Cryptocurrency คืออะไร ทำความเข้าใจเรื่องสกุลเงินดิจิทัลฉบับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มศึกษา มีข้อมูลอะไรที่เราควรรู้บ้าง Show ชั่วโมงนี้ใคร ๆ ต่างก็พูดถึง "คริปโทเคอร์เรนซี" (Cryptocurrency) แต่คนที่ไม่ได้มีความสนใจเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วคงมีคำถามเกิดขึ้นมากมายในหัว เมื่อเจอคำว่า คริปโต, บิตคอยน์, อีเธอเรียม, บล็อกเชน, โทเคน ฯลฯ วันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูลที่มือใหม่ควรรู้มาอธิบายแบบง่าย ๆ ให้ลองทำความเข้าใจกันเบื้องต้น คริปโต หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ "สกุลเงินดิจิทัล" เกิดจากการรวมศัพท์ 2 คำเข้าไว้ด้วยกัน คือ Cryptography (การเข้ารหัส) และ Currency (สกุลเงิน) ดังนั้นทางราชบัณฑิตยสภาจึงกำหนดศัพท์บัญญัติของคำนี้ไว้ว่า "สกุลเงินเข้ารหัส" เพราะการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของสกุลเงินนี้จะต้องผ่านบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีการเข้ารหัสไว้เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ คริปโตถือเป็น "สินทรัพย์ดิจิทัล" (Digital Asset) รูปแบบหนึ่ง 2. คริปโทเคอร์เรนซี ต่างจากสกุลเงินปกติอย่างไร สกุลเงินปกติ หรือที่เรียกว่า เงินเฟียต (Fiat) เป็นเงินที่ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ เพื่อใช้ทำธุรกรรมทางการเงินได้ถูกต้องตามกฎหมาย มีทั้งแบบเหรียญและธนบัตร สามารถจับต้องได้ ใช้จ่ายเป็นเงินสด หรือจ่ายผ่านระบบออนไลน์ก็ได้ แต่เงินเหล่านี้จะไม่มีมูลค่าในตัวของมันเองหากรัฐบาลไม่ได้รับรอง ในขณะที่สกุลเงินดิจิทัลก็ใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนเหมือนกับเงินเฟียต แต่บุคคลทั่วไปหรือภาคเอกชนเป็นผู้ออกเหรียญ ไม่ใช่รัฐเป็นผู้กำหนดขึ้น และเป็นเงินที่ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนเหรียญ-ธนบัตรทั่วไป เพราะทำธุรกรรมกันผ่านระบบบล็อกเชน ทั้งนี้ เงินดิจิทัลจะมีมูลค่าก็ต่อเมื่อมีคนให้ค่าของเงินสกุลนั้น คริปโทเคอร์เรนซีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวกลางในการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่าง ๆ ด้วยจุดประสงค์คือ ต้องการลดการรวมศูนย์ของระบบการชำระเงินผ่านสถาบันการเงิน หรือที่เรียกว่า Decentralized โดยทำงานผ่านระบบบล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสไว้ และเชื่อมโยงกันคล้ายห่วงโซ่ ลองนึกถึงสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) เวลาเราจะโอนเงินบาท เงินดอลลาร์ ก็ต้องดำเนินการผ่านตัวกลาง คือ ธนาคาร ในขณะที่คริปโทเคอร์เรนซีสามารถกระจายเงินเหล่านั้นไปให้คนอื่นได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร แต่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวช่วย เวลาเราทำธุรกรรมก็จะมีผู้ใช้งานอื่น ๆ มาช่วยยืนยันให้ต่อกันเป็นทอด ๆ ซึ่งมีข้อดีก็คือ
