�ç�����ͧ��ش�ç���¹㹽ѹ
***�������ҧͧ�������� ������֡�ҵ�ʹ���Ե �Է¾Ѳ������㹷�ͧ���***
895.912 ����� (Thai Literature)
��ع��ҧ�عἹ
����������л��ླշ���ҡ�㹢ع��ҧ�عἹ
����
����֡���դ���ʹ㨷����֡�����Իѭ�ҷ�ͧ��蹨ҡ���ླ� �Զժ��Ե �������� ��Ф�ҹ������ó��������ͧ�ع��ҧ�عἹ ����֡����ó��������ͧ�ع��ҧ�عἹ �з�������֡�ҷ�Һ�֧���Իѭ�ҷ�ͧ��蹷���ҡ���������·������ó��������ͧ����� �͡�ҡ����ѧ����ó��������觢��㹪�ǧ���ҷ���Է�Ծŷҧ�Է����ʵ���������ըҡ���ѹ���ѧ�������Ш���������ѧ�����ҡ�ѡ �¾Ԩ�óҨҡ�ѡɳТͧ��ó�������������������ͧ�������ǡѺ�Զժ��Ե�ͧ��Ǻ�ҹ ��觨��з����������Իѭ�ҷ�ͧ��蹷�����ѡɳ�������ç�����Ҿ����繨�ԧ�ѧ��� ����֡����ó��������ͧ�ع��ҧ�عἹ �з�������֡�ҷ�Һ�֧���Իѭ�ҷ�ͧ��蹷���ҡ���������·������ó��������ͧ��� ��й�������Ƿҧ㹡���֡�����Իѭ�ҷ�ͧ��蹢ͧ�������ҧ��ҧ�֡�����觢�� �ա�����������������������Ǻ�ҹ�����Իѭ������ҹ�����ʹ��Ѻ��ا�����ѵ�ػ��ʧ�� ������㹡�âѺ���� ��������Դ��Թ����ѧ�����ҹ ����ʴ���������ö�ԧ��оѹ��ͧ������ѡɳС���� �繡����Ҥ���������� �觶��¾��ͧ����Ҵǧ����� ����Ҫ�Դ�㹾�кҷ���稾�л���������������������� ��к����������Ҿ�з��ͧ���Իѭ�Ҩҡ��ó������ó��������ͧ������س��ҷҧʵԻѭ�� ���� ������� �����Դ ���Իѭ��㹴�ҹ��ҧ� �ҡ��� �� �������������ǡѺ�Ѳ�������������������ླ� �������������Ҿ�ѧ��������¡�ا�����ظ������ѵ���Թ����� ��ʹ���ӹǹ����÷������� �������ͧ�������ǡѺ�Զժ��Ե ��ҹ��� ��������������ླ���ó��������ͧ����з����������Իѭ�ҷ�ͧ��蹨ҡ���ླյ�ҧ� ��駨ҡ���ླշ������ǡѺ���Ե������Դ���֧��� ���ླշ������ǡѺ��ʹ���л��ླշ����������ͧ�Ѻ�ȡ�ŵ�ҧ� ��� �ѧ���1. �Զժ��Ե ��ó��������ͧ�ع��ҧ�عἹ ���з���Ҿ���Ե���������� �Զժ��Ե��������͡��������˹������ ��駪���Ѵ ����ѧ ��Ъ�Ǻ�ҹ ��������֧�Զժ��Ե��ҡѺ���.... ��� �������� ��ҹ����ͧ����ѧ�� �Ѳ����� ���ླ����Իѭ�Ңͧ��Ǻ�ҹ����¹����ç�����Ҿ����繨�ԧ�ҡ2. ��ҹ���2.1 ���������ѵ���;����ҡ�ѵ���� ����ó���������Ƕ֧�к��ѡ�Թҷ����㹡�û���ͧ���¡� ��������з�觪�������ͧ�����������繶֧�к��ѡ�Թ����ҧ�Ѵਹ ��ö��µ����Ҫ�ӹѡ �����Ѻ������ʴ����������ѵ���;����ҡ�ѵ���� �ѧ�� ����;��§��ⵢ������µ�������Ѻ����Ҫ���ʹͧ�����ҡ�سҸԤس �з��������š��ȹ�ͧ��ͺ���Ǣع�ҧ����¡�ا�����ظ�ҷ���դ������ѡ�ѡ�յ�;����ҡ�ѵ�����ҡ �����ҡ�ѵ����������㴡�����Ϳѧ ���� ���§�����µ�������稾�оѹ����س���
�����
�ع��ҧ�عἹ. (2554). ������� �ԧ�Ҥ� 12, 2554, �ҡ
Copyright
All copyright rights in the Dewey Decimal Classification system are owned by OCLC. Dewey, Dewey Decimal Classification, DDC and WebDewey are registered trademarks of OCLC
Revised:March 2009
Send comments to Chumpot@hotmail.com แต่ปางก่อนนั้น ศาสตร์เฉพาะของครูพระสยม(พระศิวะ)ท่านย่อมถือเป็นศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ และเข้าถึงได้ยากเนื่องด้วยต้องใช้ปฏิบัติการณ์ทางโยคะ พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระสยมท่านเกรงว่าศิษย์จะขาดที่พึ่ง ทั้งในอนาคตสำหรับคนที่เข้าไม่ถึง ไม่เข้าใจในพระเป็นเจ้าแล้วก็จะยิ่งออกทะเลแต่งนิทานกันสนุกปากเข้าไปใหญ่ เมื่อสิ้นยุคพ่ออาจารย์แล้วต่อไปครูท่านเกรงว่าผู้ศรัทธาอย่างจริงใจหรือสาวกในองค์พระศิวะจะไม่อาจเข้าถึงขุมพลังงานของพระเป็นเจ้าได้ เช่นนี้ครูท่านจึงให้พ่ออาจารย์สร้างมงคลแรงครูขึ้นมา เพื่อให้เป็นตัวแทนอำนาจของครูอาจารย์ทั้งหลายในคณะของพระศิวะ ในนามเทพสังกัดพระศิวะ เพื่อประโยชน์ใหญ่แก่ผู้ศรัทธา ต่อไปจะได้สามารถเชิญครูได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ แม้สิ้นยุคพ่ออาจารย์ท่านลงไปแล้วก็สามารถอาราธนาครูปลุกเสกเครื่องมงคลได้เอง ใช้แรงครูหนุนชะตาตัวเอง เปลี่ยนชีวิตตัวเอง...ท่านว่าสุดแล้วแต่จะกระทำ ด้วยแรงครูนั้นย่อมเป็นไปได้ทุกสิ่ง ซึ่งมงคลแรงครูนี้องค์พระสยมท่านก็กำหนดให้พ่ออาจารย์สร้างออกมาในลักษณะเทพอาวุธที่ทรงกำลังสูงสุดและเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ท่าน นั่นคือตรีศูล
อันการสร้างเทพศาสตราที่ทรงกำลังสูงสุดนั้นย่อมมีขั้นตอนยุ่งยากเป็นธรรมดา ด้วยตรีศูลนั้นเป็นอาวุธอันทรงพลังประจำกายพระศิวะมหาเทพ มาจากคำว่า “ตรี” แปลว่า “สาม” และ “ศูล” หมายถึง ปัญหาหรือทัณฑ์ทรมาน เมื่อนำมารวมกันแล้ว ตรีศูลจึงหมายความว่า การบรรเทาความทุกข์สามประการที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ ได้แก่ ทุกข์ทางกาย เช่น กระหายน้ำ, โดนทำร้ายร่างกาย เป็นต้น ทุกข์ทางจิต เช่น โกรธ สงสัย เป็นต้น และทุกข์จากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว, ฝนตก เป็นต้น เมื่อพระศิวะเป็นผู้ถือตรีศูลจึงหมายถึงการที่พระองค์สามารถควบคุมและเยียวยาพลังงานทุกอย่างได้เพื่อจะบรรเทาระงับความทุกข์ทั้งสามประการอันจะเกิดในชีวิตสาวกไม่ว่าจะอยู่ที่ใดทั้งสวรรค์และโลกมนุษย์ เช่นนั้นการสร้างตรีศูลซึ่งเป็นมหาเทพศาสตรานี้ ยังเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งครูพระสยมที่จะหยุดความทุกข์ทั้งทางกาย ทางจิต และธรรมชาติของผู้มีวาสนาได้ครอบครองอย่างสิ้นเชิงด้วย
โดยทั่วไปแล้ว เข้าใจกันว่าตรีศูลซึ่งเป็นอาวุธที่มีสามง่ามเป็นดั่งตัวแทนของมหาเทพ โดยเป็นผู้สร้าง ผู้ปกป้อง และผู้ทำลาย ในขณะเดียวกันตรีศูลยังยังมีพลังในการทำลายโลกลวงตาทั้งสาม ประกอบไปด้วย โลกปัจจุบัน (กาย) โลกอดีต (กามา) และโลกของจิตใจ (อัตตา) เมื่อโลกเหล่านี้ถูกกำจัดไปได้ จะทำให้บุคคลนั้นกลายเป็นผู้รู้แจ้งในที่สุด นอกจากนี้สำหรับโยคีหรือผู้บำเพ็ญโยคะแล้ว ตรีศูลยังสื่อถึง พลังงานละเอียด(นาฑี),ความนิ่งเฉย(อิฑา) และความแคล่วคล่องว่องไว(ปิงคลา)โดยสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของจักระในร่างกายที่มาเชื่อมต่อกันแล้วมีรูปร่างคล้ายตรีศูล เป็นพลังงานแห่งชีวิตที่หากควบคุมได้จะทำให้เราเป็นอิสระจากความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวล
นอกจากจะเป็นศาสตราวุธคู่ใจของมหาเทพซึ่งทรงพลานุภาพสูงสุดในจักรวาลแล้ว ดั่งที่รู้ว่าพระองค์เป็นผู้ประสานพลังแห่งจักรวาล เป็นที่เกรงกลัวแก่อสูรและสิ่งชั่วร้าย เป็นผู้อยู่เหนือเหล่าโยคี เทพเทวา และภูติ ดังนั้นมหาเทพศาสตราชิ้นนี้ที่ครูท่านเลือกให้เป็นเครื่องมงคลแทนพลังงานและแรงครูขององค์ท่านนั้นจึงมีคุณสมบัติเหล่านั้น ซ้ำพ่ออาจารย์ท่านยังว่าเพราะมีเหตุผลอื่นๆอยู่ด้วยที่น้อยคนนักยากจะรู้และทำความเข้าใจ ด้วยตรีศูลแห่งครูพระสยมนั้นมีอำนาจบันดาลภัยพิบัติให้เกิดขึ้นได้ รวมถึงมีความหมายแฝงเกี่ยวกับการสร้างตัวตนของมนุษย์ทุกคน เป็นสุดยอดอาวุธที่ใช้ทั้งในการสร้างจักรวาลและทำลายจักรวาลโดยได้ชื่อว่าเป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงสุดแล้ว นั่นคือนอกจากทำลายจักรวาลเหมือนเทพศาสตราอื่นๆแล้วยังสามารถทำลายห้วงเวลาได้อีกด้วย เรียกว่าสามารถลบตัวตนทั้งรูปธรรมทุกสิ่งในมหาจักรวาลทิ้งไปและเมื่อทำการลบสิ่งใดแล้วยังส่งผลไม่ให้สิ่งนั้นมีกำเนิดขึ้นมาได้อีกนั่นคือลบห้วงเวลาได้ยาวนานถึงกัปกัลป์เลยทีเดียว (*พ่ออาจารย์ท่านว่าเธอต้องเข้าใจนะที่ครูท่านตั้งใจโดยเฉพาะให้ทำตรีศูลนี้ ก็เพราะตรีศูลนี้ใช้ลบตัวตน ลบความทุกข์ยาก ลบพิบัติภัยทั้งเคราะห์และสิ่งอุบาทว์ทั้งหลายให้หายไปจากชีวิตเธอได้ ซ้ำยังหายไปยาวนานนับกัปกัลป์เช่นนั้น นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงซึ่งท่านจะให้ใช้ตัดความทุกข์ยาก ทุกข์เข็ญนั่นเอง ด้วยสิ่งใดที่ระงับไปเพียงชั่วครู่แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกนั่นคือสภาวะของความทุกข์ยาก สิ่งนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อมันสำคัญและเป็นปัญหาหนักของชีวิตก็เพียงลบตัวตนมันออกไปก็พอ) นอกจากนั้นสภาวะของตรีศูลมหาเทพคือนามธรรมอันยิ่งใหญ่ของสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
- การสร้าง การรักษา การทำลาย
- กาลอดีต กาลปัจจุบัน กาลอนาคต
- โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ โลกบาดาล
- ความมืด(อวิชชา,ราคะ,กิเลส) ความเกี่ยวพัน(สัญญาของสรรพสิ่งที่ผูกโยงเกิดเป็นกฏแห่งกรรม) ความดีงาม(คุณธรรม)
