กสม.เสนอกลไกด้านสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคเขียนวันที่ วันจันทร์ ที่ 24 ตุลาคม 2565 เวลา 20:30 น. กสม.เสนอให้กลไกในระดับภูมิภาคด้านสิทธิมนุษยชนทำหน้าที่ทั้งด้านส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ครอบคลุมและปิดช่องว่างประเด็นสิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2565 นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ สำนักงาน กสม. ได้เข้าร่วมการอภิปรายโต๊ะกลมระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคและระดับชาติในอาเซียนและสหภาพยุโรป (Roundtable Discussion between Regional and National Human Rights Institutions in ASEAN and EU) ภายใต้การประชุมหารือทางนโยบายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของอาเซียนและสหภาพยุโรป ครั้งที่ 4 (4th ASEAN - EU Policy Dialogue on Human Rights) ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2565 ณ สำนักงานเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จัดโดยคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR) ร่วมกับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งการอภิปรายในครั้งนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับการประกันการเข้าถึงความยุติธรรมสำหรับทุกคนและบทบาทของกลไกสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติที่ดี ข้อท้าทาย และมุมมองความร่วมมือระหว่างกลไกสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคและระดับชาติภายในอาเซียน โดยผู้เข้าร่วมการอภิปราย ประกอบด้วย ผู้แทนสมาชิกอาเซียนใน AICHR และ ACWC ผู้แทนสหภาพยุโรป และผู้แทนสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคอาเซียนและสหภาพยุโรป โดยมีผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม เยาวชน และนักวิชาการร่วมรับฟังและอภิปรายในที่ประชุม ในการนี้ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เน้นย้ำบทบาทและความสำคัญของกลไกการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนที่เป็นอิสระทั้งในระดับภูมิภาคและระดับชาติ ซึ่งที่ผ่านมา AICHR ถือเป็นกลไกสำคัญในภูมิภาคในด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ทำให้อาเซียนมีเวทีประจำอย่างเป็นทางการในการหารือในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความหลากหลาย ขณะที่สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติซึ่งเป็นอิสระตามหลักการปารีสนั้น มีหน้าที่ทั้งในด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ
และสนับสนุนให้ AICHR มีหน้าที่และอำนาจในด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และทำงานทั้งในด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาค ซึ่งจะทำให้การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคมีความครอบคลุมและปิดช่องว่างประเด็นสิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดน
กรอบความร่วมมือระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia National Human Rights Institutions Forum) 1. ความเป็นมาของ SEANF กรอบความร่วมมือระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia National Human Rights Institutions Forum) เป็นความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ ของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติหรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 โดยความเห็นชอบร่วมกันของสถาบันสิทธิมนุษยชนจาก 4 ประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ในระหว่างการประชุมว่าด้วยกลไกสิทธิมนุษยชนอาเซียน ครั้งที่ 4 ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยใช้ชื่อของกรอบความร่วมมือในระยะเริ่มแรกว่า “ASEAN NHRIs Forum” หรือ “ANF” โดยมีประเด็นที่ให้ความสนใจร่วมกัน 5 ประเด็น ประกอบด้วย (1) การก่อการร้าย (2) การค้ามนุษย์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก (3) สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และสิทธิในการพัฒนา (4) สิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน และ (5) สิทธิมนุษยชนศึกษา ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือนี้ได้มีการจัดการประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2547 จนกระทั่งถึงการประชุม ครั้งที่ 3 ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในปี 2550 ที่ประชุมจึงได้มีการลงนามในเอกสารการจัดตั้งกรอบความร่วมมือร่วมกันอย่างเป็นทางการที่เรียกว่า “Declaration of Cooperation” โดยเอกสารนี้มีสาระสำคัญประกอบด้วย (1) การกำหนดให้กรอบความร่วมมือนี้มีการประชุมร่วมกันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง (2) การมีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐมีการดำเนินการขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อผลักดันให้เกิดการจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนที่เหมาะสมในระดับภูมิภาค (3) การเปิดโอกาสให้องค์กรที่มีแนวคิดด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในส่วนขององค์กรภาครัฐ องค์กรเอกชน หรือองค์กรภาควิชาการได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันและส่งเสริมให้มีการปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค ต่อมาในการประชุมประจำปี ครั้งที่ 6 ณ เมืองยอกยาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในปี 2552 ที่ประชุมได้ตกลงกันให้มีการจัดทำข้อบังคับการดำเนินงาน (Rules of Procedure)
