ツ 2 May 16 ツ
วันนี้เรามีแพลนไปทานอาหารเช้า เคล้าวิวทะเลญี่ปุ่นที่ ร้าน Bills (Enoshima) ทำให้เราต้องตื่นเช้าอีกเช่นเคย (เช้ามากกว่าเมื่อวานอีกกกก)
วันนี้เราจะไปเที่ยว Kamakura – Enoshima กันค่ะ แต่ .. บอกไว้ก่อนน้าา เราไม่ใช่สายวัด สายศาลเจ้า เพราะฉะนั้น Kamakura ของเราในครั้งนี้ ไม่มีพระใหญ่ ไม่มีศาลเจ้าค่ะ
ว่าแล้วก็ .. ออกเดินทางกันเลย (>‿◠)✌
» Kamakura – Enoshima «
Kamakura – Enoshima อีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวค่ะ สามารถจัดเป็น One Day Trip ได้สบายๆ
● How to go
การเดินทางไป Kamakura และ Enoshima เรานั่ง JR Chuo/Sobu Line จาก Asakusabashi ไปเปลี่ยนเป็นสาย JR Sobu Line Rapid Service ที่ สถานี Kinshicho ค่ะ หลังจากนั้นก็นั่งยาวไปจนถึง Kamakura เลย ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด สองชั่วโมงนิดๆ ค่ะ
ถึงจะเช้า แต่ก็มีเพื่อนเดินทางน้าา
พอมาถึงสถานี Kamakura เราก็ไปทางออก West Exit ค่ะ เราจะเปลี่ยนไปใช้รถไฟสาย Enoden กัน
ออกจาก West Exit แล้วเลี้ยวขวา จะเจอตู้ซื้อตั๋วของ Enoden ค่ะ จัด Enoden One Day Pass ไปเลย 600¥ เพราะยังไงเราก็ไปๆมาๆอยู่แถวนี้อยู่แล้ว ยังไงก็เกินค่าพาสแน่นอน !!
ได้ตั๋วแล้วก็ไปกันเลยค่ะ
6 โมงเช้านิดๆ สถานีเงียบมาก ไม่มีคนเลย จำภาพนี้ไว้นะคะ >< ตอนบ่ายนี่จะเป็นอีกแบบนึงเลย
มีแผนที่ท่องเที่ยวแบบ interactive ให้จิ้มเล่นระหว่างรอรถไฟด้วยค่ะ
สถานีปลายทางของสาย Enoden , Kamakura
เช้านี้เราตั้งใจจะมาทานอาหารเช้าที่ร้าน Bills ค่ะ เลยตั้งใจจะตรงไปที่ร้านก่อนเลย
อ้อ ในทริปวันนี้ เราขอใช้สถานี Kamakura เป็นสถานีตั้งต้นนะคะ
» Bills, Shichiragahama «
Bills ร้านกาแฟชื่อดังจากออสเตรเลีย ที่กำลังเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นค่ะ จริงๆ ร้านนี้เค้ามีหลายสาขานะคะ ทั้งที่ Odaiba , Omotesando หรือ Yokohama แต่ถ้าอยากมาชมวิวทะเลสวยๆ ก็ต้องมาที่สาขานี้เลยค่ะ
เค้าเสิร์ฟทั้งอาหารเช้า และ Dinner นะคะ แต่ถ้ามาช่วงเย็น จองมาก่อนจะดีมากค่ะ เพราะร้านเค้าวิวสวยมากก ถ้าได้มาชมพระอาทิตย์ตก คงจะดีเนาะ
● How to go
วิธีการไปร้าน Bills คือ นั่ง Enoden จากสถานี Kamakura ไปลงที่สถานี Shichirigahama จ้า
รถไฟมาแล้ว ..ไปกันเลยยย
ที่นั่งบนรถไฟจะเป็นแบบหันหน้าเข้าหากันค่ะ แต่ด้านหน้าจะมีที่นั่งแบบหันหน้าชมวิวด้วย (หลังพนักงานขับรถไฟ)
นั่งชมวิวซักพัก ไม่กี่สถานีก็ถึงแล้วจ้า Shichirigahama