จะเห็นได้ว่ายากนักที่จะหาเทพศาสตราใดที่จะเป็นสัญลักษณ์ของนามธรรมทั้งยังมีอำนาจควบคุมนามธรรมอันยิ่งใหญ่ได้มากมายถึงเพียงนี้ เพราะทุกสิ่งนั้นล้วนมีอำนาจขัดกับกฏวัฏสงสารทั้งสิ้น นอกจากจะเป็นเทพศาสตราที่ทรงพลังสูงสุดนั่นคือใช้ลบตัวตนเป้าหมายทิ้งไปโดยไม่จำกัดเผ่าพันธุ์ไม่ให้เหลือชาติเหลือวิญญาณก็ย่อมได้ ดั่งในกรณีที่ใช้ตัดเศียรพระพรหม พระเคณศ ก็ปรากฏว่าเศียรมหาเทพเหล่านั้นล้วนแต่อันตรธานหายไปอย่างไร้ตัวตนทั้งสิ้น อะไรที่ถูกตรีนี้ทำลายคือสูญสิ้นชนิดเอากลับคืนมาไม่ได้เช่นนั้นเลยไม่เคยปรากฏว่าจะมีสิ่งใดต้านทานได้ จึงเป็นศาสตราวุธที่ไม่ถูกใช้พร่ำเพรื่อแม้ครูพระสยมเอง และเมื่อท่านให้พ่ออาจารย์สร้างแล้วก็ห้ามคนนำไปใช้พร่ำเพรื่อเช่นเดียวกัน
เทพศิวะสาวกทั้งหมดตลอดจนมหาเทพแผ่บารมีแบ่งกำลังลงสถิตย์ในผงพระอิศวรปราบยุคเข็ญนี้ทุกอณูจึงจะสำเร็จเป็นผงศักดิ์สิทธิ์ ผงนี้ท่านว่าที่ใช้แก้ผีได้สารพัด,แก้คุณไสยที่เข้าทำไว้ในแผ่นดิน,แก้อาถรรพ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี แก้ได้ทั้งยาสั่ง,ยาเสน่ห์,ยาแฝด,ยาพิษ,ยารัก,ยาชัง,ยาหน่าย,ยาตาย,ยาประสาท,ยามนต์ต่างๆ รวมไปถึงแก้อุบาทว์ที่เกิดจากการทำของต่ำ,แก้คุณไสยที่โดนมานานจนเข้าเลือด,แก้วิชาที่ถึงขั้นวิบัติอย่างแรง ทั้งปัดป้องสิ่งอัปมงคลเสนียดจัญไร ที่สำคัญยังช่วยหนุนนำดวงชะตามิให้ตกต่ำอีกด้วย อันผู้ใดที่มุ่งมาตรปรารถนาให้ร้ายแก่เราหากมันผู้นั่นยังยืนอยู่บนผืนพระธรณีขอเพียงว่าหากเรายังอยู่บนผืนแผ่นดินนี้มันก็ทำอะไรเรามิได้ เรียกว่าตราบใดที่ยังมีแผ่นดินมันอยู่ก็ทำร้ายเรามิได้เลย ตราบใดที่พระเวทย์และพระธรรมยังมีอยู่ในโลกนี้เราจะปลอดภัยในทุกสถาน ทุกกาล ทุกเมื่อ ให้ถือคตินี้ไว้ให้มั่นคง
มหาเทพสำคัญอันเป็นกฏและตัวแทนของธรรมชาติมากมายผูกขึ้นมา เมื่อประกอบสำเร็จก็ต้องเชิญครูพระสยมแบ่งกำลังจากตรีศูลเล่มจริงของท่านให้กำเนิดในรูปลักษณ์ใหม่ เพื่อให้คนใช้ได้นำไปสักการะเป็นเครื่องมงคลแรงครูหนุนนำชีวิต พ่ออาจารย์ท่านว่าตรีเทพนี้ล้างอาถรรพ์ได้ทั้งปวงแม้แต่อาถรรพ์ชีวิต สุดแล้วแต่จะประดิษฐ์คิดวิธีใช้ได้เลย นั่นเพราะสิ่งนี้มีค่ามากเกินคำว่าค่าควรเมืองไปไกลลิบ
คาถาบูชา
ศิวายะ เคารีวัทนาพะชะวะ รินทะ สูระยายะ ทักษะ ธะวะระ นาศะกายะ ศรีนีละกัณทายะ วะรึษะ ธะวะชายะ ตัสไม ศิการายะ นะมะศิวายะ
รายการที่ 2 พระผงยกชาติกำเนิดสังสาระดวงธาตสวรรค์อรรยมัน (สหายร่วมทุกข์เปลี่ยนฐานะ) ให้บูชา 4100 รวมส่งครับ
"แต่บรรพกาลนั้น..มีเจ้าแห่งสวรรค์ที่ชนบูชาในฐานะดั่งเพื่อนสนิท เพียงยกมือสักการะ..เสมอได้เปลี่ยนแปลงชาติกำเนิด,เพียงยกมือสักการะ..เสมอได้เปลี่ยนฐานะสังคม,ความมั่งคั่งในชีวิต"
- พ่ออาจารย์ท่านว่าที่ผ่านมานั้นแม้ใครเคยขอลาภกับพระลักษมีก็ตาม,ขอลาภกับท้าวเวสสุวัณก็ตาม ..ใดๆเลยในอดีตกาลนั้นกลับมีเทพที่เหล่ามหาเทพเพียรขอพรขอสิ่งที่เกินกำลังวาสนาของตน กลับมีเทพที่เป็นดั่งอาถรรพ์ซ่อนเร้นที่ชนทั้งหลายพยายามจะลบออกจากประวัติศาสตร์,พยายามจะให้ผองชนลืมเลือน,พยายามจะไม่ให้พระนามปรากฏเป็นที่รู้จักด้วยหวาดกลัวการขึ้นมามีอำนาจตีตัวเสมอตน..เสมอเจ้า..เสมอกษัตริย์..หวาดกลัวชนชั้นต่ำจะเท่าเทียมกับตน..หวาดกลัวที่ทาสจะยกฐานะตนขึ้นมาได้..หวาดกลัวที่จะต้องอยู่ร่วมแวดวงสังคมเดียวกันในฐานะที่เท่ากันกับบริวารตัวเอง เช่นนั้นอาถรรพ์แห่งพระอรรยมันจึงโดนปกปิดและเลือนหายไปเรื่อยๆตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์แม้ใครทราบใครรู้จักก็จำกัดไว้สักการะเพียงในบ้านในตระกูลตนเองเท่านั้นไม่นิยมให้นามแห่งอรรยมันเผยแพร่ออกไปเลย
- แต่เดิมนั้นพระอรรยมันโดนจำกัดให้สักการะและอุปถัมภ์เพียงบุคคลชั้นสูงเท่านั้น..และเท่านั้นจริงๆ มีแต่พราหมณ์จะไหว้ได้..มีแต่กษัตริย์จะไหว้ได้ ถึงกับในบางยุคท่านเป็นเจ้าสวรรค์ที่อุปถัมภ์เฉพาะกษัตริย์เท่านั้นในแคว้นหนึ่งเมืองหนึ่งมีเพียงกษัตริย์จะสักการะขอพรท่านได้..ถึงกับประกาศห้ามว่าวรรณะอื่นห้ามไหว้เด็ดขาด.."ใครไหว้จะต้องตาย" นี่คืออาถรรพ์แห่งพระอรรยมัน..ที่เป็นเช่นนี้เพราะท่านขออะไรก็ให้มานับพันนับหมื่นปี
- ในปัจจุบันนั้นวรรณะกษัตริย์ลดน้อยถอยลงไปมากในแผ่นดินภารตะทั้งความเชื่อแห่งพระอรรยมันที่โดนจำกัดไว้เพียงคนกลุ่มเดียวแต่แรกทำให้นามของพระองค์เลือนหายไป ในยุคนี้จากเจ้าสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่กลับกลายห้วงความทรงจำในกระแสกาลเวลาแม้แต่เทวรูป,เทวสถานหรือพระนามอันกึกก้องกลับไม่เคยปรากฏเวียนมาให้ชนทั้งหลายได้มีโอกาสสักการะเลยนับร้อยนับพันปี
"ใครไหว้จะต้องตาย" ที่เป็นเช่นนี้เพราะชนชั้นสูงสุดซึ่งเป็นเจ้าชีวิตแต่โบราณนั้นจำกัดเอาไว้ให้ตนไหว้ได้เพียงผู้เดียว ถึงขนาดว่าแม้ในหมู่ญาติพี่น้องของกษัตริย์ยังไม่สามารถยกมือไหว้พระอรรยมันได้เพราะกลัวคนอื่นจะมีฐานะเท่าเทียมกับตนเองกลายเป็นว่าในแคว้นหนึ่งๆผู้ที่จะสักการะพระอรรยมันได้จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น...เพราะท่านมีอาถรรพ์ลึกลับอันถูกปกปิดไว้ที่ใครก็ไม่สามารถจะสักการะได้ทั้งสิ้นไม่เช่นนั้นฝูงชนจะวัฒนาการขีดความสามารถทั้งเปลี่ยนแปลงฐานะชนชั้นยกชีวิตยกความเป็นอยู่ให้เทียบเท่าเจ้านายได้เลยทีเดียว ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านว่าพระอรรยมันนั้นเป็นคนละองค์กันกับพระอัยยัปปาหรืออัยยัปมันเพียงแต่ชื่อคล้ายๆกันเท่านั้น
หากเรารู้จักเครื่องรางที่เรียกว่าพ่องั่งจะสังเกตุได้ว่าคุณแห่งพระอรรยมันนั้นใกล้เคียงกัน แต่แท้จริงแล้วพ่ออาจารย์ท่านว่ามันแค่พื้นๆเท่านั้นถ้าวัดกันจริงแล้วเทียบกันไม่ติดเลยเพราะในท้ายที่สุดผู้เป็นเจ้าก็ยังยิ่งใหญ่กษัตริย์ก็ยังมีอำนาจสะกดข่มวรรณะชั้นรองลงมาได้ตลอด ...เพราะถูกห้ามมิให้สักการะแก่พระอรรยมัน...เพราะถูกห้ามมิให้ภักดีและเซ่นสรวงแก่พระอรรยมัน..เช่นนั้นชนชั้นต่ำจึงได้สร้างพระงั่งขึ้นไว้สักการะเพียงแต่จะได้ดีทวีอำนาจก็เพียงรุ่นสองรุ่นต่างกับพระอรรยมันที่วรรณะกษัตริย์ตกทอดยึดถือสักการะบูชามานับหมื่นนับแสนปีไม่รู้กี่ชั่วรุ่นชั่วโคตรวงศ์เป็นผู้นำมาซึ่งความเจริญอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด
พ่ออาจารย์ท่านว่าพระอรรยมันนั้นคือผู้เกิดมามีรัศมีเรียกว่าเกิดมาเป็นเทพเจ้าปกครองสวรรค์ด้วยตนเองดั่งว่ามีทิพย์อำนาจและจุติขึ้นเองโดยพระเวทย์พระธรรมถือเป็นชนชั้นบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเหล่าเทพเจ้า เรียกว่าแม้ในเหล่าเทพเจ้าก็ยังถูกท่านปกครองอีกทอดหนึ่งแต่ในภายหลังนั้นกลับมีผู้ลดเกียรติของพระองค์ให้เกิดเป็นบุตรพระกศยปเทพบิดรบ้างหรือทำให้เป็นเทพเจ้าชั้นรองบ้างเพราะกลัวชนจะสักการะ แต่โดยเนื้อแท้แล้วพระอรรยมันนั้นเป็นเทพเจ้าชั้นสูงสุดเหนือกว่าพระศิวะ,พระอินทร์,พระอัคนี,พระพาย,พระยม..เหล่านี้ทั้งสิ้นถึงขนาดว่ามนุษย์ยังนำนามของพระองค์มาประกาศเรียกใช้แบ่งแยกฐานะชนชั้นกันมาถึงทุกวันนี้เช่นวรรณะพราหมณ์,กษัตริย์และแพศย์เป็นอารยะเรียกตัวเองว่าอารยะชน ส่วนวรรณะศูทรและนอกนั้นล้วนเป็นพวกอนารยะทั้งสิ้น ด้วยเหตุว่าพระอรรยมันคือผู้ปกครองสูงสุดดั่งนามพระองค์ที่ปากฏว่า"พระอารยะมัน" บุคคลผู้ปรารถนาจะเป็นเจ้าเป็นชนชั้นสูงสุดในสังคมจึงนำนามของพระองค์มาเรียกตนเองและกีดกันวรรณะต่ำกว่าให้เป็นพวกอนารยะคือผู้เข้าไม่ถึงพระอรรยมันทั้งสิ้น..ซึ่งนามแห่งอารยะชนก็กดหัวหมู่ชนยิ่งนักมาตลอดกาล
### พ่ออาจารย์ท่านว่าพระอรรยมันนั้นเป็นเทพพิทักษ์ของท่านที่มาปรากฏให้ท่านเห็นตั้งแต่สมัยเป็นเด็กเพียงแต่ท่านไม่รู้จักและกาลเวลาผ่านจนทุกวันนี้ท่านว่าเราพยายามจะเผยแพร่พระนามของพระองค์ให้แก่ผู้ที่สมควรอุปถัมภ์มาตลอดจนตอนนี้เห็นควรว่าไม่ควรจะปิดบังและซ่อนเร้นใดๆอีกควรที่จะให้พระองค์ได้โอบอุ้มช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ติดตัวตนมาอันยากจะสละพ้นทั้งฐานะ,ชาติกำเนิด,หน้าที่,ชะตาชีวิต,วิถีทาง,ครรลองการดำรงค์อยู่..เช่นนั้นท่านจึงได้สร้างรูปเคารพพระอรรยมันในแบบที่ท่านเห็นออกมา *** เรียกว่าร้อยปี,พันปี,หมื่นปี,แสนปีรูปแห่งพระอรรยมันนี้แบบนี้ปางนี้พ่ออาจารย์ท่านเห็นคนเดียวต่อไปถ้ามีใครทำตามก็คือเช็ดรอยเท้าท่านนั่นเอง
พระเจ้าผู้เหยียบย่ำเกษียรสมุทรใต้ฝ่าพระบาท
ด้วยพระอรรยมันนั้นเป็นเทพเจ้าดั้งเดิมจัดเป็นอาทิตย์เทพด้วยปรากฏรัศมีร้อนแรงในตนเองตลอดเวลา
- ท่านจะดำเนินไปบนเกษียรสมุทรหรือทางช้างเผือกนี้ เคลื่อนที่เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเป็นเหตุให้อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันนอกจากจะหนุนให้ผู้อาราธนาเป็นชนชั้นสูงแล้วยังมีแต่จะสูงขึ้นและก้าวหน้าขึ้นตลอดเวลาไม่มีวันหยุดนิ่ง เช่นพระอรรยมันนั้นไม่มีวันหยุดดำเนิน
- ด้วยปัจจุบันนั้นเกษียรสมุทรคือที่สถิตย์แห่งพระวิษณุเจ้าเช่นนั้นความเชื่อแต่เดิมแม้โลกแห่งพระวิษณุเจ้าก็อยู่ใต้การปกครองพระอรรยมัน และพระวิษณุย่อมถือพระอรรยมันเป็นแบบอย่างตลอดมาทำให้พระองค์มีเกียรติมีบารมีสมดั่งเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองในหมู่เทพเจ้า
- อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันนั้น จะนำมาซึ่งสิ่งที่ดียิ่งและดีที่สุดเท่านั้น อุปมาดั่งว่าเธอปรารถนาชีวิตดีกับการมีชีวิตที่ดีที่สุดแบบนี้มันต่างกันนะ เหมือนเธออยากได้ของดีก็จะได้เพียงแค่ของดีๆในขณะที่บุคคลอื่นได้ของดีที่สุดเป็นเลิศที่สุดเห็นหรือไม่ว่าได้เหมือนกันและดีเหมือนกันแต่ต่างกันฟ้ากับเหว ...ด้วยพระอรรยมันนั้นทรงอุปถัมภ์แต่สิ่งที่ดียิ่งที่สุด,เป็นเลิศสูงสุด
- อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันนั้น จะนำพาซึ่งความเป็นเลิศเหนือทุกชนชั้นดุจจะเปลี่ยนชาติกำเนิดยกฐานะแปลงวิถีให้ชนชั้นต่ำขึ้นสู่จุดสูงสุดในวงสังคมได้ ให้มนุษย์ธรรมดาเข้าถึงความเป็นเลิศได้..เป็นเลิศทุกสิ่งในการกระทำ..เป็นเลิศด้วยฐานะ..เป็นคนที่เลิศกว่าคน..เป็นคนที่มีชะตาดีเลิศกว่าคน...เป็นคนที่มีแนวทางดีเลิศกว่าคน...เป็นคนที่มีวิถีชีวิตดีเลิศกว่าชนทั้งปวง
- อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันนั้น จะเปลี่ยนคนให้เป็นเจ้า..เป็นนาย..เป็นผู้ปกครอง นี่คือสิ่งที่ชนชั้นสูงหวาดกลัวที่สุดเพราะตนเองรู้และตนเองได้รับมามากแล้วจึงกลัวคนอื่นจะรู้จะได้รับเสมอตนจึงจำเป็นต้องกดหัวชนชั้นรองๆไว้นับพันนับหมื่นปี ด้วยเหตุนี้อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันจึงถูกปกปิดไว้เพราะได้ชื่อว่ามีอาถรรพ์รุนแรงที่สุดในการที่จะยกชีวิตตนเองให้พ้นจากฐานะต้อยต่ำ..เหนือไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
- อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันนั้น จะเปลี่ยนคนให้เป็นผู้เจริญ พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เจริญด้วยลาภ,เจริญด้วยอายุขัย,เจริญด้วยกิจการงานที่ทำ,เจริญด้วยความคิด,เจริญด้วยความสามารถ,เจริญด้วยสุขภาพร่างกาย,เจริญด้วยทุกสิ่งที่เป็นความเจริญ เช่นนี้คนที่พร่องพอได้อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันเข้าหนุนจากคนไม่เต็มคนมันจึงกลายเป็นเต็มจนล้นทั้งหมด มันล้นมากพอที่จะสะกดข่มคนอื่นได้ด้วยซ้ำไป นี่คือยอดอาถรรพ์แห่งความเจริญเพราะท่านช่วยให้ถึงพร้อมในความเจริญเป็นผู้บริบูรณ์ทุกด้านเช่นพระอินทร์,พระวิษณุเจ้าดังนี้
- อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันนั้น จะนำเราไปสู่สิ่งที่คู่ควรกับการแสวงหา นำไปสู่เป้าหมายสูงสุดในชีวิต นำไปสู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเป้าหมายที่สูงกว่าเดิม เปลี่ยนจากคนตัวเล็กๆให้โตขึ้นๆไม่อุดอู้อัดอั้นอยู่ในฐานะเดิมสถานที่เดิมๆ ให้ชีวิตแสวงหาได้ไม่รู้จบสามารถครอบครองความฝันและเป้าหมายใหม่ๆได้เสมอ
- อาถรรพ์แห่งพระอรรยมันนั้น จะเปลี่ยนให้เราได้รับสิ่งที่ควรได้ ให้มีในสิ่งที่ควรมี ไม่สูญเปล่าเสียหายไปกับวาสนาความดีและความตั้งใจที่ได้ลงแรงกระทำความเพียรในกิจการใดๆ เรียกว่าทุกการกระทำล้วนมีความหมายไม่สิ้นสูญ สิ่งใดที่ปรารถนาที่มนุษย์ควรจะได้ที่มนุษย์ควรจะมีย่อมต้องได้ต้องมี...จักต้องได้รับสิ่งที่สมควรแก่ฐานะตนเอง ยิ่งฐานะตนเองสูงขึ้นเพิ่มพูนขึ้นสิ่งที่เหมาะสมและคู่ควรจะได้รับก็ยิ่งมีมากขึ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าเช่นนี้พระอรรยมันจึงเป็นที่สุดแห่งการได้รับใครขาดเหลือบกพร่องสิ่งใดให้ขอเอากับท่านเถิดจะได้เป็นคนเต็มคนก็อยู่ที่ท่านนี่แหละ
ผู้ให้พรเหล่ามหาเทพ
"แม้สิ่งใดขาดพระอินทร์ยังต้องกราบขอจากพระอรรยมัน" พระอรรยมันนั้นท่านเป็นอุดมคติแห่งเหล่าทวยเทพดุจเป็นเทพเจ้าตัวอย่างที่เทพยุคหลังอยากจะเป็นเหมือนพระองค์ ด้วยทรงไว้ซึ่งเกียรติยศทั้งความสง่างามและสุภาพอย่างสูงสุดทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับยกย่องในหมู่เทพเจ้าว่ามีปัญญามากและฉลาดเป็นที่สุด
ด้วยคติที่ว่า..ท่านให้เพราะท่านมีทุกสิ่ง
ด้วยคติที่ว่า..ผู้ขอจะได้รับทุกสิ่งเพราะท่านมีไม่รู้หมด
ด้วยคติที่ว่า..ผู้ขอย่อมไม่เคยผิดหวังเพราะท่านไม่เคยปฏิเสธการให้
ด้วยคติที่ว่า..ผู้ขอย่อมสุขเสมอใจกับสิ่งที่ได้รับอย่างดีเลิศที่สุด
พ่ออาจารย์ท่านว่าหากมีประสงค์ติดขัดสิ่งใดให้ขอกับพระอรรยมันอย่างสุภาพเป็นที่สุด(ฉันบอกแล้วนะถือเป็นเคล็ดเลยว่าให้ขอแบบสุภาพและนอบน้อมที่สุดแล้วจะได้สมใจ) ไม่ต้องกลัวที่จะขอเพราะไม่ใช่แค่เธอที่เป็นมนุษย์จะขอเท่านั้น เธอรู้หรือไม่แม้เหล่าเทพเจ้าด้วยกันหากอยากได้อยากมีหรือขาดตกบกพร่องสิ่งใดเขายังขอกับพระอรรยมันทั้งสิ้น "นี่แหละคือชนชั้นปกครอง..เป็นผู้ให้..ผู้ประทานแม้ในหมู่เทพเจ้า"
เธอก็คิดเอาเองแล้วกันว่าในฐานะของพระอินทร์นี้ยังมีสิ่งใดที่หาไม่ได้อีก...ในฐานะของพระวิษณุนารายณ์นี้ยังมีสิ่งใดที่พระองค์จะสร้างขึ้นไม่ได้อีก..ฉันบอกได้แค่เพียงว่าทุกสิ่งย่อมมีกำลังของตนสิ่งที่เกินไปกว่ากำลังของตนนั้นหากปรารถนาจะนำมาครอบครองแม้จะเป็นเทพเจ้าสูงสุดทั้งสองยังต้องขอกับพระอรรยมัน
### ปัจจุบันนั้นคนขอพรต่อเทพเจ้ามีมากมนุษย์ขอพรจากพระอินทร์จากพระนารายณ์และเหล่ามหาเทพไม่เว้นวัน...แต่ใครจะรู้บ้างว่าแม้ในยุคที่พระอินทร์เรืองอำนาจสูงสุดพระองค์ยังต้องขอพรกับเทพองค์หนึ่ง..ขอทรัพย์ของวิเศษที่พระองค์ต้องการ..ขอพรที่เกินกำลังของพระองค์จากเทพองค์หนึ่ง..นั่นก็คือ"พระอรรยมัน" พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าเราจะมัวแต่ขอจากเทพชั้นรองเช่นนี้ไม่สู้ว่ากระโดดข้ามไปขอเอากับพระอรรยมันเลยจะดีกว่าเพราะนี่คือที่สุดแห่งพระผู้ให้อย่างแท้จริง
เจ้าแห่งยุคทอง
พ่ออาจารย์ท่านเผยความลับดึกดำบรรพ์ที่หาคนรู้ได้น้อยนักนั่นคือพระอรรยมันเมื่อลงมาสู่โลกหรือทำการโปรดผู้ใดแล้วย่อมถือว่าช่วงชีวิตเขาก้าวเข้าสู่ยุคทอง "เป็นเวลาทอง" ที่ต้องกอบโกยให้มากที่สุดและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปตราบใดที่เรายังไม่วางศรัทธาในพระองค์ย่อมขอพรและสิ่งที่เอื้อต่อความสูงส่งของชีวิตทุกประเภทจากพระองค์ใดเพราะท่านเป็นเจ้าแห่งการให้ เรียกว่าการให้ทั้งหมด..กรให้ทุกประเภท..การให้ความสุข..การให้อภัย..ทานทุกชนิดที่ผู้ขอต้องได้รับ คืออำนาจการให้ของพระองค์ ไม่ว่าพรที่ขอนั้นจะเป็นวัตถุสิ่งของหรือนามธรรมความสำเร็จ..ความโชคดี..ชัยชนะ ขอให้เป็นพรในเรื่องที่ดีธำรงค์อยู่ในศีลธรรมไม่ผิดบาปท่านย่อมประทานทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านให้เราระลึกไว้เสมอว่าพระอรรยมันนั้นเหมือนบุคคลผู้สูงส่งเพราะทรงเป็นต้นกำเนิดและทรงเป็นจิตวิญญาณแห่งความสูงส่งเคร่งครัดอันบริสุทธิ์ทั้งปวง..เป็นปฐมบูรพาจารย์ซึ่งธำรงค์ความสมบูรณ์แบบทุกชนิดของตรีโลก..เป็นแบบอย่างของผู้ที่เจริญยิ่งในความบริบูรณ์ต่อเหล่าเทพเจ้าทั้งหลาย..เป็นผู้บัญญัติหลักการความประพฤติและการปฎิบัติตัวอย่างอารยชน