ขึ้น เพื่อเป็นการกำหนดรูปแบบหรือวิธีในการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเห็นชอบให้มีการเปลี่ยนชื่อกรอบความร่วมมือจาก “ANF” เป็น “South East Asia National Human Rights Institutions Forum” หรือ “SEANF” ตลอดจนการมีท่าทีที่เปิดกว้างที่จะให้มีการติดต่อประสานงานหรือการดำเนินกิจกรรมร่วมกันกับสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอื่น ๆ ที่มิใช่สมาชิก เช่น ติมอร์ - เลสเต้ การดำเนินงานร่วมกับคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR)
รวมทั้งการเสนอความช่วยเหลือในการทำงานด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนร่วมกับกลไกอื่นในภูมิภาค 2. สมาชิกของ SEANF 3. ประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ของ SEANF (SEANF Priorities) SEANF เป็นเครือข่ายการทำงานร่วมกันของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่พยายามจะทำหน้าที่เป็นกลไกในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การพัฒนานโยบาย และการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างกัน
ตลอดจนการมีความร่วมมือกันในการจัดทำข้อเสนอแนะหรือความเห็นต่อกรณีที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผ่านกรอบในการทำงานร่วมกัน การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน โดยมีกระบวนการในการประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน ทั้งนี้ ในระยะแรก SEANF มีประเด็นที่ให้ความสนใจร่วมกัน 5 ประเด็น ประกอบด้วย (1) การก่อการร้าย (2) การค้ามนุษย์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก (3) สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และสิทธิในการพัฒนา (4) สิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน และ (5)
สิทธิมนุษยชนศึกษา (1) การมีสถานะเป็นนิติบุคคลที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ (5) การตอบสนองต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิผล ในปัจจุบัน สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่เป็นสมาชิกจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นประธานของกรอบความร่วมมือ SEANF โดยมีวาระ 1 ปี เพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมต่าง ๆ ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของ SEANF โดยจะมีการจัดประชุมใน 3 ลักษณะ ประกอบด้วย (3) กาประชุมสมัยพิเศษ หรือการประชุมตามแผนงาน/โครงการที่กำหนดขึ้นโดยสมาชิก SEANF ซึ่งจะจัดขึ้นตามวาระและความจำเป็นหรือการมีสถานกาณ์เร่งด่วนพิเศษตามที่สมาชิกจะตกลงกัน ซึ่งจะจัดขึ้นประมาณปีละ 1 - 2 ครั้ง
5. การทำหน้าที่ประธาน SEANF ของ กสม. ในปี 2561 กสม. ได้ทำหน้าที่ประธาน SEANF ครั้งแรกเมื่อปี 2547 และครั้งถัดมาในปี 2552 และ 2555 ตามลำดับ และวาระการดำรงตำแหน่งประธานของ SEANF ของ กสม. ได้เวียนมาถึงอีกครั้งในปี 2561 ทำให้ กสม. มีภารกิจในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมของ SEANF จำนวน 3 ครั้ง ประกอบด้วย การจัดการประชุมเจ้าหน้าที่ (TWG) จำนวน 2 ครั้ง และการประชุมประจำปี (SEANF Annual Meeting) จำนวน 1 ครั้ง รวมทั้งกิจกรรมพิเศษในโอกาสครบรอบ 70 ปี ของการรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 5.1 กิจกรรมพิเศษในโอกาสครบรอบ 70 ปี ของการรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ในช่วงเช้าวันแรกของการจัดการประชุมประจำปีของ SEANF ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2561 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดกิจกรรมพิเศษในโอกาสครบรอบ 70 ปี ของการรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขึ้น ในลักษณะการอภิปราย (panel discussion) ในหัวข้อ “สิทธิมนุษยชนในฐานะที่เป็นปัจจัยเพื่อการบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Human Rights as an Enabling Factor to Achieving SDGs)
โดยมีวิทยากรในการอภิปราย จำนวน 5 คน ประกอบด้วย (1) Tan Sri Razali Ismail ประธานสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของมาเลเซีย (SUHAKAM) (2) นาง Sandrayati Moniaga รองประธานสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของอินโดนีเซีย (Komnas HAM) (3) นาย Roberto Eugenio T. Cadiz กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของฟิลิปปินส์ (CHRP) (4) ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิทิต มันตาภรณ์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ (5) นาย Juan Santander รองผู้แทนประจำประเทศไทย องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) โดยมี Ms. Katia Chirizzi
รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงาน OHCHR เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยในการอภิปรายครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมรับฟังการอภิปรายรวมประมาณ 100 คน ประกอบด้วย ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ/กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ/ผู้ชำนาญการ ประธานสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่เป็นสมาชิกของ SEANF และคณะผู้แทนของ SEANF ผู้บริหารและบุคลากรของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตและองค์กรระหว่างประเทศที่มีที่ตั้งในประเทศไทย ผู้แทนหน่วยงานและองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ
และภาคประชาสังคม 6. บทสรุป เอกสารแนบ สรุปผลการประชุมประจำปี
ครั้งที่ 1 - 15 (คลิกที่นี่) --------------------------------------------- ข้อมูลจากสำนักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ |