สำหรับผู้ใช้งาน iPhone, iPad หรืออุปกรณ์อื่นของ Apple พวก iOS หรืออื่นๆ หากคุณทำการอัปเดตแอพพลิเคชันแล้วขึ้นข้อความ “ไม่สามารถอัพเดทแอพ, ไม่สามารถอัพเดท ด้วย Apple ID ของคุณ เนื่องจากแอพนี้ถูกขอคืนเงิน หรือถูกซื้อโดย Apple ID อื่นๆ” หลายคนอ่านแล้วก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร แต่ก็ยังติดปัญหาที่ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าต้องทำอย่างไร บทความนี้จะมาสรุปให้เข้าใจสำหรับข้อความนี้ขึ้น และไม่สามารถอัปเดตแอพได้
ไม่สามารถอัพเดตแอพ จากข้อความด้านบนบอกได้ใน 2 กรณีด้วยกันดังต่อไปนี้
คุณขอคืนเงิน
กรณีทีแอพพลิคชันนั้นๆ จำเป็นต้องซื้อก่อนดาวน์โหลดและคุณได้ดาวน์โหลดมันมาแล้ว แต่คุณไม่พอใจไม่ว่าด้วยเหตุผลใด และขอคืนเงิน (Refund iOS) จากการซื้อแอพ ทำให้สิทธิของแอพฯนั้นๆถูกตัดออกไป คุณจะไม่สามารถดาวน์โหลดแอพนั้นๆได้ แน่นอนว่าหากมีอยู่ในเครื่องอยู่แล้ว คุณจะไม่สามารถอัปเดตแอพนั้นได้ด้วย ก็จะขึ้นข้อความในลักษณะนี
แอพพลิเคชันถูกดาวน์โหลดจาก Apple ID อื่น
กรณีนี้ถือว่าเป็นกันบ่อย กล่าวคือ หากในตอนแรกคุณใช้ Apple ID A ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน แล้วใช้งานไปสักระยะ แล้วเครื่องของคุณถูกเปลี่ยนมือหรือเปลี่ยน Apple ID ใหม่เป็น Appple ID B คุณจะไม่มีสิทธิทำการใดๆในแอพที่เคยดาวน์โหลดไว้ใน Apple ID A หากคุณอุปเดตก็จะขึ้นข้อความลักษณะดังกล่าว เพราะสิทธิและเจ้าของเป็นของ Apple ID A
เงื่อนไขนี้ตั้งขึ้นมาเพราะ ก่อนจะดาวน์โหลดคุณจำเป็นต้องเป็นเจ้าของแอพนั้นก่อน กล่าวคือในกรณีที่ต้องซื้อแอพ เจ้าของแอพก็จะเป็นของไอดีนั้นๆ หากเปลี่ยน Apple ID ก็ต้องดาวน์โหลดแอพใหม่หรือซื้อใหม่ ถึงแม้จะเป็นแอพฟรีก็ตาม
สรุปคือ คุณจะไม่สามารถอัปเดตแอพที่เคยดาวน์โหลดไว้กับ Apple ID เก่าได้ ต้องลบและดาวน์โหลดมาใหม่ ให้สิทธิอยู่ที่ Apple ID ใหม่
นี้เป็น 2 สาเหตุที่คุณไม่สามารถอัปเดตแอพพลิเคชันได้ หากใครขึ้นข้อความในลักษณะนี้อย่างแรกที่ทำคือให้ลบแอพนั้นอกไปและดาวน์โหลดใหม่ แต่หากเป็นกรณีไลน์หรือแอพที่ต้องเก็บข้อมูลก่อน ก็จำเป็นต้องเก็บข้อมูลการแชท ผ่านการสำรองข้อมูลผ่านไอคราวให้เรียบร้อยก่อน
- App Store
- iOS
- iPhone
วิธีชำระค่าบริการ App Store และ iTunes
✏️สรุป
Q: จ่ายเงินค่าบริการของ AppStore ยังไง ผ่านแอปฯได้มั้ย ? ใช้ iPhone อยากโหลดแอปฯ จ่ายเงินผ่านบิลเอไอเอส หรือหักค่าบริการจากระบบวันทูคอลได้มั้ย ? ต้องกำหนดวงเงินชำระค่าบริการก่อนหรือเปล่า? แล้วจะหักรอบบิลไหนยังไง ?