พ่ออาจารย์ท่านว่าสำหรับข้างบนนั้นถ้าพูดถึงพระอรรยมันก็คงนึกถึงครูคนแรกเป็นครูที่ใครๆก็อยากเป็นได้เหมือนดั่งพระองค์ เช่นนี้ท่านจึงมีเกียรติมากเป็นที่เคารพโดยทั่วไปนอกจากเป็นต้นแบบที่เป็นดั่งแม่พิมพ์ของบรรดาเทวะแล้วท่านยังเป็นเจ้าผู้ปกครองผืนฟ้า ### เทพดวงดาวทั้งหมดไม่ว่าจะพระจันทร์..พระอาทิตย์..พระราหู..หรือพระอะไรๆก็ดีในจักรวาลแสนโกฎิที่เป็นดวงดาราท่านย่อมมีอำนาจบัญชาการได้..ไม่เว้นแม้กระทั่งโลกของเราทุกอณูเนื้อนี่คือนายสูงสุดของโลกอย่างแท้จริง แต่เดิมนั้นมีความเชื่อกันว่าท่านเป็นผู้สยบเกษียรสมุทรทั้งยังให้กำเนิดสุริยันจันทรายังความสว่างและมืดมิดให้ปรากฏ ตรงนี้พวกเธอทั้งหลายต้องเข้าใจก่อนนะว่าเป็นความเชื่อโบราณมากๆเสียกว่าที่จะกำเนิดตรีเทพขึ้นมาเสียอีก จะเรียกว่าพระอรรยมันเป็นเทวะบรรบุรุษหรือเทพบรรพกาลที่ทรงอาวุโสสูงสุดก็ได้เพราะพระองค์มีอำนาจเหนือสุริยันจัทราคืออยู่เหนือธาตุแสงและความมืดทั้งปวงทังยังควบคุมสภาพอากาศและบรรยากาศความร้อนเย็นแห้งแล้งหรือชุ่มฉ่ำ...ในภายหลังนั้นจะกลายเป็นความสมบูรณ์แบบของพระวิษณุ,การให้กำเนิดจักรวาลของพระพรหม,การควบคุมลมฟ้าอากาศของพระอินทร์ดั่งนี้ เรียกว่าคุณสมบัติของพระอรรยมันนั้นแตกตัวออกมาเป็นเทพชั้นรองยุคหลังก็ไม่ผิดเลย เพราะแบบนี้การสถาปนารูปของพระองค์ท่านครั้งแรกในรอบร้อยปีพันปีนี้จึงมีอาถรรพ์และคุณวิเศษรุนแรงมากที่สุด
ท่านโองการให้สร้างเป็นบุรุษครึ่งคนครึ่งม้าโดยอุปมาถึงความเป็นยอดบุรุษชาติอาชาไนยยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือนทั้งแต่เดิมพระอรรยมันยังเป็นปฐมเทพผู้ให้การคุ้มครองแก่ม้าทุกชาติพันธุ์ในโลก พ่ออาจารย์ท่านว่าพิมพ์นี้ดีมากนะกระโดดไว..สำเร็จไว..เด้งขึ้นไว..เจออุปสรรคอะไรขวางกั้นจะชิ้นใหญ่ชิ้นโตท่านไม่สนโลกนะเพราะท่านดีดเธอขึ้นเลย ปางนี้แหละมีอำนาจดีด(ถีบ)ได้ทุกอย่างและขึ้นไวเป็นดาวค้างฟ้า ปิดอาถรรพ์ดวงร้ายและชะตาอุบาทว์ที่เกิดจากดวงดารา...อาถรรพ์ฟ้าทั้งหมดที่เล่นตลกกับชะตาชีวิต ### พ่ออาจารย์ท่านว่าปกติคนต้องคล้อยตามฟ้าและแก้ไขถึงจะอยู่ได้ แต่พระอรรยมันคือเทพบรรพกาลที่ปกครองฟากฟ้าดาราจักรไม่ว่าจะเป็นเทพนพเคราะห์หรือเทพทั้งสิบสองราศีแม้แต่แสนโกฏิดาราจักรหรือหมื่นจักรวาลท่านก็ควบคุมทั้งหมด อาจกล่าวได้ว่าพลังฟ้าที่ศักดิ์สิทธิ์หนักหนามีชัยชนะเหนือกว่านามธรรมทุกรูปแบบเป็นพลังที่พระอรรยมันให้กำเนิดขึ้นมาก็ย่อมได้ พระองค์นี่แหละคือสัจธรรม...พระองค์คือความเที่ยงตรง..พระองค์คือความแน่นอน..พระองค์คือความชัดแจ้ง...พระองค์คือความเป็นอนันต์ของกาลเวลาและที่สุดพระองค์ก็คือฟ้าดิน ไม่ว่าชนใดก็ตามหากยังไม่ทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนเอง หากยังระลึกได้ว่าตัวเองมีหน้าที่รับผิดชอบแบกไว้บนบ่าพ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อนั้นก็ให้ขอพรต่อพระองค์เถิด
ผงดำ
พ่ออาจารย์ท่านกดพระอรรยมันด้วยผงดำล้วนซึ่งผงดำตัวนี้พ่ออาจารย์ท่านเรียกว่า "ผงยกพระกาฬ"(ผ่านมหากาล) ลำพังแค่ตัวผงท่านว่าก็ดีกว่าพกราหูพันองค์หมื่นวัดพันพิธี ด้วยมีคุณสุดจะพิเศษใช้ทางจูงใจให้รักก็รักจนตาย,ใช้ทางเมตตาก็ปานกรีดเฉือนเนื้อหัวใจมอบให้ จะใช้ไปทางเล่ห์กลใดติดตัวเพื่อไปเจรจาหรือการะทำกิจใดก็ง่ายดายท่านว่าทำสิ่งใดจะได้สมประสงค์แล ผงดำนี้บางคนเอาไปใช้ขอหวยขอลาภก็แม่นยำไม่แคล้วคลาด *** แต่เคล็ดสูงสุดของผงดำเลยก็คือเมื่อได้พกติดตัวดั่งว่าชีวิตอันเลวร้ายที่ผ่านมาได้ตายตกไปแล้ว...ผงชุดนี้เธออาราธนาดั่งว่าเธอได้เสียเสียสรรพจัญไรในชีวิตให้กับท่านท้าวพระกาฬผู้เป็นใหญ่อาเพท..ความวิบัติ..ความฉิบหายใดที่ติดเนื้อ,ซ่อนตัว,แฝงวิญญาณเธออยู่ แต่นี้สืบไปเสมอได้ถวายพระเคราะห์ทั้งหลายแก่องค์พระกาฬเป็นเจ้า เคราะห์หามยามร้ายภัยพิบัติทั้งปวงท่านจะรับไว้แทนเราทั้งหมดเสมอด้วยเครื่องบูชา ให้ชีวิตเราเหลือแต่เคราะห์ดีมีโชคเช่นนี้หลักใหญ่และอิทธิคุณสุดวิเศษของผงดำจึงยากจะหาได้ในผงพุทธคุณทั้งปวงเพราะเป็นผงที่ผสมตามตำราวิชาผ่านมหากาล นั่นคือผ่านพ้นห้วงเวลาแห่งความทุกข์ทนอันยาวนานที่ชั่วร้ายที่สุดอย่างใดจะยาวนานเพียงใดก็ถือว่าผ่านพ้นไปหมดแล้ว...พระเคราะห์ใด..อุบาว์ใด...เวรกรรมใดยกถวายเป็นพลีบูชาแก่พระกาฬเจ้าทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าผงแบบนี้ทำยากทั้งแรงมากจะดีอย่างไรฉันก็บอกได้เท่านี้เพราะข้างบนไม่ให้พูดมาก ตอนฉันทำผงนี้แม้ท้าวจตุโลกบาลก็ยังเขม่นฉันอยู่ด้วยท่านกำชับไว้หนักหนาให้ทำครั้งเดียวและกดทีเดียวให้หมดไปเลยอย่าเก็บเอาไว้ผสมทำสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อย เพราะอานุภาพของผงแบบนี้จะให้ปรากฏมีเป็นของสาธารณะหรือตกอยู่ในความครอบครองคนหมู่มากย่อมไม่บังควร เช่นนั้นผงชุดนี้ท่านจึงเอามากดองค์อรรยมันทั้งหทด...ท่านว่าฉันบอกได้เพียงเท่านี้ดีอย่างไรถามใจตัวเองดู
ของวิเศษ
- พ่ออาจารย์ท่านฝังคตกะโปกม้าทองแดงไว้ด้านหน้าบริเวณลำตัวพระอรรยมันทุกองค์ ท่านว่าเป็นที่สุดแห่งความศักดิ์สิทธิ์จะดีดชาติ..ดีดชะตาให้สูงขึ้น ท่านว่าคตแบบนี้มันดีในตัวเองครูท่านจึงเจาะจงให้ใส่ไว้ถือว่าแบ่งกันใช้ ต่อไปจะได้ก้าวหน้าเร็วดั่งโดนครูดีดขึ้นทะลุปัญหาและอุปสรรคทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าคตตัวนี้ปกติฉันไม่เคยเอามาใช้เลยเพราะมันแรงมากเกินไป อธิษฐานดีๆมันดีดชีวิตคนได้...อย่าว่าแต่จะดีดให้ขึ้นเลยถ้าเจอศัตรูดีดให้ตายก็มีมามากแล้ว..ศัตรูบางคนเจออาถรรพ์ม้าครูดีดนอนอยู่ดีๆตื่นมาคางเหลืองระบมเหมือนโดนคนกระทีบก็มี นี่คือคตที่มีจิตวิญญาณพ่ออาจารย์ท่านว่าพอดีกับกาลนี้ที่สร้างพระอรรยมันและครูท่านสั่งจึงได้ขอพลีสกัดเอามาทำมวลสารฝังไว้ ท่านว่าเห็นเล็กๆเพียงเท่านี้แต่พลังไม่เล็กนะใช้ดีดชีวิตดีแล้วดียาวๆไป อย่าเอาไปใช้ทางชั่วเพราะฤทธิ์คตม้าครูกับแรงอาถรรพ์พระอรรยมันรวมกันถ้าคนใช้ชั่วเอาไปรังแกคนด้วยกันเพียงเท่านี้ก็ฆ่าคนฆ่าศัตรูได้เลย พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ระลึกถึงความเอื้ออารีย์ต่อโลกของพระอรรยมันไว้เป็นอารมณ์ ให้ปฎิบัติต่อทุกชีวิตดั่งเพื่อนสนิทมิตรสหายดั่งที่องค์อรรยมันปฎิบัติต่อเรา หากมีศัตรูใดปรากฎเขาจะวิบัติฉิบหายไปด้วยแรงแห่งกรรมอย่างรวดเร็ว
- ด้านหลังท่านฝัง "ศิลาอรรยมัน" ซึ่งถือว่าเป็นการแบ่งจิตวิญญาณของพระอรรยมันลงมาเป็นดวงธาตุ ถือว่ามีอานุภาพของพระองค์เต็มกำลังสามารถใช้บูชาเป็นตัวแทนของพระองค์ได้ ด้วยเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์แต่ดั้งเดิมที่พระอรรยมันประทานมายังโลก ผู้ใดมีวาสนาได้ครอบครองจะถือว่าบุคคลนั้นได้รับความคุ้มครองจากพระอรรยมันทั้งได้รับการอวยพรให้ทั้งชีวิตปราศจากเรื่องเลวร้ายทั้งปวง ผู้มีวาสนาจะพ้นจากความพินาศในชะตาเท่านั้นจะมีเหตุให้ประสบพบศิลามณีนี้ ส่วนผู้ใดไร้วาสนาแม้ถวิลย์หาอย่างไรก็ไม่พานพบเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าดวงธาตุนี้มีอาถรรพ์มากไม่เพียงแต่กำจัดสิ่งเลวร้ายออกไปจากชีวิตแต่เมื่อพันปีหมื่นปีก่อนยังเชื่อว่าใช้บันดาลความสุขตลอดจนโชคลาภวาสนาความมั่นคงต่างๆ...ถึงขนาดว่ามงกุฏแห่งมหาราชายุคโบราณนั้นถ้าให้เลือกระหว่างโคตรเพชรเม็ดโตๆกับศิลาอรรยมันสัณฐานเท่าเมล็ดถั่วมาประดับแล้วถ้าเลือกได้ย่อมใช้ศิลามณีชิ้นนี้ประดับยอดมงกุฎแน่นอน ด้วยศิลาอรรยมันนั้นเป็นของมีอาถรรพ์ถือว่าเมื่อได้ประดิษฐานรักษากายผู้ใดจะปัดเป่าพลังงานเลวร้ายจากดวงดาวทุกชนิดที่ส่งผลต่อโลก,ที่ส่งผลต่อคน,ที่ส่งผลต่อชะตา..ไม่เพียงทำให้ตัวเองปลอดภัยจากอันตรายเท่านั้นมณีศิลายังช่วยให้ชีวิตประสบความสำเร็จในเรื่องต่างได้อย่างง่ายดายชัดเจน,ทั้งบรรดาลให้ร่ำรวยในทรัพย์สิน...จะเปลี่ยนคนโชคร้ายให้เป็นบุคคลที่เหล่าเทวะเทวีมีความยินดีพึงใจพอใจโปรดปรานไปตลอดชีวิต เช่นที่เทพเจ้าทั้งหลายเทิดทูนพระอรรยมันอย่างไรตัวเราก็จะเป็นที่โปรดปรานยกย่องเช่นนั้น ถือเป็นมณีธาตุที่จะสั่นสะเทือนพลังงานออกมาอยู่ตลอดเวลาทั้งยังเป็นเคล็ดที่เพิ่มอำนาจความแข็งแกร่งก้าวผ่านกาลเวลายาวนานนับล้านๆปีมีแต่จะเจริญงอกงามไม่ถูกทำลายไปในห้วงกาลเปลี่ยนผ่าน อำนาจศิลาอรรยมันจะสั่นสะเทือนพลังงานหมุนเหวี่ยงดึงดูดสิ่งที่เราต้องการเข้าสู่จุดศูนย์กลางนั่นคือตัวของเราเอง นอกจากนั้นหากได้อาราธนาติดตัวไว้ดวงธาตุยังมีพลังในการบำบัดจิตวิญญาณช่วยให้กระบวนการทางความคิดและพลังงานต่างๆให้สมดุลย์กันไม่เจ็บป่วยง่ายจะช่วยก่อให้เกิดการวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณให้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป็นมณีที่สามารถใช้กระตุ้นพลังธรรมชาติรอบตัว...และยังกระตุ้นโชคลาภวาสนาที่หลับไหลหรือถูกปิดผนึกไว้จากสิ่งใดให้แสดงผลออกมาได้อีกด้วย ผู้ที่ได้ครอบครองจะได้รับการเยียวยากายสังขารและถึงซึ่งการเปลี่ยนแปลงในทางที่เจริญขึ้นทุกๆด้านไปพร้อมกัน ด้วยอาถรรพ์แห่งมณีที่สาปสูญไประหว่างยุคสมัยอันไม่อาจหาสิ่งใดมาทำลายได้จะหมุนเวียนนำพาสรรพสิ่งไปสู่ความเจริญอันไม่รู้สิ้นสุด พ่ออาจารย์ท่านถือว่าดวงธาตุนั้นมีตบะและบารมีในตัวเองจะนำมาซึ่งความสมบูรณ์แบบเช่นองค์อรรยมันทั้งทางโลกและทางธรรม
