หลังจากที่ได้ออกแบบวิธีในการแก้ปัญหาซึ่งอยู่ในรูปแบบของรหัสลำลองหรือ ผังงานแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพัฒนาโปรแกรมตามผังงานดังกล่าว ซึ่งถ้านักเขียนโปรแกรมมีความรู้ความชำนาญในการเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่งภาษาใด อยู่แล้ว จพสามารถทำงานได้โดยง่าย อย่างไรก็ตามนักเขียนโปรแกรมก็ยังต้องทำการตรวจสอบว่าโปรแกรมที่ได้พัฒนา ขึ้น ทำงานได้ถูกต้อง และให้ผลลัพธ์ที่ไม่ผิดพลาดสำหรับทุกกรณีจึงจะสามารถนำโปรแกรมดังกล่าวไปใช้ งานได้ นอกจากนี้นักเขียนโปรแกรมยังควรที่จะจัดทำเอกสาร ประกอบการพัฒนาโปรแกรม ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้ผู้ที่จะพัฒนาโปรแกรมต่อไปในอนาคต ทำความเข้าใจกับโปรแกรมที่จัดทำขึ้นได้สะดวกและรวดเร็ว รวมถึงให้ผู้ใช้โปรแกรมเข้าใจวิธีการใช้งานโปรแรมอย่างรวดเร็ว Show 7.1.1 การวิเคราะห์และออกแบบโปรแกรม ในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้กับระบบงานขนาดใหญ่ที่มีการแบ่งงาน วิเคราะห์ระบบและงานเขียนโปรแกรมออกจากกันนั้น โดยทั่วไปการมอบหมายงานให้นักเขียนโปรแกรม จะเป็นการกำหนดความต้องการของโปรแกรมในภาพรวมแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดถึง ขั้นเป็นรหัสลำลองหรือผังงานที่ละเอียด นักเขียนโปรแกรมจึงต้องศึกษาถึงความต้องการของงานที่ได้รับมอบหมาย ข้อมูลนำเข้า ข้อมูลส่งออก และกระบวนการในการแก้ปัญหาอย่างละเอียดเพื่อพัฒนาขึ้นเป็นขั้นตอนวิธีในการ แก้ปัญหาซึ่งอยู่ในรูปแบบของผังงานอย่างละเอียด 7.1.2 การเขียนโปรแกรมจากรหัสลำลองหรือผังงาน โดยทั่วไปการเขียนโปรแกรมจากรหัสลำลองหรือผังงานที่ได้ออกแบบไว้อย่างดี แล้ว นักเขียนโปรแกรม สามารถทำได้โดยง่ายและรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นการแปลงจากแต่ละสัญลักษณ์ของผังงาน ไปเป็นคำสั่งที่สอดคล้องกันในภาษาโปรแกรมที่เลือกใช้ โดยโปรแกรมที่ดีจะต้องมีการตรวจสอบและแจ้งข้อผิดพลาดให้แก่ผู้ใช้งานโปรแกรม ทราบ โดยที่การทำงานของโปรแกรมไม่สะดุดลงตัวอย่างเช่น ในการพัฒนาโปรแกรมเพื่อหา ค่าของผลหารถ้าหากว่ามีการรับข้อมูลนำเข้าเป็นตัวหารแต่ผู้ใช้ป้อนข้อมูลตัว หารเป็นศุนย์ โปรแกรมจะเกิดข้อผิดพลาดในการทำงานขึ้น 7.1.3 การเตรีบมข้อมูลสำหรับทดสอบโปรแกรม ในระหว่างขั้นตอนการออกแบวิธีการแก้ปัญหาให้อยู่ในรูปของรหัสลำลองหรือผังงานนั้น 7.1.4 การทดสอบโปรแกรม หลังจากได้เขียนโปรแกรมและเตรียมข้อมูลสำหรับทดสอบอย่างครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนทดสอบ 7.1.5 การจัดทำเอกสารปรกอบโปรแกรม ขั้นตอนสุดท้ายหลังจากที่ได้ทดสอบจนแน่ใจว่าโปรแกรมทำงานได้ถูกต้อง การแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์นั้น หลังจากที่ได้วิเคราะห์ปัญหาจนได้ขั้นตอนวิธีในการ 