อยากชำระค่าบริการ App Store และ iTunes แต่ไม่มีบัตรเครดิต/เดบิต
ไม่ต้องห่วงครับ เพียงแค่มีหมายเลขในเครือข่าย AIS
ก็สามารถเลือกตั้งค่าชำระค่าบริการได้ง่าย ๆ ดูขั้นตอนตามวิดีโอนี้ได้เลยครับ
สำหรับลูกค้าเอไอเอสที่ใช้บริการ App Store หรือ iTunes ชำระเงินได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งสูงสุดต่อครั้งที่ 3,500 บาท
โหลดแอปฯจ่ายเงินแล้ว รอตรวจสอบได้ที่รอบบิล ผ่าน myAIS เลยที่นี่ >>>คลิก
หากต้องการยกเลิกชำระค่าบริการ App Store ผ่าน AIS เพียงไปที่
"บัญชี Apple
ID" > เลือก "จัดการวิธีการชำระเงิน" > เลือกหมายเลขโทรศัพท์ จากนั้นกด "ลบ"
คุณเลือกให้ Chrome บันทึกรหัสผ่านที่ใช้ในเว็บไซต์ต่างๆ ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Chrome ปกป้องรหัสผ่านของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้ารหัสในอุปกรณ์สําหรับรหัสผ่าน หากคุณป้อนรหัสผ่านใหม่ในเว็บไซต์ Chrome จะขอบันทึกรหัสผ่านไว้ แตะบันทึกเพื่อยอมรับ หากคุณบันทึกรหัสผ่านไว้กับเว็บไซต์ที่เคยเข้าชมมาก่อน Chrome จะช่วยคุณลงชื่อเข้าใช้ได้ หาก Chrome ไม่เสนอรหัสผ่านที่บันทึกไว้: ให้แตะ "รหัสผ่าน" จัดการรหัสผ่าน
ลงชื่อเข้าใช้ด้วยรหัสผ่านที่บันทึกไว้
ดู ลบ แก้ไข หรือส่งออกรหัสผ่าน
เริ่มหรือหยุดบันทึกรหัสผ่าน
ลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์และแอปโดยอัตโนมัติ
คุณลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติในเว็บไซต์และแอปที่บันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบไว้ในขั้นตอน "การลงชื่อเข้าใช้อัตโนมัติ" ได้ การเปิด "การลงชื่อเข้าใช้อัตโนมัติ" จะช่วยให้ไม่ต้องยืนยันชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
หากต้องการยืนยันข้อมูลเข้าสู่ระบบที่บันทึกไว้เมื่อลงชื่อเข้าใช้ ให้ปิด "การลงชื่อเข้าใช้อัตโนมัติ"
จัดการการแจ้งเตือนการเปลี่ยนรหัสผ่าน
คุณอาจได้รับการแจ้งเตือนจาก Chrome หากใช้ชุดรหัสผ่านและชื่อผู้ใช้ที่ไม่รัดกุมจากการที่ข้อมูลรั่วไหลในเว็บไซต์หรือแอปของบุคคลที่สาม ชุดรหัสผ่านและชื่อผู้ใช้ที่ไม่รัดกุมนั้นไม่ปลอดภัยเนื่องจากมีการเผยแพร่ออนไลน์
เราขอแนะนำให้เปลี่ยนรหัสผ่านที่ถูกละเมิดโดยเร็วที่สุด คุณตรวจสอบรหัสผ่านที่บันทึกไว้และค้นหาเว็บไซต์ที่ใช้รหัสผ่านที่ถูกละเมิดได้
Chrome จะตรวจสอบว่ารหัสผ่านและชื่อผู้ใช้ของคุณได้รับการป้องกันเพื่อไม่ให้ Google อ่านได้
สำคัญ: คุณต้องลงชื่อเข้าใช้และซิงค์กับ Chrome เพื่อรับการแจ้งเตือนเหล่านี้
วิธีเปลี่ยนรหัสผ่านที่ถูกละเมิดเมื่อได้รับการแจ้งเตือน
- แตะตรวจสอบรหัสผ่าน
หากคุณได้รับการแจ้งเตือนว่า "เปลี่ยนโดยอัตโนมัติ" ให้คลิกเพื่ออนุญาตให้ Chrome ช่วยคุณเปลี่ยนรหัสผ่านและบันทึกรหัสผ่านให้คุณ
- ทำตามข้อความที่ปรากฏขึ้นเพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านในแต่ละเว็บไซต์
วิธีเริ่มหรือหยุดรับการแจ้งเตือนเหล่านี้
- เปิดแอป Chrome
ในอุปกรณ์ Android
- ที่ด้านขวาบน ให้แตะเพิ่มเติม
การตั้งค่า
- แตะความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
Google Safe Browsing
- แตะการปกป้องแบบมาตรฐาน
- เปิดหรือปิด "เตือนคุณในกรณีที่รหัสผ่านรั่วไหลจากการละเมิดข้อมูล"
สำคัญ: ฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้เมื่อคุณเปิด "Google Safe Browsing" ไว้เท่านั้น
ตรวจสอบรหัสผ่านที่บันทึกไว้
คุณสามารถดูว่ารหัสผ่านที่บันทึกไว้รั่วไหลจากการละเมิดข้อมูลหรือไม่ โดยตรวจสอบรหัสผ่านทั้งหมดได้ในครั้งเดียว
วิธีตรวจสอบรหัสผ่านที่บันทึกไว้
- เปิดแอป Chrome
ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
- แตะเพิ่มเติม
การตั้งค่า
- แตะรหัสผ่าน
ตรวจสอบรหัสผ่าน
หากได้รับการแจ้งเตือนว่าเปลี่ยนโดยอัตโนมัติ โปรดแตะเพื่ออนุญาตให้ Chrome เปลี่ยนและบันทึกรหัสผ่านให้คุณ
แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรหัสผ่าน
หาก Chrome ไม่ได้บันทึกหรือเสนอที่จะบันทึกรหัสผ่าน โปรดดูวิธีแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลที่บันทึกไว้
การบันทึกรหัสผ่านของ Chrome ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการจัดเก็บและใช้รหัสผ่านนั้นในอุปกรณ์หลายชิ้นหรือไม่ เมื่อซิงค์แล้ว คุณจะใช้รหัสผ่านใน Chrome ได้ในอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ รวมถึงบางแอปในอุปกรณ์ Android
หากไม่เปิด รหัสผ่านจะจัดเก็บอยู่ใน Chrome ในคอมพิวเตอร์เท่านั้น
คุณจัดการรหัสผ่านที่บันทึกไว้ในบัญชี Google ได้ที่ passwords.google.com
แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- เปลี่ยนหรือรีเซ็ตรหัสผ่านบัญชี Google
- รับบุ๊กมาร์ก รหัสผ่าน และอื่นๆ ในทุกอุปกรณ์
- แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลที่บันทึกไว้
- สร้างรหัสผ่าน
ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม
เราจะปรับปรุงได้อย่างไร