พ่ออาจารย์ท่านได้ฝังองค์เหล็กอาตมันอันแสดงถึงความเป็นปรพรหมสูงสุดแห่งพระอรรยมันเอาไว้พร้อมลงตะกรุดด้วยหัวใจพระนารายณ์และพระอินทร์ไว้ซ้ายขวา พ่ออาจารย์ท่านเสกชุบตะกรุดดั่งเชิญบารมีองค์อินทราและพราะวิษณุมาแฝงกำลังในตะกรุดนี้ ### เพราะทั้งพระวิษณุและพระอินทร์นั้นเป็นสาวกเอกแห่งพระอรรยมัน เมื่อมีทั้งสองท่านช่วยเบิกทางเสริมกำลังแห่งองค์อรรยมันจะคิดอ่านทำการสิ่งใดย่อมสำเร็จโดยง่ายดาย พ่ออาจารย์ท่านว่าหนนี้ทำให้เต็มกำลังมากๆเพราะถือว่าเป็นเกียรติของฉันที่ได้สร้างรูปเคารพแห่งจ้าวสวรรค์ที่หายสาปสูญไปในห้วงเวลาแต่บรรพกาล พ่ออาจารย์ท่านว่าบูชาให้ดีเถิดท่านจะถือว่าศิษย์เสมอด้วยเพื่อนสนิท ท่านจะทำตัวเสมือนเพื่อนรับทุกข์สุขช่วยเหลือเกื้อกูลไปด้วยกัน *** วันไหนจะห้อยพระอรรยมันให้เธอลองห้อยเดี่ยวดูจะดีที่สุดไม่จำเป็นอย่าไปห้อยรวมกับอะไร ด้วยว่าท่านเหยียบย่ำได้ทั้งจักรราศีแม้ปวงเทพและมหาเทพทั้งหลายยังเป็นเพียงหนทางการดำเนินผ่านห้วงกาลของพระองค์จะกำเนิดหรือแตกดับก็อยู่เพียงวัฎจักรทางเสด็จผ่านเท่านั้น(เป็นเคล็ดว่าเพื่อให้ท่านเสด็จผ่านมาโปรดชีวิตเราโดยตรง อย่าไปหาวิมานเทพองค์ใดให้ท่านแวะพัก)
คาถาบูชา
พ่ออาจารย์ท่านว่าทั้งจิตทั้งกายบริบูรณ์แล้วทั้งนามธรรมและรูปธรรม บัดดี้พระเป็นเจ้าอรรยมันอยู่ที่นี้เป็นดั่งมิตรสหายของเรา(การเข้าหาสหายไม่พึงใช้ขนบธรรมเนียมคาถาใดๆก็ไม่ต้องการเช่นกัน..จำเอาไว้เถอะอย่าเข้าหาด้วยพิธีรีตองแต่คงความสุภาพไว้) ท่านว่าก็เรียกชื่อท่านตรงๆพูดกับท่านตรงๆชวนท่านเล่นกับท่านบอกท่านเสมอเพื่อนกันนี่แหละ *** เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ต้องใช้ความสุภาพมากเสียหน่อยให้คิดเสมือนว่าท่านเป็นเพื่อนอาวุโส...เช่นนี้จะเห็นผลไว
*** มีคติว่าท่านให้..ในสิ่งที่ผู้อื่นให้ไม่ได้ ท่านให้..ในสิ่งที่เกินกำลังผู้อื่น ท่านช่วย..ในสิ่งที่เทพเจ้าผู้อื่นช่วยไม่ได้ ท่านช่วย..ในสิ่งที่เกินขีดความสามารถของเทพเจ้าด้วยกัน นี่แหละคือพระอรรยมันผู้เป็นดั่งเจ้านายของทวยเทพเป็นผู้ปกครองเหนือเกษียรสมุทร(ทางช้างเผือก)อันแท้จริง ทั้งโดยเนื้อแท้แล้วผู้สูงส่งเช่นนี้กลับลดตัวลงมาเป็นสหายสนิทที่สุดให้กับมนุษย์เสมอ
*** ที่สุดแห่งอาถรรพ์ซึ่งโดนปกปิดมานับหมื่นพันปี ที่สุดแห่งรูปลักษณ์และการอวยพร ..ที่สุดแห่งศิลาอรรยมันอันจะเปลี่ยนฐานะชนชั้นและวรรณะตนได้
*** พ่ออาจารย์ท่านว่าศิลาอาถรรพ์อรรยมันนั้นเป็นของที่จะต้องใช้ชะตาวาสนาสูงไขว่คว้ามาไม่ใช่แค่มองๆถูกใจก็จะเอามาได้ เธอคิดดูเถิดว่าแค่รูปเคารพพระองค์เหล่ากษัตริย์ยุคโบราณยังไม่อนุญาติให้มีเผยแพร่ออกไปได้ ในทางกลับกันแล้วดวงธาตุของพระองค์เล่าเขาจะอนุญาติหรือ ใครจะนำมาครอบครองได้ ถ้าไม่มีดวงธาตุนี้ต่อให้สร้างพระอรรยมันจะอัญเชิญดวงจิตหรือปลุกเสกอย่างไรย่อมใช้การไม่ได้เลย(พ่ออาจารย์ท่านว่าดวงธาตุใช้แทนตัวพระอรรยมันอาถรรพ์ทุกอย่างของพระอรรยมันอยู่ในดวงธาตุนี้)
รายการที่สามให้บูชาคู่กัน 5000 ครับ ประกอบด้วย
1ตะกรุดสิทธิพรหมสะเดาะลาภ(ตัวบรมพรหมถอดพระโศก)
2.ผงมงคลยารักตันตระอภิรมย์ศิวะตาณฑวะ(กาลึงคะกามสูตร)
"ตะกรุดนี้ฉันทำเอาไว้นาน เห็นฤทธิ์จนชินหูชินตาแล้ว...จึงนำมากดโค๊ตเก็บไว้"
"ตะกรุดสิทธิพรหมสะเดาะลาภนั้นเป็นหัวใจสูงสุดของวิชาทำสิทธิลาภ..แต่กลับกันเพราะใช้เพื่อสะเดาะเคราะห์เอาลาภโดยเฉพาะ ถือคติว่ายิ่งเคราะห์มากลาภยิ่งเยอะ ยิ่งทุกข์ร้อนมากจะกลับเป็นมั่งมี"
ไอ้ตัวสะเดาะลาภนี้มันต้องลงตัวถอดพระโศกไว้ด้วยนะ อย่าคิดว่าจะเขียนๆก็เสร็จไป เพราะวิชาถอดพระโศกนี้เสกยากยิ่งกว่าสร้างพระจักรพรรดินะคุณ แม้คุณพระก็เสกไม่ได้..ต้องใช้สายวิชาพรหมโบราณ
### แต่เริ่มเดิมทีนั้น ตะกรุดสิทธิลาภจะมีคุณอนันต์
สิทธิลาภตัวต้นนั้นเป็นตะกรุดนี้มีที่มาสูงไม่ใช่เล่น สืบเนื่องจากพ่ออาจารย์ท่านได้รับนิมิตโดยตรงจากครูใหญ่ท่าน(องค์พรหมสหัมบดี) พ่ออาจารย์บอกว่าท่านให้สร้างตะกรุดขึ้นมา เพื่อเอาไว้ช่วยเหลือคนโดยเฉพาะพร้อมประทานชื่อให้เสร็จสรรพคือสิทธิลาภ ซึ่งในส่วนของตะกรุดสิทธิลาภนี้ท่านสร้างโดยวิธีการลงถมพร้อมกับเลือกพระยันต์ลงตะกรุดเอง ท่านว่าเพื่อให้ได้ลาภผลต่อเนื่องไม่ขาดสายท่านจึงตั้งใจทำมาก อานุภาพของสิทธิลาภนั้นถึงขนาดว่า"ต่อให้เธอหนีลงน้ำ เขายังตามเอาไปให้เธอในน้ำขนาดนั้น แม้บินขึ้นฟ้าก็ต้องตามหาเพื่อมอบทรัพย์ให้ทีเดียว"
ด้วยเป็นตะกรุดที่ลงยากเสียยิ่งกว่าอะไรจึงเป็นของสูงอันจะบูชาไว้ต่ำกว่าเอวไม่ได้ ท่านบอกว่าผู้บูชาจะเจริญด้วยมนุษย์สมบัติ..สวรรค์สมบัติ..เเละนิพพานสมบัติทีเดียว ที่สำคัญไปไหนไม่มีใครกล้าเกลียด(ถ้าไม่ทำตัวเเย่จนเกินไป) เป็นมหานิยมเเก่คนหมู่มาก หลายๆคนที่ถามหาเครื่องมงคลซึ่งอยยู่เหนือกว่าการบันดาลโชคลาภธรรมดา ความจริงนั้นย่อมมีเเละทำยากแถมให้บูชายาก นอกจากจะดีด้านโชคลาภถึงที่สุดแล้วท่านยังแปลงสูตรใส่ยันต์เฉพาะของท่านให้เป็นมหานิมมหาหลงแก่ชนทั้งโลก ท่านว่ายกตะกรุดทูนหัวเเตะหน้าผากเป็นเสน่ห์ไปหาผู้หญิงก็รักโทษถึงตายเห็นหน้าเข้าทำไม่ลงรักยิ่งกว่าลูก นอกจากนั้นยังใช้ป้องกันสิ่งที่มองไม่เห็นที่คิดจะประทุษร้ายเราคล้ายๆเป็นพยนต์ชนิดหนึ่ง(ตะกรุดตัวนี้เป็นตะกรุดมีชีวิตบังเงา,บังตัว,กันภัยได้)
### เวลาจะออกไปไหนหรือก่อนจะนอนหลังจากสวดมนต์ไหว้พระเสร็จให้อธิษฐานกับตะกรุดว่า ตัวกูอย่าทำ..ถ้าเป็นคนอื่นให้ทำเถิด แค่นั้นหลับได้สบายภูติพรายที่ไหนก็ไม่ได้เข้าใกล้ ท่านลงไว้ครบถึงขนาดถ้าจะเข้าหาผู้หญิงสะกดขึ้นเรือนเขาได้(เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากเรื่องโชคลาภ ซึ่งไม่เเนะนำให้ทำ)
พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดสิทธิลาภนั้นเป็นของทำยากต้องใช้ความตั้งใจมากเป็นพิเศษเพราะเป็นของสูงที่พ่ออาจารย์ได้รับสื่อให้สร้างจากองค์พรหมสหัมบดี ดังนั้นจึงหายห่วงได้เรื่องเเรงครูเป็นของสูงของศักดิ์สิทธิ์ที่มีประสบการณ์มากจะนำพาชีวิตให้มีเเต่เจริญขึ้นที่เท่าเดิมหรือต่ำกว่าเดิมไม่มี เป็นวิชาทำตะกรุดครูหนึ่งในสามชนิดของท่าน
*** ทั้งสมัยก่อนพ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าครูที่สอนท่านนั้นมีเมียร่วมร้อยอยู่ด้วยกันได้ไม่ทะเลาะกันซักคน เป็นเราๆนั่นทำไม่ได้เเน่แต่ครูท่านเองก็ไม่ได้ใช้วิชาอะไรมากท่านใช้เพียงมนต์พระสีวลี(งงมั้ย) ปกติจะเข้าใจว่าพระสีวลีเป็นเรื่องลาภผลเงินทองเเต่พ่ออาจารย์กล่าวว่านั่นก็ถูกเเต่ยังมีอีกมากกว่านั้น ท่านว่ามันรวมไปหมดทั้งโชคทั้งลาภสักการะแม้แต่โชคที่มีชีวิตโชคที่ได้จากสัตว์สองเท้าด้วย ถ้ารู้ถ้าทำเป็นปลุกขึ้นมนต์พระสีวลีนี้จะให้ดีกว่าขุนแผนก็สามารถทำได้
***ซึ่งครูท่านได้ลบถมผงพระสีวลีตัวพิเศษนี้ไว้โดยพ่ออาจารย์ท่านนำมาใช้อุดตะกรุดสิทธิสะเาะลาภโดยเฉพาะ(แลร์ไอเทมนี้ไม่มีในตะกรุดสิทธิลาภทุกตัว เพราะอาถรรพ์มาก แรงครูสูงมาก) เอามาผสมกับทรายทองเพิ่มพูนเป็นแร่ทรายศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตักเท่าไหร่ก็ไม่พร่อง ถึงตักมาใช้ทำเครื่องมงคลหมดไปหาอีกทีก็มีวางไว้ที่เดิมเต็มเหมือนเดิมอาศัยเหตุที่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่พร่องเเละเต็มตลอดถือเคล็ดตรงนี้อุดไว้ให้เพื่อผู้บูชาจะได้ไม่พร่องในทรัพย์สินเงินทองเเละมีเต็มมือ..มีมากพอ..มีเกินพอ..ไม่รูจักพร้องไม่รู้จักหมด
ต้นวิชา
แต่ตะกรุดดอกน้อยนี้คือหัวใจต้นวิชาตะกรุดสิทธิลาภซึ่งพ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าสิทธิพรหมสะเดาะลาภ..เอาไว้แก้กรรมการทำมาหากิน วิชานี้มีคุณมากในทางแก้กรรม
- ยิ่งมีความทุกข์มาก..ยิ่งรวยมาก
- ยิ่งชีวิตเศร้าหมองมาก..ยิ่งรวยมาก
- ยิ่งเจอปัญหาเดือดเนื้อร้อนใจมาก..ยิ่งรวยมาก
- ยิ่งพบความขัดข้องไม่รู้สิ้นสุด..ยิ่งรวยมาก
เช่นนี้เองที่พ่ออาจารย์ท่านจึงบอกอยู่เสมอว่ามันเป็นเรื่องบ้าๆและบ้ามากจริงๆ พูดไปคนก็ยากจะเชื่อแต่นี่แหละคืออำนาจองค์บรมพรหม ถ้าไม่เชื่อก็อย่าเอาไปใช้เลยท่านให้ไว้เป็นสิทธิ..เป็นสิทธิขาด..เป็นอภิสิทธิ์แก่ผู้ได้ครอบครอง ยามเมื่อชีวิตเดือดร้อนยิ่งร้อนมากเท่าไหร่ตะกรุดก็จะยิ่งสะเดาะพระโศกให้กลายเป็นโชคลาภความร่ำรวยมากเท่านั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าในชีวิตคนนั้นต่อให้รวยล้นฟ้าสบายไปเจ็ดชั่วโคตรยังไงมันก็หนีทุกข์โศกไม่พ้นอยู่ดี วิชานี้จริงๆแล้วก็อุปมาดังคำเตือนจากครูบาอาจารย์ท่านให้แปรทุกข์โศกเป็นความสุขนั่นเอง ทั้งท่านเห็นว่าสถานการณ์โลกในปัจจุบันนี้จะแย่ลง การนำพาโชคลาภธรรมดาด้วยวิธีปกติย่อมทำได้ยากขึ้น ### ทั้งตอนนี้ความทุกข์โศกของคนนั้นมีอยู่ล้นพ้นตัวเข้าเงื่อนไขบรมพรหมมากที่สุด ท่านจึงให้ใช้ตะกรุดชุดนี้ได้
เห็นฤทธิ์จนชินหู..ชินตาแล้ว
ด้วยจะกลับร้ายกลายเป็นดีเปลี่ยนเรื่องวิตกกังวลในชีวิตเป็นความสุขใจ พ่ออาจารย์ท่านว่าทางออกของปัญหาปากท้องสรุปจบที่ความร่ำรวย..คนมีเงินเขาจะทุกข์ก็ไม่นานแต่หากเงินหมดเขาจะทุกข์นานเพราะอยู่ไม่รอด เช่นนั้น "บรมพรหมถอดพระโศก"ตัวนี้ท่านจึงลงให้สัมพันธ์กับสิทธิพรหมสะเดาะลาภ เป็นตะกรุดดอกเล็กตำรับใหญ่ซึ่งมีกฤติยาคมสอดประสานขานรับกันอย่างน่าทึ่งและเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาภาคพระเจ้าโปรดโลกขององค์บรมพรหมเมื่อเข้าสู่กลียุค พ่ออาจารย์ท่านว่าหน้าที่พรหมปัญจะสุทธาวาสไม่ใช่แต่เพียงคอยลงมาแนะนำวิทยาการต่างๆแก่มนุษย์หากแต่ในทุกข์เข็ญท่านก็ยังลงมาช่วยคนของท่านด้วยเช่นกัน(แต่ไม่ได้ช่วยทั้งหมด ..ท่านช่วยเพียงคนที่เลือกท่านและท่านเลือก)
เช่นนี้บรมพรหมถอดพระโศกจึงบอกโดยตรงว่าใครเป็นคนช่วยเหลือเป็นคนถอดทุกข์โศกออก พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดตัวนี้ไม่มีความหมายอื่นใดซับซ้อนเลยเพราะมันสรุปตรงตัวคือยิ่งซวย..ยิ่งรวย,ยิ่งโคตรแย่..ก็ยิ่งโคตรรวย มันมีอยู่เพียงเท่านี้จริงๆเพราะท่านว่าหากรวยแล้วไอ้ที่แย่มันก็จะลดลงชีวิตมนุษย์หนีทุกข์ไม่พ้นก็ดุจเราที่หนีความรวยไม่พ้น หนีความสบายไม่ทันมันเป็นค่ายกลกลับตาลปัตรได้ถึงปานนี้ท่านจึงบอกไว้แต่แรกว่า "ฉันไม่อยากจะพูดถึงตะกรุดตัวนี้เลยเพราะมันเป็นเรื่องบ้าๆ และโคตรบ้าบอ" แต่ก็นั่นแหละท่านว่าวิชาแบบนี้มันมีอยู่จริงจะปรากฏในยุคสมัยที่สมควรไม่ได้มีมากพอจะยกคนได้ทั้งโลกเพียงแต่มีไว้ให้เท่าคนที่ครูท่านเลือก ลองว่าถ้าคนซวยมันกลับมารวยได้ก็เลิกพูดไปเลยไอ้เรื่องหนุนดวงหนุนฐานะท่านว่าปลดกังวลปัญหาใหญ่ในชีวิตไปเอาเวลาไปห่วงเรื่องป่วยเรื่องตายแทนเท่านั้น เพราะชีวิตมันพลิกผันไปหมดแล้วดวงมันไม่ร้ายไม่เหลือทุกข์โศกแล้ว
..นี่คือถอดพระโศกตำรับใหญ่ของบรมพรหม ไอ้ความโศกธรรมดาน่ะฉันไม่ถึงนะเพราะตำรับนี้มันเรียกว่าพระโศกแปลว่าเป็นยอดเป็นโคตรวงศ์ของความโศกทั้งหมดไม่มีอะไรจะพินาศล่มจมได้เท่านี้ แบบนี้ฉันถึงเรียกว่าเป็นเรื่องบ้าแต่เกิดขึ้นจริงด้วยวิชาสายบรมพรหมท่านจะเน้นปาฏิหาริย์แบบเหนือโลกแม้คนใช้ยิ่งได้ดีจนตาค้างงงกับตัวเองไปทั้งชีวิต คนที่เคราะห์ภัยจวนตัว,โดนเล่นงานหมดเนื้อหมดตัว,โดนกระทำด้วยคนด้วยผีจนสิ้นเนื้อประดาตัว...ยิ่งหนักหนายิ่งรวยแรง จะบังเกิดโชคลาภมั่งมีเงินทองไม่สะดุดในแผนงานของตัวเอง ทั้งเจริญก้าวหน้าตักตวงได้มากกว่าคนอื่น พ่ออาจารย์ท่านว่าพระโศกนี่มันรวมหมดนะไอ้คนประเภทที่ว่าดวงมันมีโชคมีลาภแท้ๆแต่ผีห่าเวรกรรมมาบดบังจับต้องอะไรไม่ได้ซักทีจนรอบดวงมันเคลื่อนออกไปหมด..มีโชคแล้ว..มีโชคอีก..ปีแล้วปีเล่าแต่กลับจนอยู่มือเปล่าค่าเท่าเดิมท่านว่านี่แหละตัวถอดพระโศกถอดออกเบิกทางถอดเอาไอ้ผีห่าเวรกรรมที่ถาโถมซัดสาดออกไป ..*** ใครที่ทันใช้ ฉันขอเถิดอย่าเอาไปทำผิดศีลธรรม เมื่อมีแล้วให้คิดถึงยามไม่มี อย่ารังแกใคร
ตะกรุดตัวนี้ฉันกล้าพูดว่า "เห็นฤทธิ์กันมาจนชินหูชินตาแล้ว" นั่นก็เพราะแต่ก่อนที่ฉันทำชุดนี้ไว้ฉันไม่ได้เอาออกให้ใครใช้ง่ายๆนะเพราะองค์บรมพรหมท่านกำชับไว้เลยว่าไม่บ้านแตกสาแหรกขาดจะทุกข์ร้อนอย่างไรก็ห้ามใช้ตะกรุดชุดนี้ ..แต่ก็นั่นแหละพ่ออาจารย์ท่านว่าคนที่ฉิบหายขนาดบ้านแตกสาแหรกขาดกลับมีอยู่เรื่อยๆ เป็นความซวยชนิดที่ว่าไม่เหลือที่พักอาศัย..ไม่เหลือญาติพี่น้อง..ไม่เหลือหน้าที่การงานแล้ว ท่านจึงนำตะกรุดชุดนี้สงเคราะห์เขาไปหนึ่งคนหนึ่งดอก เพราะท่านถือว่าสิ่งที่พวกเขาเจอแต่ละอย่างมันเป็นที่สุดแล้วแห่งความทุกข์โศกไมสามารถแก้ไขด้วยวิธีอื่น พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เป็นดัางบรมพรหมท่านปกาศิตว่าถอดพระโศกเดี๋ยวนี้เห็นรวยกันทุกคน..ง่ายๆนั่นก็คือไม่ว่าจะเคยเจออะไรย่ำแย่มา ***มีแต่รวย
พ่ออาจารย์ท่านเห็นว่าคนทุกวันนี้ชีวิตเจอปัญหาหลายทางคิดไม่ตกหาทางออกไม่เจอ บางคนที่หนักเลยก็มืดแปดด้าน อย่างดีหน่อยก็ชีวิตติดๆขัดๆท่านจึงเห็นสมควรแก่เวลาว่าจะเปิดจองตะกรุดชุดนี้ ด้วยท่านว่าอยู่กับท่านไปท่านก็ขี้เกียจรักษารอเวลาพบเจอเจ้าของแล้ว ท่านขอเพียงเก็บเอาไว้กับตัวหนึ่งดอกเพียงเท่านั้นที่เหลือท่านจึงให้นำมาเปิดจองทั้งหมด ท่านว่าคนที่ทุกข์หนักจะได้ไม่ไปเสียเวลาสะเดาะเคราะห์แก้กรรมกันที่ไหน ฉันให้เอาไปใช้เลี้ยงตัวเพื่อเอาตัวให้รอด
### และฉันบอกไว้เลยฉันให้บูชาดอกละ 900 หนนี้หมดแล้วก็หมดกันไปต่อไปฉันทำไม่ได้อีกเพราะฟ้าจะผ่าหัวเอา วิชาพวกนี้เหมือนไปรับกรรมแทนเขานึกจะทำก็ทำไม่ได้เลยนอกจะครูบรมพรหมท่านเปิดทางอนุญาติเป็นครั้งๆ ท่านว่าสืบไปเบื้องหน้าเอาเงินมากองทีละหมื่นทีละแสนทีละล้านฉันก็เขียนตะกรุดดอกนี้ให้ใครไม่ได้ เพราะมันไม่มีวาระไม่มีโอกาสทำแล้ว ใครที่ทันเขาก็โชคดีของเขาไปถือว่าเอาไปถอดโศกถอดเคราะห์ร้ายออกจากชีวิตได้ทันเวลาคนที่ไม่ทันกาลเปิดมาไม่ทันก็เข้าค่ายที่ว่าวาสนาไม่ต้องกันเท่านี้ (พ่ออาจารย์ท่านว่าตะกรุดชุดนี้ท่านลงกันคุณกันของเสริมเอาไว้ด้วยเพราะคนยุคนี้แข่งขันกันหนักหน่วง ไอ้ที่ไร้สติมันก้มีอยู่มากของที่กันคุณถอนอวิชชาได้ติดตัวไปเถอะมีสิบชิ้นร้อยชิ้นก็ยิ่งดีทั้งเครื่องมงคลพระเครื่องเครื่องรางต่างๆ เพราะมันเป็นความปลอดภัยในชีวิตตัวเองพอเกิดแล้วมาตามแก้มันจะไม่ง่ายเหมือนตอนป้องกัน)
ตะกรุดชุดนี้แต่เดิมเป็นวิชาของบรมพรหมท่านว่าในยุคหนึ่งๆจะปรากฏขึ้นบนโลกเพียงไม่กี่ครั้ง เป็นวิชาที่พ่ออาจารย์ท่านยอมรับในความแรงและอาถรรพ์ที่คนใช้ต้องถือไว้ให้ได้ ###นั่นคือห้ามเปิดเผยแก่ผู้อื่นว่าตัวเองได้ดีเพราะตะกรุดชุดนี้ ต่อเมื่อจะส่งมอบกันในหมู่ทายาทใกล้ชิดจึงจะบอกเขาได้(เป็นของสำคัญสืบวงศ์ตระกูล) พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันทำมาดีแล้วมีครบทุกรสเหมือนแกงหม้อหนึ่งคนนึงชอบเปรี้ยว,คนนึงชอบหวาน,คนนึงชอบเค็ม..ด้วยลิ้นคนนั่นไม่เหมือนกันแต่พอกินแกงหม้อเดียวกันกลับตอบว่าอร่อยทุกคน ..พระโศกนั้นก็เหมือนลิ้นคนเช่นนี้แหละแต่ละคนโดนมาไม่เท่ากันมากน้อยต่างกรณีกันแต่พอมาถึงตะกรุดตัวถอดพระโศกย่อมหลุดพ้นแล้วทุกคน
คาถาบูชา(ตั้งมั่นในคุณบรมพรหมเป็นที่สุด)
โองการะพินธุนาถังอุปปันนัง พรหมมาสะหะปะติ นามะอาธิกัปเป สุอาคะโต ปัญจะปทุมังทิสวา นะโมพุทธายะวันทะนัง
*** ตะกรุดชุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันพูดมากไม่ได้เพราะรายละเอียดมันน้อย ก็อย่างที่บอกว่าเป็นของโคตรบ้าและบ้ามากๆ รายละเอียดที่บรมพรหมท่านกำชับไว้ มีเพียง..รวย แค่เท่านี้ตัวเดียวไม่มีคติอื่น ยิ่งซวยมากยิ่งรวยมากเพียงเท่านี้
*** ตะกรุดชุดนี้หากใครจะเช่าไปเผื่อญาติพี่น้องลูกหลาน พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เช่าไปเสียหนนี้เลยเพราะฉันทำได้เพียงครั้งเดียวอนาคตต่อให้จ้างกันเป็นแสนเป็นล้านซักครึ่งดอกฉันก็เขียนไม่ได้
2.ผงมงคลยารักตันตระอภิรมย์ศิวะตาณฑวะ(กาลึงคะกามสูตร)