7.2.1 ภาษาเชิงกระบวนการ ( procedural languages ) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขียนด้วยภาษาเชิงกระบวนความมีลักษณะการทำงานตามลำดับ ตัวอย่างโปรแกรมภาษาซีแสดงผลคูณของตัวเลขข้อมูลเข้าสองจำนวน 7.2.2 ภาษาเชิงวัตถุ ( object oriented language ) ภาษาเชิงวัตถุจะอำนวยความสะดวกให้กับผู้เขียน โปรแกรมในการพัฒนาโปรแกรมที่ใหญ่และซับซ้อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถใช้เขียนโปรแกรมในลักษณะเดียวกับภาษาเชิงกระบวนความได้เช่น กัน ภาษาในกลุมนี้ เช่น ภาษาจาวา (Java) ภาษาซีชาร์ป (C#) และภาษาซีพลัสพลัส (C++) 7.2.3 ภาษาอื่นๆ 1) โฟร์ทจีแอล (fourth-generation languages: 4GLs) เป็นกลุ่มของภาษาที่แตกต่างจากภาษาเชิงกระบวนความ ที่เน้นให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูลได้โดยง่าย ภาษาจะมีความคล้ายคลึงกับภาษาอังกฤษที่ใช้กันอยู่ ตัวอย่างของภาษา 4GL เช่น ภาษาเอสคิวแอล (SQL) หน้าเว็บเพจโรงดรียนสตรีศรีสุริโยทัยที่สร้างจากภาษาเอชทีเอ็มแอล บทที่ 7 ( 7.3 การโปรแกรมด้วยภาษาซี )ในบทนี้จะได้แนะนำให้รู้จักกับภาษาซี ซึ่งเป็นภาษาที่เขียนเป็นแบบโครงสร้าง และเป็นภาษาที่ 7.3.1 โครงสร้างภาษาซี โครงสร้างพื้นฐานของโปรแกรมภาษาซีจะต้องประกอบด้วยฟังก์ชันอย่างน้อย 1 ฟังก์ชัน คือ โครงสร้างพื้นฐานของภาษาซี 01 int main ( ) { <ส่วยหัวของฟังก์ชัน 02 การประกาศตัวแปรตัวแปรท้องถิ่น ; 04 } 7.3.2 องค์ประกอบของภาษาซี ในที่นี้จะได้อธิบายองค์ประกอบพื้นฐานของ ภาษาซีจากตัวอย่างของโปรแกรมซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนามาจากผังงาน โดยเพิ่มการนับจำนวนครั้งของการทายทั้งหมดด้วย ผังงานสำหรับโปรแกรมภาษาซี– การประกาศรวมแฟ้มส่วนหรือ ( header files ) 1 #include <stdio.h> การประกาศรวมแฟ้มส่วนหัวดังแสดงในบรรทัดที่ 1 และ 2 เป็นการรวมเอาฟังก์ชันมาตรฐานของภาษาซีเข้ามาร่วมใช้งานกับโปรแกรมที่เขียน ขึ้น ทำให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันมาตรฐานที่ภาษาซีเตรียมไว้ให้ ได้ เช่น ฟังก์ชัน printf( ) และ scanf( ) เป็นต้น – การประกาศตัวแปร ( variable declaration ) 6 int target ; ในบรรทัดที่ 6 ถึง 8 เป็นการประกาศตัวแปร ซึ่งเป็นข้อกำหนดของภาษาซีที่ต้องมีการประกาศตัวแปรไว้ที่ตอนต้นของฟังก์ชัน ก่อนที่จะสามารถใช้งานตัวแปรเหล่านั้นได้ ในที่นี้มีการประกาศตัวแปรtarget, number และ no_of_guesses เป็นชนิดจำนวนเต็ม ( int ) สังเกตว่ารูปแบบของการประกาศตัวแปร คือ data_type identification_name -การรับข้อมูลเข้า 10 scanf (“%”, &target) ; ในบรรทัดที่ 10.12 และ 20 เป็นการเรียกฟังก์ชัน scanf ( ) ในการรับข้อมูลเข้า โดยต้องมีการระบุพารามิเตอร์ คือ ตัวแรกเป็นสายอักขระของการกำหนดรูปแบบของข้อมูลเข้าที่ต้องการรับ ในที่นี้คือ”%d” หมายถึงว่าต้องการรับข้อมูลเข้าที่อยู่ในรูปแบบจำนวนเต็ม และตัวที่สองเป็นตำแหน่งในหน่วยความจำของตัวแปรที่ต้องการใช้เก็บค่าที่รับ เข้า สังเกตุว่าภาษาซีใช้เครื่องหมาย & นำหน้าชื่อตัวแปร เป็นการอ้างถึงตำแหน่งในหน่วยความจำของตัวแปรนั้น -การพิมพ์ผลลัพธ์ 11 printf (“Enter the number you guess “) ; ในบรรทัดที่ 11. 16. 18 และ 19 เป็นการเรียกใช้ฟังก์ชัน printf ( ) เพื่อพิมพ์ข้อความออกทางจอภาพ 23 printf (“Correct – You try %d time . \n” , no_of_guesses ) ; สำหรับในบรรทัดที่ 23 จะมีการพิมพ์ค่าของตัวแปรชนิดจำนวนเต็ม no_of_guesses ด้วย โดยจะต้องระบุรูปแบบข้อมูลของตัวแปลที่ต้องการให้พิมพ์ภายในข้อความที่เป็น พารามิเตอร์ตัวแรกด้วย ในที่นี้ตัวแปร no_of_guesses เป็นชนิด int ซึ่งจะใช้รูปแบบกำหนดการพิมพ์คือ “%d” ในลักษณะเดียวกันกับฟังก์ชัน scanf ( ) นั่นเอง – คำสั่งควบคุมการทำงานแบบวนซ้ำ คำสั่ง while เป็นคำสั่งเพื่อควบคุมว่าชุดคำสั่งภายใต้คำสั่ง while ( คือ ตั้งแต่บรรทัดที่ 14 ถึง 22)จะถูกวนทำซ้ำอีกหรือไม่ โดยเมื่อโปรแกรมทำงานมาถึงบรรทัดที่ 13 จะตรวจสอบก่อนว่าเงื่อนไขเป็นจริงหรือไม่ ในที่นี้คือตรวจสอบว่าค่าของตัวแปร number ไม่เท่ากันกับค่าของตัวแปร target หรือไม่ถ้าเป็นจริง ก็จะไปทำงานตามคำสั่งภายในบรรทัดดังกล่าวหนึ่งรอบ ก่อนที่จะย้อนกลับไปตรวจสอบเงื่อนไขอีกครั้ง ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ ก็จะไปทำงานในบรรทัดที่ 23 ต่อไป – คำสั่งกำหนดค่าแปรให้กับตัวแปร 21 no_of_guesses = no_of_guesses + 1 ; ในบรรทัดที่ 21 เป็นการกำหนดค่าใหม่ให้กับตัวแปร no_of_guesses โดยใช้เครื่องหมายกำหนดค่า ( = ) ซึ่งเป็นการกำหนดให้ตัวแปรที่อยู่ทางซ้ายของเครื่องหมายกำหนดค่า มีค่าเท่ากับค่าของนิพจน์ทางขวาของเครื่องหมายกำหนดค่า ซึ่งในที่นี้เป็นการเพิ่มค่าของตัวแปร no_of_guesses ขึ้นอีก 1 นั่นเอง ภาษาซีใช้นิพจน์ทางคณิตศาสตร์เพื่อคำนวนและเปรียบเทียบ นิพจน์ประกอบด้วยตัวถูกดำเนินการ( operand ) และตัวดำเนินการ ( operator ) ที่สามารถถุกลดรูปหรือถูกประเมินให้เป็นค่าทางคณิตศาสตร์เพียงค่าเดียวได้ เช่น 2 * 5 เป็นนิพจน์ เนื่องจากสามารถหาค่าได้เป็น 10 ตัวดำเนินการในภาษาซี ตัวดำเนินการ ความหมายและตัวอย่างการใช้งานในภาษาซีบทที่ 7 ( 7.4 การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ )โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นการนำเอาความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม มาใช้ร่วมกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รวมถึงอุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลิตผลงานสำหรับแก้ปัญหา หรือนำผลงานมาประยุกต์ในงานจริงนักเรียนจะต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ เพื่อวางแผนการพัฒนา โครงงาน โดยอาจขอคำปรึกษาจากอาจารย์ผู้สอน หรือผู้ทรงคุณวุฒิอื่น เป้าหมายสูงสุดของการจัดทำโครงงานคือ การที่โครงงานได้ถูกนำไปใช้งานจริงและก่อให้เกิดประโยชน์ในชีวิตจริงของผู้ นำไปใช้ ในการเลือกหัวข้อโครงงานนั้นผู้พัฒนาอาจเริ่มจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกับประสบการณ์ในการคิดค้นถึงสิ่งที่เป็นปัญหา และความเป็นไปได้ในการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยงาน โดยทั่วไปแล้วโครงงานคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท คือ การพัฒนาโปรแกรม7ขั้นตอนมีอะไรบ้างดังนั้น ในการพัฒนาโปรแกรมนั้น ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องมีการเตรียมงานที่เกี่ยวกับการเขียน โปรแกรมอย่างเป็นขั้นตอน เรียกขั้นตอนเหล่านั้นว่า วงจรการพัฒนาโปรแกรม ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน ได้แก่ การวิเคราะห์ปัญหา การออกแบบโปรแกรม การเขียนโปรแกรม การตรวจสอบข้อผิดพลาดของ โปรแกรม การทดสอบความถูกต้องของโปรแกรม การจัดทาเอกสารประกอบ ...
ขั้นตอนในการออกแบบโปรแกรมมีอะไรบ้างขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ปัญหา (Problem Analysis) ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบโปรแกรม (Program Design) ขั้นตอนที่ 3 การเขียนโปรแกรม (Program Coding) ขั้นตอนที่ 4 การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม ( Program Testing & Verification)
ขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์ มีกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง7 ขั้นตอนสำคัญของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์. การวางแผนและการวิจัย (Plan and Research) ... . การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ (Analyze) ... . การออกแบบและสร้างต้นแบบ (Design and Prototype) ... . การพัฒนา (Development) ... . การประกันคุณภาพ (Warrantee) ... . การปรับใช้ซอฟต์แวร์ (Customize) ... . การบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ (Maintenance). ขั้นตอนใดในการเขียนโปรแกรมถือว่าสําคัญที่สุดการวิเคราะห์ปัญหาเป็นขั้นตอนแรกและเป็นขั้นตอนที่สําคัญที่สุด ผู้พัฒนาโปรแกรม จะต้องทําก่อนที่จะเขียนโปรแกรมจริงเพื่อทําความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น และค้นหาจุดมุ่งหมาย หรือสิ่งที่ต้องการ การวิเคราะห์ปัญหาต้องกําหนดให้ได้ว่า โจทย์ต้องการอะไร ใช้ตัวแปรเท่าไหร่ ทําอย่างไรจึงจะแก้ปัญหานั้นได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ โดยขั้น ...
|