู่การพัฒนาชาติไทยได้
3. แนวคิดของพระพุทธศาสนาเป็นการคิดแบบวิทยาศาสตร์ ไม่ให้เชื่อแบบงมงาย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง วิธีการคิดดังกล่าวเป็นแนวทางที่สำคัญในการพัฒนาทั้งในตัวบุคคลและในระดับ ชาติ
ศิลปหัตถกรรมไทย ของใช้พื้นบ้านไทยในอดีต ถือเป็นวัฒนธรรมทางวัตถุ ที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตในสังคมระดับท้องถิ่น จนถึงระดับประเทศชาติ แสดงถึงเอกลักษณ์ บ่งชี้ถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ในการประดิษฐ์ไว้เป็นมรดกของลูกหลานรุ่นต่อไป
ที่มารูป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
วรรณกรรมไทย ชาวไทยมีสุนทรียะอยู่ในความคิด มีความสร้างสรรค์อยู่ในสายเลือด เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน วรรณกรรมไทยโบราณ จึงเป็นงานประเภทร้อยกรอง ที่แปรออกเป็นฉันทลักษณ์หลายหลากรูปแบบ ในสมัยอยุธยาวรรณกรรมไทยเจริญสูงสุด สมัยพระนารายณ์มหาราช ถือเป็นยุคทองแห่งวรรณคดี
ที่มารูป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
ปฎิมากรรมไทย ส่วนใหญ่จะสร้างขึ้นด้วยความศรัทธา ในพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธรูปปางต่างๆ หรือตกแต่งสถาปัตยกรรม เช่น ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ของโบสถ์วิหาร
ที่มารุป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
ผ้าไทย บรรพบุรุษของไทยในอดีต มีความชำนาญในการทอผ้า และสร้างลวดลายบนผืนผ้า ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ของชาติขึ้น ลักษณ์ของผ้าไทยจัดเป็นมรดก ทางวัฒนธรรมที่เด่นชัด เนื่องจากลวดลายและเอกลักษณ์ จะแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น
ที่มารูป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
จิตรกรรมไทย เป็นลักษณะภาพ 2 มิติ คือ จัดภาพที่อยู่ใกล้ไว้ตอนล่าง สิ่งที่อยู่ไกลไว้ตอนบน เห็นได้จาก ฝาฝนังตามวัดต่างๆ ภาพเขียน สมุดข่อย เป็นต้น
ที่มารูป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
มารยาทไทย คนไทยได้รับการปลูกฝังจากบรรพบุรุษ สืบทอดต่อกันมาในเรื่องธรรมเนียมประเพณี ที่เกี่ยวกับการปฎิบัติระหว่างบุคคล ต่อบุคคลที่สังคมยอมรับ เช่น การทักทายด้วยการกราบไหว้ กริยามารยาทที่เรียบร้อยอ่อนน้อมแบบไทย
ทีมารูป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
ประเพณีไทย กิจกรรมที่คนไทยถือปฎิบัติตามความเชื่อ ถือศรัทธาในศาสนา กฎ ระเบียบ จารีตประเพณีที่ปฎิบัติสืบทอดกันมา หลายชั่วอายุคน เช่น ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีลอยกระทง พิธีมงคลสมรส เป็นต้น
ที่มารูป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
ภาษาไทย ภาษาเป็นสิ่งแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของคนในชาติ ชาติไทยเรามีภาษาเป็นของตนเองทั้ง ภาษาพูด และภาษาเขียน พ่อขุนรามคำแหง ทรงเป็นผู้ประดิษฐ์อักษร และตัวเลขไทยขึ้นเมื่อ พ.ศ.1826 ทำให้คนไทยมีภาษาเขียน เป็นภาษาประจำชาติ
ที่มารูป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
งานประดิษฐ์ดอกไม้สด บรรพบุรุษไทยได้คิดนำกลีบดอกไม้ ใบไม้ ประเภทต่างๆ มาจับ พับ เย็บ ร้อย หรือกรองประดิษฐ์เป็นลักษณะต่างๆ ให้ได้รูปแบบใหม่ที่แปลกไปจากเดิม และงดงามมาก งานประดิษฐ์ดอกไม้ถือเป็นการฝึกสมาธิ ฝึกความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้เห็นจิตใจที่งดงาม และละเอียดอ่อนของคนไทย
ที่มารูป //www.baanjomyut.com/library/thai_culture/
อาหารไทย อาหารไทยมีมากมายหลายชนิด แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น และมีอาหารขึ้นชื่อของภาคต่างๆ ส่วนประเภทของหวานมีการประดิษฐ์มากมาย ซึ่งจัดได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย
1) มรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับจากพระพุทธศาสนา
- มรดกทางด้านรูปธรรม เช่น ศาสนสถาน โบราณวัตถุ สถาปัตยกรรม
- มรดกทางด้านจิตใจ เช่น หลักธรรมคำสั่งสอน ความเชื่อ และคุณธรรมต่างๆ
2) การนำพระพุทธศาสนาไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาชาติไทย
- พัฒนาด้านกายภาพ และสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวนา 4 (กาย ศีล จิต ปัญญา) ไตรสิกขา (ศิล สมาธิ ปัญญา)
และอริยสัจ 4
- พัฒนาด้านจิตใจ เช่น หลักโอวาท 3 (ละความชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ และการบริหารจิตและเจริญปัญญา)
พระพิมพ์ดินเผา พบที่เมืองฟ้าแดดสงยาง เป็นแบบเดียวกับพระพิมพ์ดินเผาที่พบในเมืองนครจัมปาศรี เมืองกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม และยังเหมือนกับพระพิมพ์ดินเผาในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในภาคใต้ พระพิมพ์บางองค์มีจารึกอยู่ด้านหลัง