หากกล่าวถึงครูพระสยมแล้วหลายๆคนย่อมทราบคร่าวๆว่าเป็นครูใหญ่ฝ่ายเทวะที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจเผยแผ่เกียรติคุณของท่านมายาวนาน แต่น้อยคนนักที่รู้อะไรลึกๆ...พ่ออาจารย์ท่านว่าพระศิวะนั้นคือกลไกยิ่งใหญ่อันลี้ลับซึ่งพระองค์จะเป็นผู้ผลักเคลื่อนมวลพลังธรรมชาติ โดยพลังเหล่านี้แม้มนุษย์จะเข้าใจว่ามีอยู่หรือรู้ว่ามีก็ไม่สามารถเข้าถึงหรือเชื่อมต่อกระแสนั้นเพื่อนำพลังงานไปใช้ได้ ท่านว่าหากอยากเข้าไปสัมผัสพลังงานเหล่านั้นจำต้องฝึกตนด้วยโยคะ ดังนี้ครูพระสยมท่านจึงให้สร้างพระสำคัญเพื่อเชื่อมต่อมหากระแสให้ผู้ศรัทธาในรูป ในนามของท่านได้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง ในพลังที่เป็นวงจรเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามันมีความลึกซึ้งอยู่มากเพราะทั้งจังหวะและอุบัติการณ์ต่างๆในลีลาของธรรมชาติล้วนเกิดขึ้นเมื่อครูพระสยมท่านผลักเคลื่อนมวลพลังทั้งหลาย
ซึ่งครูพระสยมท่านต้องการให้พ่ออาจารย์ทำพระผงตาณฑวะและต้องเป็นพิมพ์นี้เท่านั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อพระศิวะทรงเต้นตาณฑวะ การเต้นนั้นก็ถือเป็นการเคลื่อนวงจรพลังงานชีวิตให้ปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงสิ้นสุด เมื่อพระองค์ทรงเต้นอย่างร้อนแรงและรวดเร็วขึ้นจังหวะและวงจรที่จะเกิดอุบัติการณ์ต่างๆในลีลาของธรรม ของกรรม ของชีวิตก็จะหมุนไปอย่างรวดเร็วนั่นคือกาลเวลาตั้งแต่เกิดจนดับ จะได้หรือมี จะอยู่หรือตาย จะรักษาหรือจะทำลายนั้นย่อมถูกควบคุมด้วยกระแสพลังธรรมผ่านการผลักดันขับเคลื่อนของตาณฑวะทั้งสิ้น พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระสยมท่านตั้งใจให้เราทำพระผงตาณฑวะนี้ก็เพื่อให้เหล่าผู้มีศรัทธาในตัวท่านได้อาราธนาพระผงคุณวิชาติดตัว จะได้ซึมซับและผลักดันกระแสพลังงานต่างๆให้คงที่ไม่มากไปจนร่างกายผิดปกติ ไม่น้อยไปจนเกิดโรคภัยและความยากลำบาก ที่ต้องเพียรพยายามมากหน่อยก็ลดลงมา ที่ไม่ได้ก็ต้องได้ ที่ไม่มีก็ต้องมีต้องเกิด เรียกว่าปรับจังหวะหลายอย่างในชีวิตให้ลงตัวหรือให้มีความพอดีนั่นเอง ท่านว่าชีวิตของใครที่คิดว่าขาดความพอดี,ขาดสมดุลย์,ยังไม่ลงตัวเหล่านี้ต่อไปเขาจะต้องเข้าถึงองค์พระศิวะเพื่อจะใช้กำลังแห่งตาณฑวะเปลี่ยนแปลงตัวเขา ด้วยการเต้นรำของพระศิวะก่อให้เกิดปฏิกิริยาของการสร้างโลกและมนุษย์เป็นพลังการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากการสร้างของพรหม เพราะจังหวะของตาณฑวะนั้นดำเนินไปอย่างร้อนแรงและรวดเร็วมาก ดังนั้นคนที่ใจร้อนหรือมีปรารถนาสิ่งใดที่แข่งกับเวลา หรือมีเป้าหมายที่ต้องการความสำเร็จและเห็นผลในระยะอันใกล้เช่นนี้จึงจำเป็นต้องใช้พลังแห่งตาณฑวะนี้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นการสร้างสรรค์,ผลักเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่สุด
ความหมายแห่งตาณฑวะ
ศิวนาฏราชจะปรากฏในท่าย่างสามขุมหรือเรียกว่าตรีวิกรมโดยมีสัญลักษณ์ที่พระกรขวาถือกลองคือการสร้างโลก พระกรซ้ายมีเปลวเพลิงล้อมเป็นกรอบคือการสิ้นสุดที่ไฟจะเผาผลาญโลก เสียงกลองเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในจักรวาล นั่นคือกลองเป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ทั้งมวลในขณะที่อัคนีเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายล้าง ทั้งนี้การทำลายล้างนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นการทำลายเพื่อให้เกิดใหม่ ให้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม ทั้งยังล้างความชั่ว ล้างอวิชชาทั้งหลายให้หมดไป เพื่อเปิดเส้นทางการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาใหม่และสร้างสิ่งที่เป็นมงคลเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อแขนทั้งสองซึ่งแทนการสร้างสรรค์และการทำลายล้างนี้กางออกไปในระดับเสมอกันย่อมบ่งบอกถึงสัจธรรม"มีเกิด ก็ย่อมมีดับ" นั่นเอง ในขณะที่อะไรที่ดับไปแล้วก็ย่อมเกิดขึ้นมาใหม่ได้ ส่วนมือด้านหน้าขององค์ท่านนั้นอยู่ในปางอภัยด้วยท่านตั้งใจจะบอกทุกคนว่า"จงอย่าได้กลัวสิ่งใดๆเลย"เพราะไม่มีภัยใดๆจะมากล้ำกรายต่อเราได้ด้วยครูพระสยมท่านจะเป็นผู้ปกป้องเราเสมอ ทั้งมืออีกข้างที่มีลักษณะดั่งงวงช้างนั้นปลายนิ้วย่อมชี้ลงไปที่พระบาท อันพระบาทที่ยกขึ้นมาจากพื้นย่อมบ่งบอกถึงการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ส่วนพระบาทที่ยืนเหยียบอย่างมั่นคงนั้นแทนการเหยียบสะกดข่มอวิชชาไม่ให้โผล่ขึ้นมาบดบังความจริง,ความรู้แจ้ง ในขณะที่เกศาของท่านแผ่ขยายไปทั้งซ้ายและขวาดุจว่าไม่ยึดติดและละทิ้งชีวิตทางโลก
พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพระสยมนั้นท่านกำชับเสมอว่าพิมพ์ทรงตาณฑวะนี้ต้องกลับข้างกันท่านกำหนดให้ไขว้ขาในท่ากลับข้าง ท่านว่าวงจรทุกอย่างจะได้กลับทั้งหมด เป็นวิชาเพชรกลับจะเปลี่ยนจากร้ายให้กลายดี ซึ่งวิชานี้เมื่อจุติในเทวศาสตร์แห่งครูพระสยมย่อมได้ชื่อว่ามีอาถรรพ์สูงที่สุดแม้ผู้ที่จะกระทำการปลุกเสกต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงอีกทั้งต้องชำนาญในการเข้าออกสมาธิ ต้องบริกรรมพระคาถาปลุกเสกจำเพาะทั้งเดินหน้าและถอยหลัง พ่ออาจารย์ท่านว่าขณะที่บริกรรมปลุกเสกนั้นหากวางอารมณ์ผิดแม้แต่นิดเดียวตรงนี้อาจถึงขั้นเสียสติวิปลาสหรือไม่ก็มีอันเป็นไปประสบวิบัติต่างๆ เพราะนี่เป็นวิชาเพชรกลับของครูพระสยมที่มีอาถรรพ์มาก และทำเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตคน ดังนั้นนอกจากพ่ออาจารย์ท่านจะทำวิชาปลุกเสกแล้วยังเชิญครูพระสยมท่านมาทำให้ด้วยอีกแรงหนึ่ง ท่านว่าต่อให้เราทำได้ดีซักร้อยครั้งก็ไม่สู้ครูท่านทำให้เสียครั้งเดียว
นอกจากนั้นเหตุหนึ่งแห่งการเกิดตาณฑวะยังปรากฏขึ้นด้วยปรากฏการณ์ของความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ด้วยความเสน่หาและระลึกถึงอย่างยิ่งยวดที่องค์มหาเทพมีต่อพระชายา เมื่อพระแม่สตีสิ้นไปกับไฟพระองค์ทรงแบกพระศพพระแม่สตีที่ยังถูกเผาไม่หมดไปทั่วทั้งจักรวาล และทรงเต้นตาณฑวะจนจักรวาลกำลังจะเข้าสู่การทำลายล้างเป็นมหาวิจุณ พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยเหตุนี้เองครูพระสยมจำให้สร้างพระผงตาณฑวะขึ้นอีกครั้ง เพราะพระผงนี้แสดงอออกถึงกำลังอันจะเปลี่ยนแปลงกฏแห่งธรรมทั้งหมด โดยมีพลังพื้นฐานที่ใช้ขับเคลื่อนมาจากความรัก,ความเสน่หาและความคิดถึงอย่างยิ่ง ทั้งในกระบวนการวิชาทางมายาศาสตร์ทั้งหลายที่พ่ออาจารย์ท่านถนัดที่สุดก็คือวิชาในฝ่ายของเทววิทยา พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าวิชานี้แต่เดิมท่านไม่เคยลงหรือทำให้ใครเต็มวิชาเช่นนี้มาก่อน ด้วยว่าวิชานี้หาผู้รู้และสืบทอดยากนักท่านเลยประสงค์จะทำไว้เสียซักครั้งหนึ่ง สืบเนื่องจากวิชานี้พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าเป็นวิชาด้านมหาเสน่ห์ที่รุนแรงสูงสุดในสายของพระศิวะเทพ ซึ่งแน่นอนว่าพระองค์นั้นเปรียบประดุจดั่งมหาเทพที่มีบทบาทสำคัญสูงสุดของนิกายตันตระทางเรื่องกามารมณ์เลยก็ไม่ผิด เช่นนั้นนี่จึงเป็นที่สุดของที่สุดซ้ำยังเป็นวิชาที่ถูกถ่ายทอดผ่านมาทางอารยธรรมเขมรโบราณยาวนานนับพันปี เป็นศาสตร์อันสงวนไว้ รักษาไว้ สืบทอดไว้ ให้มีใช้กันเฉพาะกลุ่ม เรียกว่าคนนอกไม่มีสิทธิ์ได้รู้หรือได้ครอบครองแม้เศษเสี้ยวของวิชาลับนี้เลย ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นวิชามหาเสน่ห์ที่รุนแรงสูงสุดของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้ประทานให้ไว้แก่ศิษย์ผู้ศรัทธา เป็นวิชาทำผงมงคลที่เรียกว่า"ยารักตันตระอภิรมย์"