4. คริปโต กับ โทเคน ต่างกันยังไง คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และดิจิทัลโทเคน (Digital Token) ต่างก็เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเหมือนกัน โดยมีความแตกต่างกันคือ คือสกุลเงินที่พัฒนาขึ้นมาจากเครือข่ายบล็อกเชนของตัวเอง จึงสามารถขุดเหรียญได้ มีหน้าที่คล้ายกับการใช้เงินจริง คือ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการตามที่ให้ค่ากัน ตัวอย่างเช่น บิตคอยน์, อีเธอเรียม, BNB, Cardano เป็นเหรียญที่สร้างขึ้นมาบนบล็อกเชนของคนอื่น เช่น สร้างบนเครือข่าย Ethereum ด้วยจุดประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงกว่าคริปโทเคอร์เรนซี ขึ้นอยู่วัตถุประสงค์ของผู้ออกเหรียญ สามารถแบ่งได้หลายรูปแบบ คือ
NFT คืออะไร รู้จักช่องทางสร้างรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังมาแรง ! 5. เหรียญคริปโต มีอะไรบ้าง ถ้าจะนับกันจริง ๆ คงมีมากกว่า 10,000 เหรียญ ซึ่งพอจะจำแนกออกเป็นกลุ่ม ๆ ได้ดังนี้ คือเหรียญที่ใช้สำหรับซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแทนสกุลเงินปกติ โดยสามารถเก็บรักษามูลค่าได้ และมักมีจำนวนจำกัด ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้อีก ยิ่งคนต้องการมากเท่าไร มูลค่าของเหรียญก็จะเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเหรียญ : Bitcoin (BTC), Litecoin (LTC), Bitcoin Cash (BCH) 2. กลุ่มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)คือเหรียญที่เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่รองรับการใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ซึ่งพัฒนาต่อยอดไปได้หลายอย่าง เช่น การสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ ไม่มีตัวกลาง (DApps) การให้บริการทางการเงินบนบล็อกเชนโดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารที่เรียกว่า DeFi (Decentralized Finance) รวมทั้งการวางขายผลงานต่าง ๆ ในรูปแบบ NFT ที่กำลังได้รับความนิยม ตัวอย่างเหรียญ : Ethereum (ETH), Cardano (ADA), Polkadot (DOT), Solana (SOL), Bitkub Coin (KUB), Binance Coin (BNB) คือเหรียญที่อ้างอิงกับค่าเงินหรือสินทรัพย์บางอย่างไว้ เช่น อ้างอิงกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงกับราคาทอง ราคาน้ำมัน เพื่อตรึงมูลค่าของเหรียญไม่ให้ผันผวนสูงเหมือนกับเหรียญคริปโตทั่ว ๆ ไป ตัวอย่างเหรียญ : Tether (USDT), USD Coin (USDC), Dai (DAI) เป็นเหรียญในระบบ Decentralized Finance คือ การเงินแบบไม่รวมศูนย์ หรือที่เรียกกันว่า "โทเคน" (Token) ซึ่งแต่ละเหรียญก็มีวัตถุประสงค์การใช้งานแตกต่างกันไป ตัวอย่างเหรียญ : Uniswap (UNI), ALPHA, SushiSwap (SUSHI), Pancakeswap (CAKE) สายเกมต้องรู้จักเหรียญกลุ่มนี้ เพราะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับการเล่นเกมบนเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งผู้เล่นจะต้องใช้เหรียญของเกมซื้อไอเทมต่าง ๆ และยังสามารถสร้างรายได้จากเกมได้เองด้วย ตัวอย่างเหรียญ : SAND จากเกม The Sandbox, AXS จากเกม Axie Infinity, MANA จากเกม Deventraland, GALA จาก Gala Games ถูกพัฒนาขึ้นมาแก้ปัญหาการทำธุรกรรม เช่น การโอนเงินข้ามประเทศ การแปลงเหรียญ เพื่อให้โอนเงินได้อย่างรวดเร็ว และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าเหรียญประเภทอื่น ๆ ปัจจุบันมีธนาคารหลายแห่งทั่วโลกใช้เหรียญประเภทนี้ในการโอนเงิน ตัวอย่างเหรียญ : Ripple (XRP), Stellar (XLM), Velo (VELO) เป็นเหรียญที่สร้างขึ้นมาเล่น ๆ เพื่อล้อเลียนเรื่องต่าง ๆ แต่กลับได้รับความนิยมสูงในช่วงเวลาหนึ่ง