ออกจากสถานีแล้วเดินไปทางซ้ายค่ะ เดินไปนิดเดียว จะเจอทางน้ำแบบนี้ เดี๋ยวเราเลี้ยวขวากันเลย
ปลายทางของเรา อยู่ที่ตึกขาวๆนู้นนน
ถึงแล้วค่ะ ร้าน Bills ร้านเปิด 07:00 เรามาถึงประมาณ 6:50 คิวก็ยาวแล้วค่ะ
เสียดายจัง วันนี้อากาศไม่ค่อยดี >< เช้าๆ แดดไม่มีเลยยย
ถึงคิวแล้วว วิวของเราจากโต๊ะอาหารเช้านี้ค่ะ
สั่งอาหารกันดีกว่า เค้ามีทั้งอาหารคาวและหวานนะคะ เพื่อนๆ สามารถดูรายการอาหารชัดๆได้ที่นี่เลยจ้า >> Menu
ร้านตกแต่งแบบเรียบๆ แต่น่านั่ง
อาหารเช้าของเรามาแล้วจ้าา Ricotta hotcakes, banana and honeycomb butter จานนี้ 1,400¥ ค่ะ
ทานไปชมวิวไปซักพัก ท้องอิ่มแล้ว พร้อมเที่ยวแล้วค่ะ
จากร้าน ฺBills เราจะเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Kamakurakokomae ค่ะ เดินชมวิวไปเรื่อยๆ เพลินๆ ไม่ไกลค่ะ
บ้านแถวนี้น่ารักดีจัง
เดินชมวิวทะเลไป .. เห็นเกาะ Enoshima อยู่ลิบๆค่ะ
เจอเพื่อนละ
รถไฟมาจ้าา รถไฟหน้าตาน่ารัก แต่เราไม่ได้ขึ้นขบวนนี้เลยอะ
ถึงแล้วค่ะ สถานี Kamakurakokomae สถานีเล็กๆ อยู่ติดริมทะเล วิวสวยมากๆ
ที่นี่เป็นอีกสถานียอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาถ่ายรูปรถไฟคู่กับทะเลค่ะ
เดี๋ยวเราจะนั่งรถไฟย้อนกลับไปที่สถานี Kamakura กันก่อนค่ะ เนื่องจากแพลนถัดไปของเราคือ ร้าน Starbucks สาขา Onarimachi นั่นเอง
» Starbucks Onarimachi «
Starbucks สาขานี้ เป็นอีกสาขาที่ขึ้นชื่อว่าน่านั่งในญี่ปุ่นค่ะ เนื่องจากเค้ามีที่นั่งแบบ Outdoor ริมสระน้ำ และโดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีซุ้มดอกวิสทีเรียสวยๆ ให้ชมด้วย
● How to go
วิธีการไปร้าน Starbuks สาขา Onarimachi จากสถานี Kamakura ถ้ามาโดย JR ให้ออกที่ทางออก West Exit ค่ะ แล้วเดินตรงไปเลย จนถึงสี่แยก ให้ข้ามสี่แยกแล้วเดินไปอีกนิดนึงค่ะ
พอข้ามสี่แยกมาจะเจอซุปเปอร์ชื่อ Kinokuniya (ตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นร้านหนังสือ ><) ให้ตรงไปเลย ร้านจะอยู่ถัดไปจากซุปเปอร์นี้นิดเดียวค่ะ
มาถึงแล้วว คนเยอะมากค่ะในร้าน (ขออภัยด้วยจ้า ไม่มีรูปหน้าร้านอ่ะ ลืมถ่ายมา) เป้าหมายของเราอยู่ตรงนู้นค่ะ ซุ้มวิสทีเรียข้างสระน้ำ
ที่นั่งริมสระน้ำนี่คิวทองมากๆค่ะ คนรอกันเพียบ เราสั่งเครื่องดื่มมาก่อน แล้วหาที่นั่งใกล้ๆประตูทางออกไปสระน้ำ อาศัยจังหวะมีคนจะลุก ก็ค่อยๆเตรียมย้ายที่ค่ะ
ช่วงที่เราไปมีเครื่องดื่มออกใหม่พอดี Cantaloupe Melon and Cream Frappuccino
อร่อยมากก >< ชอบๆ หวานกำลังดีค่ะ
นั่งไปซักพัก ในที่สุดเราก็ได้ออกมานั่งริมสระน้ำ บรรยากาศดีมากกกกกกกกกกก กก ลมพัดอ่อนๆ เพลินมากค่ะ
เพิ่งมาเห็นว่า เราไม่มีรูปแบบติดสระน้ำเลย โอ๊ยย เซ็งตัวเอง >< ถ่ายไว้แต่คลิปวิดีโอ
นั่งเล่นได้ซักพัก ก็พร้อมเที่ยวต่อแล้วค่ะ กลับไปที่สถานี Enoden Kamakura เพื่อไปเที่ยว Enoshima กันต่อจ้า
» Enoshima «
เกาะ Enoshima หรือ เกาะแห่งมังกร เป็นเกาะที่ตั้งอยู่บนอ่าว Sagami ค่ะ เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวนึงที่มีชื่อเสียง และไม่ไกลจากโตเกียว ค่ะ
● How to go
วิธีไปเกาะ Enoshima ก็คือ นั่งรถไฟ Enoden จาก สถานี Kamakura มาลงที่สถานี Enoshima ได้เลยจ้า ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ พอถึงสถานี Enoshima แล้วก็เดินต่ออีกนิดหน่อย ก็ถึงเกาะ Enoshima แล้วค่ะ
เราชอบรถไฟสาย Enoden มาก บางช่วงวิ่งผ่านหลังบ้านแบบระยะประชิด บางช่วงวิ่งบนถนนร่วมกันกับรถยนต์ บางช่วงวิ่งเลียบทะเล ถือว่าเป็นสายรถไฟที่นั่งชมวิวได้เพลินๆเลยค่ะ
ชมวิวเพลินๆประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็ถึงจุดหมายแล้วจ้า สถานี Enoshima
ออกจากสถานีแล้ว เดินไปทางซ้ายเลยจ้า
เดินไปซักพักจะเจออุโมงค์ลอดใต้ถนน ลอดลงไปเลย ขึ้นมาอีกที ก็ถึง Enoshima ละคะ
วันนี้คนเยอะมาก เนื่องจากเป็นวันหยุด คนญี่ปุ่นเองก็เยอะ นักท่องเที่ยวก็เยอะค่ะ
จากสถานีพอเดินลงอุโมงข้ามถนนมา แล้วเดินข้ามสะพานต่อมาอีกนิด จนเห็นโทริอิสีเขียว แสดงว่าเราถึงแล้วจ้าา เดินขึ้นไปกันเลย สองข้างทางเป็นร้านขายของฝากและร้านอาหาร เยอะแยะมากมายค่ะ
เดินเพลินๆซักพัก ก็ถึงทางขึ้นศาลเจ้าค่ะ
แต่เดี๋ยวเราจะไปอีกทางนึงกัน พอเจอทางขึ้นศาลเจ้าก็เลี้ยวไปทางซ้ายเลยจ้า พอเลี้ยวเข้ามาแล้ว เราจะเจอที่ขายตั๋วค่ะ ตรงนี้จะมีขายตั๋วขึ้นบันไดเลื่อนและตั๋วเข้าสวน Enoshima Samuel Cocking ค่ะ มีแผนที่บอกว่าอะไรอยู่ตรงไหน
ถ้าจะขึ้นบันไดเลื่อนต้องเสียเงินจ้า แต่เราจะเดินขึ้นไปกันค่ะ ไปกันเลยยย
เดินขึ้นบันไดไปไม่นาน จะเจอสวนดอกไม้และจุดชมวิวค่ะ
เดินขึ้นไปอีกนิดนึง จะเจอทางเข้า Samuel Cocking Garden แต่เราจะผ่านไปก่อน .. เราจะไปที่ Love Bell และ โขดหิน Chigo-ga-fuchi ท้ายเกาะกันก่อนค่ะ
เดินไปตามทางได้เลยยย
ระหว่างทางเจอฝาท่อน่ารัก
ประตูก็น่ารัก
เดินขึ้นๆลงๆบันไดไปเรื่อยๆ เจอจุดชมวิวอีกจุดนึงค่ะ จะเห็นช่องเขาและทะเล
แล้วก็เดินต่อ จนเจอทางเข้าศาลเจ้าอีกศาลเจ้านึงค่ะ เดินเข้าไปแล้วก็เลี้ยวซ้ายไปเลย
หลังจากเลี้ยวซ้ายมานิดนึง จะเจอทางเข้าไป Love Bell ค่ะ ด้านหน้าจะมีป้ายบอกว่า จุดนี้ถ่า่ยละครด้วยน้า