พ่ออาจารย์ท่านว่าการทำผงยา หรือการลบผงในสมัยโบราณนั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ผงที่ลบได้นั้นถือว่ามีความศักสิทธิ์ ทั้งผงที่ลบเกิดจากการลบนะวิเศษต่างๆที่ต้องเขียนตามกลบทพร้อมกับเรียกสูตรเรียกนามให้บังเกิดให้ผงมีชีวิต,มีจิตวิญญาณพร้อมทั้งเสกเพิ่มฤทธิ์และอิทธิคุณเสร็จแล้วจึงนำผงเหล่านั้นมาสร้างเครื่องมงคล เช่นนี้แม้ตัวท่านหรือคณาจารย์ในสมัยก่อนจึงมีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือหวงแหนผงที่ลบมาก ใครมาขอผงนี่ต้องรู้ต้องถามก่อนว่าจะเอาผงที่ลบไปใช้ทำอะไร ในสมัยก่อนคนที่เล่นทางไสยเวทย์นั้นจะรู้กันดีว่าผงสามารถนำไปผสมสิ่งต่างๆให้คนทั้งหลายกินให้เขาตามมารักเรา หรือจะเอาไปผสมแป้งผัดหน้าตา ผสมสีผึ้งสีปากตนเช่นนี้เพื่อให้เกิดเป็นเสน่ห์ลุ่มหลง แม้จะผสมน้ำประพรมของเป็นมงคลให้ค้าขายดีก็ยังทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้พ่ออาจารย์ท่านว่าก่อนจะเป็นองค์พระ เธอรู้มั๊ยว่าผงนี้ต้องเสกจนมีชีวิต เรียกว่าแม้กาลเวลาจะกัดกร่อนพระนี้เหลือเพียงฝุ่นผงก็ยังต้องคงความศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้อยู่ จะเปรียบผงวิเศษเสมือนพระหรือตระกรุดก็ได้นั่นคือมันดี มันสำเร็จ มันมีคุณในตัวของมันเอง เช่นนั้นโบราณจารย์ท่านจึงห้ามคนที่บูชาพระหลายๆอย่างเช่นห้ามขูดผงที่องค์พระให้คนอื่นกินเป็นอันขาด สำหรับ"ผงยารักตันตระอภิรมย์นี้ก้เช่นกัน" คนที่บูชาไปท่านว่าให้อธิษฐานใช้ได้เลยตามความประสงค์สารพัดของตน ท่านว่าผงที่ได้มาจากการเขียนไปเสกไปลบไปเช่นนี้ทำได้น้อยและกว่าจะได้ประมาณนึงก็ใช้เวลานานอย่างมากจึงไม่นิยมมอบให้ผู้ใดเพราะพระผงเหล่านี้จะมีอานุภาพมากและใช้เวลาเสกนานใครได้ไปก็ควรที่จะหวงแหน
ผงยารักตันตระอภิรมย์
เป็นวิชาทำยาทางสายเทพเจ้าดึกดำบรรพ์ ต้นวิชาคือครูพระสยม มีอานุภาพไปทางเสน่ห์หา กามารมณ์กับเพศตรงข้าม จึงมีคำกล่าวว่าให้มียารักนี้ติดตัวก็อย่าคิดออกบวชหรือเป็นบรรพชิตเลยคำกล่าวนี้การันตรีความแรงได้อย่างดีที่สุดในวิชาเสน่ห์แห่งพระศิวะเป็นเจ้า วิชาทำยานั้นสืบทอดต่อกันมาในศิษย์ของสายวิชาอิสีศาสตร์ เป็นยาที่ถูกถูกปิดบังกล่าวกันแค่ในหมู่ลูกศิษย์ที่เรียนวิชาเท่านั้นถือเป็นศาสตร์ลึกลับที่สืบทอดส่งต่อวิชาอย่างบริสุทธิ์ พ่ออาจารย์ท่านว่าจำต้องส่งต่อกันผ่านครูเบื้องบนเท่านั้นเป็นวิชาที่ตรงตัวและตรงประเด็นในเรื่องความสุขสมอภิรมย์ในทุกสิ่งที่เกิดจากกามตัณหา,ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายใจ,รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะทั้งหลาย ด้วยมนุษย์เกิดมาเมื่อถึงเวลาสูญสิ้นก็หนีไม่พ้น เช่นนั้นยารักจึงเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งที่สืบทอดแต่โบราณ จะเห็นว่าเมื่อมีความต้องการคนย่อมแสวงหาหนทางให้ได้ครอบครองถึงขนาดฆ่ากันรบกันถึงชีวิตก็มี พ่ออาจารย์ท่านว่ายานี้ตั้งใจฝังให้เพื่อให้เสริมแต่งพลังงานร่างกายให้มีกำลังวังชาจะไม่ไปเพิ่มความปรารถนาจนจิตฟุ้งซ่านหรือเกิดมารในตัวเอง คนที่จะใช้ไปทางหาคู่เพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์ให้ได้คู่ครองที่ดีมีชาติตระกูลเช่นนั้นก็ได้ แต่ถ้าคนเจ้าชู้ใช้ท่านว่าทำอะไรก็รับกันไปเองหากจิตเราหนักไปทางตัณหาราคะ ต้องการอย่างไรมันก็จะเข้ามาอย่างนั้น ดังนั้นยารักตันตระนี้จึงเป็นวิชาที่ช่วยให้มนุษย์ประสบผลสำเร็จในการหาคู่อภิรมย์ หรือหากผู้ใดมีจิตใจมุ่งมั่นกล้าแข็งไม่ได้นำไปเพื่ออธิษฐานเรื่องคู่ครอง ก็จะสำเร็จในกามคุณทั้งหลาย ทั้งหน้าที่การงาน ความสุขจากทรัพย์สมบัติและวาสนาบรรดามี ได้อภิรมย์ในสิ่งที่ตัวเองนิยมชมชอบ "นิยมสิ่งไหนชอบอะไรก็ได้อย่างนั้น" พ่ออาจารย์ท่านว่าอันนี้ต้องถามตัวเองก่อนว่าจิตใจเราอยากได้อะไร เพราะเป็นยาที่เกี่ยวกับครูพระสยมและองค์พระแม่อุมาถือเป็นยาปฐมกำเนิดต้นแห่งกามสูตร เป็นปฐมแห่งการเกิดชีวิตและดำเนินวงจรชีวิตอย่างลึกซึ้ง *** พ่ออาจารย์ท่านนำยารักสำคัญนี้ใส่ขวดบรรจุให้ในองค์ตาณฑวะโดยเฉพาะ
ในส่วนของมวลสารองค์ครูพระสยมนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้รวบรวมผงเกสรมงคลทั้งเก้า,ผงดอกรักซ้อน,ผงว่านดอกทอง,ผงเสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์ เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์เขียว เสน่ห์จันทร์หอม,ผงเสน่ห์จันทร์ทอง,ผงหิ่งหายผี,ผงไม้กาหลงรากรักซ้อน,ผงไม้กาหลงรากมะยม,ไม้ยอตายพราย,ผงยาสัก,ผงหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์,ผงรังต่อหัวเสือ,ผงรังแตน,ผงรังผึ้งขวางตะวัน,ผงไม้คูณตายพราย,ผงพรายตานี,ผงพรายตะเคียน,ผงกาฝากรัก,ผงกาฝากมะยม,ผงกาฝากขนุน,ดินเจ็ดนครเก้าบุรี,ดินขุยปู,ดินจอมปลวก,ข้าวก้นบาตรหินพระฤาษี,ชานหมากหินพระฤๅษี, เพชรหน้าทั้ง,ผงเสน่ห์ยาแฝดสายเขมร,น้ำมันตบะเสือ,น้ำมันกำลังหมี,น้ำมันหมื่นคาถา,น้ำมันแกแล,น้ำมันร้อยชู้,น้ำมันหนูกินนมแมว,น้ำมันนาคกระสัน,น้ำมันเสน่ห์นางอกแตก...ท่านนำมวลสารทั้งหมดมาหมักและผสมคลุกเคล้าปั้นเป็นแท่งผงก่อนจะลงยันต์ทำผงวิเศษต่างๆ ได้แก่ ผงดันดะสมาสธิคุณ,ผงขุนแผนชมตลาด,ผงคาถาเณรแก้ว,ผงคาถาพรายแก้ว ,ผงยันต์นะเสน่ห์ร้อยแปด,ผงกำเนิดราคะ,ผงศิวลึงค์แผลงฤทธิ์,ผงอุค้ำฟ้า,ผงวิชากามเทพแผลงศร,ผงวิชานางอัปสรสวรรค์,ผงนาคเกี้ยว,ผงนาคีเสน่หา...ท่านว่าพอเสกผงครบแล้วก็นำผงทุกชนิดมาครอบด้วยวิชากาลึงคะกามสูตร พ่ออาจารย์ท่านว่าผงชุดนี้ไม่มีพรายผสม หากแต่เกิดจากการลบผงในกระดานชนวน ทั้งเสก ทั้งเรียกให้กำเนิด เสกเรียกฤทธิ์ให้เกิดเป้นกายสิทธิ์ ท่านว่าเขียน,เสก,ลบทำสลับกันซ้ำๆอยู่เช่นนี้
นอกจากผงยาตันตระแล้ว พ่ออาจารย์ท่านยังฝังสิ่งต่างที่มีอิทธิคุณในตัวเอง ดังนี้
- ตะกรุดนารายณ์สังหาร ใช้แก้อาถรรพ์ชีวิต ท่านว่าทำให้เต็มสูตรสาธยายมนต์พราหมณ์โบราณกำหนดตั้งจิตบรรจุคุณมนต์จนตัวท่านเกิดนิมิตและตะกรุดเกิดปฏิกิริยาครบถ้วนต้องตามตำรา ท่านว่าใช้สังหารทุก,โทษ,ภัย ในคราวเคราะห์ทั้งหลายที่กระหน่ำซ้ำเติมชีวิตเราได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
- แร่ต่อยอด "แร่นี้ตกอยู่ที่ไหนที่นั่นจะเจริญเติบโตงอกงาม" ท่านเก็บรวมรวมตามต้นว่านยาอาถรรพ์ที่ท่านสังเกตดูว่าหากมีแร่นี้อยู่ใต้ต้นว่านจะเจริญเติบโตดีอย่างน่าฉงน ไม่มีที่จะเหี่ยวเฉาหรือเลี้ยงแล้วตายเลย ดุจเม็ดแร่ที่มีเทวาสถิตย์ ท่านว่าแร่อาถรรพ์เช่นนี้จะหายากคนโบราณเจอเข้าจะนำมาพกไว้เป็นมงคลใช้ด้านความเจริญงอกงามความก้าวหน้า ความสำเร็จ ถ้าตกอยู่ที่ไหนจะเจริญเติบโตยิ่งใหญ่ที่นั้น บ้านขุนนางท้าวพระยาจะมียศถาบรรดาศักดิ์เติบโตยิ่งใหญ่ มีบ่าวไพร่บริวารแผ่ขยายไปมาก จำเริญในลาภยศชื่อเสียงเกียรติคุณไม่ตกต่ำ ไม่หยุดอยู่กับที่ แม้ทำกิจการงานเรือกสวนไร่นาจะผลิดอกออกผลงดงาม ได้กำไรดียิ่งนัก ใช้ต่อยอดให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ทำสิ่งใดไว้ที่รอผลิดอกออกผลก็จะได้กินได้ใช้ผลมันสมปรารถนา คนที่มีแร่นี้จะดีจริงๆแต่พ่ออาจารย์ท่านว่าต้องมีความตั้งใจจริงด้วย
- ยาวาสนาจินดามณี เป็นยาของหลวงปู่เจือที่พ่ออาจารย์ท่านนำมาเสกเพิ่มด้วยมนต์จินดามณีทุกสาย,ทุกบทของท่าน ท่านว่าใช้ได้ดีดุจมีแก้วสารพัดนึก เป็นเมตตา,มหานิยม,โชคลาภ,ซื้อง่ายขายคล่องลงไว้คบทุกทาง เพราะคาถาจินดามณีแต่ละบทนั้นย่อมใช้ได้นับร้อยนับพันช่อง
*** พระผงตาณฑวะนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าสร้างไว้เพื่อให้คนที่รอคอยจังหวะและโอกาสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต้องการจะเห็นลีลาและปรากฏการณ์ในชีวิตที่แปรผันไปในทางที่ดีขึ้นด้วยความว่องไว ท่านว่านี่คือจุดประสงค์หลัก ส่วนเรื่องเสน่ห์นั้นก็รู้กันอยู่ว่าพ่อครูพระสยมท่านเป็นเจ้าแห่งตันตระและกามสูตร นี่ถ้าใครอยากให้ออกด้านนี้ก็ขอท่านเปิดพลังยารักเท่านั้น แต่หากใครจะนำไปใช้ทางทำมาหากินพ่ออาจารย์ท่านว่าแค่พกไว้อธิษฐานปกติก็เป็นเสน่ห์ในตัวระดับนึงอยู่แล้ว (ในส่วนคนที่ใช้ของเสน่ห์ไม่ขึ้นให้จุดธูปบอกกล่าวครูพระสยมท่านขอพลังงานยารักและตาณฑวะแห่งครูท่านเปลี่ยนกลไกขับเคลื่อนชีวิตตนเอง ให้ได้เจอรักแท้ พบความรักที่ดีที่เหมาะสม...ตามแต่ตนจะอธิษฐาน)***ซึ่งคนที่ติดขัดในชีวิตอยากจะเห็นจังหวะความสำเร็จหรือการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วก็ให้อธิษฐานเช่นนี้ได้เช่นกัน แต่เปลี่ยนคำอธิษฐานว่า(ขออานุภาพแห่งตาณฑวะของครูพระสยมขับเคลื่อนพลังกรรม พลังธรรม พลังวัฏจักรสงสารเปลี่ยนวิถีทั้งหลายให้สุขเกิด ทุกข์ดับ ให้ลูกมีกำลังในการสร้างสรรค์ ให้ความสำเร็จเรื่อง.(บอกเหตุท่านไป).เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วดุจท่วงทำนองแห่งตาณฑวะเถิด)