นำมาซึ่งการเก็งกำไรในระยะสั้น ๆ ตัวอย่างเหรียญ : Dogecoin (DOGE), Shiba Inu (SHIB), Husky Coin (HUSKY) 8. กลุ่มเหรียญที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC)CBDC หรือ Central Bank Digital Currency คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ คล้ายกับเงินสดทั่วไป แต่เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบดิจิทัลที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ตัวอย่างเหรียญ : หยวนดิจิทัล (e-CNY), Digital Baht ของไทย ที่คาดว่าจะเริ่มทดสอบใช้งานเป็นการภายในในปี 2565 6. บิตคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร บิตคอยน์ หรือ BTC เป็นคริปโทเคอร์เรนซีตัวแรกของโลก ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยไม่ขึ้นกับสกุลเงินใด ๆ และไม่ต้องผ่านธนาคารกลาง แต่กำหนดปริมาณเงินในระบบไว้ที่ 21 ล้านหน่วย ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงแรก 1 BTC เท่ากับ 0.000764 USD ทว่าภายหลังเหรียญบิตคอยน์ได้รับความนิยมสูงที่สุดและมีการเก็งกำไรเกิดขึ้น จนราคาบิตคอยน์พุ่งทะยานไปแตะระดับ 2 ล้านบาท ต่อ 1 BTC เลยทีเดียว 7. อีเธอเรียม (Ethereum) คืออะไร อีเธอเรียม หรือสกุลเงิน Ether (ETH) เป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากบิตคอยน์ เนื่องจากอีเธอเรียมไม่ได้เป็นเพียงแค่สกุลเงิน แต่เป็นเครือข่ายระบบปฏิบัติการหนึ่งที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชน ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าไปใช้งานและพัฒนาได้ผ่านระบบ Smart Contract ที่ถูกประยุกต์ใช้ในหลากหลายธุรกิจทั่วโลก เช่น วงการ NFT, DeFi, GameFi, การระดมทุนผ่าน ICO ฯลฯ 8. เหรียญคริปโตของไทยมีอะไรบ้าง คริปโตและโทเคนสัญชาติไทยมีอยู่หลายเหรียญ เช่น
9. คริปโตต่างกับหุ้นยังไง เมื่อเล่นหุ้น เราต้องซื้อ-ขายผ่านโบรกเกอร์ เช่นเดียวกับการเทรดคริปโต ก็ต้องซื้อ-ขายผ่านศูนย์ซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งราคาของหุ้นและคริปโตจะขึ้น-ลงตามอุปสงค์และอุปทานตลาดไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างเช่น
10. คริปโตใช้ได้ถูกต้องตามกฎหมายหรือยัง ปัจจุบันมีบริษัท ร้านค้าหลายแห่งในประเทศไทย รับชำระเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซี เช่น สายการบินบางกอกแอร์เวย์, เดอะมอลล์, ร้านกาแฟอินทนิล, ปั๊มน้ำมันบางจาก แม้กระทั่งวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างอนันดา หรือ SC Asset อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่สนับสนุนให้นำคริปโตมาใช้จ่ายได้เสมือนเงินจริง โดยให้สาเหตุไว้ว่า
ทั้งนี้ มีเพียงประเทศเอลซัลวาดอร์แห่งเดียว ที่ยอมรับให้คริปโตสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้การยอมรับ และเริ่มมีบางประเทศประกาศแบนคริปโตแล้ว เช่น จีน ที่ประกาศให้เงินคริปโตเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และสั่งห้ามทำธุรกรรมใด ๆ เกี่ยวข้องกับคริปโตเด็ดขาด รวมคำศัพท์น่ารู้
บทความที่เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย (1), (2), (3), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (1), (2), (3), (4), เฟซบุ๊ก Bitkub, zipmex.com (1), (2), กรุงเทพธุรกิจ |