ถึงแล้วจ้า Love Bell
ส่วนใหญ่จะมีแต่หนุ่มสาวมาสั่นระฆังกันค่ะ ด้านหลังจริงๆเห็นทะเลนะ >< แต่รูปมันจ้าไปหน่อย แฮะๆ
มีคล้องกุญแจด้วยค่ะ
ออกจาก Love Bell แล้ว เราไป โขดหิน Chigo-ga-fuchi กันต่อเลยจ้า จากทางออก Love Bell ให้เลี้ยวซ้ายไปเลย เดินลงบันไดอีกนิด ก็ถึงแล้ว ขออภัยหากไม่มีภาพระหว่างทางนะคะ เนื่องจากว่าลงบันไดเนี่ย เหนื่อยมากจ้า คนมันแก่แล้วอะะะะ เข่านี่ไปหมดแล้ววววว
ในที่สุดก็ถึงงงงงงง มีคนมาทำกิจกรรมกันเพียบเลยค่ะ ทั้งตกปลา ทั้งเล่นเจ็ทสกี
จริงๆ เดินไปอีกนิดจะมีถ้ำ Iwaya Cave ด้วย แต่เราไม่ได้ไปค่ะ
อากาศวันนี้ขมุกขมัวมาก จนแทบมองไม่เห็นเส้นขอบทะเลเลย
เดินเล่นอยู่ซักพัก ก็กลับค่ะ อากาศร้อนมาก เหงื่อนี่แตกเสื้อเปียกไปหมด แถมทางเดินขึ้นนี่ทำร้ายจิตใจมากกกกก ชันมาก ทางเดียวกับที่ลงมาอ่ะแหละ แต่ตอนลงมันชิลชิลไงงงง แต่พอขาขึ้นนี่สิ หอบแฮ่กๆเลย
ระหว่างทางเดินกลับเจอป้ายแบบนี้ค่ะ ถ้าไปดูโขดหินตอนช่วงที่พระอาทิตย์ตกคงสวยน่าดูเลยเนาะ
เดินกลับทางเดิมจนถึง Samuel Cocking Garden ค่ะ ซื้อตั๋วแล้วเข้าไปกันเลย ยยย ถ้าเข้า Samuel Cocking Garden อย่างเดียว ค่าตั๋ว 200¥ ค่ะ แต่ถ้าอยากเข้า Sea Candle ด้วย ก็ 500¥ จ้า
หน้าสวนมีตู้ขายตั๋ว สามารถกดซื้อได้เลยค่ะ
แผนที่รอบๆสวนค่ะ
จากทางเข้า ถ้าเดินตรงไปเลย จะเจอ คาเฟ่ที่วิวดีมากกก ชื่อ LON Cafe ค่ะ เราอยากลองชิมมากกก แต่คิวยาวแอบยาว แล้วมันต้องจองคิวผ่านตู้ ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย เลยถอดใจ ไม่ทานก็ได้ ฮ่าๆ เดินไปชมวิวอย่างเดียวค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินไปอีกด้านนึง เพื่อขึ้น Sea Candle ค่ะ เจอ Cafe ที่อยู่ก่อนทางเข้า ชื่อ Gabo Cafe และนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทานอะไรตอนเที่ยง (อีกแล้ว ) เลยแวะซักหน่อย จัด Waffle กับ Iced Americano ไปเบาๆ ค่ะ
อิ่มเรียบร้อย ขึ้นไปชมวิวบน Sea Candle กันดีกว่า
ต่อคิวขึ้นลิฟท์ค่ะ ถ้าเพื่อนๆที่ยังไม่ได้ซื้อตั๋ว มาซื้อตรงนี้ก็ได้น๊า
ขึ้นมาถึงแล้วว ถามว่าเห็นวิวมั้ย !? เห็นแบบเลือนลางมากค่ะ ไหนเส้นแบ่งขอบฟ้ากับทะเลลลล ไหนน
จริงๆ จากเกาะ Enoshima ถ้าทัศนวิสัยดีๆ เราก็สามารถมองเห็นฟูจิได้ด้วยเช่นกันค่ะ
สิ่งที่คิด
และสิ่งที่เห็น T.T
ฮ่าาา ไม่ได้พกดวงมาสินะ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ใจเราอยากจะเห็นฟูจิจากที่ไหนซักที่ไกลๆ ทีหลังต้องพกดวงมาด้วยนะเธออออ
มองกลับไปยังฝั่ง
เสียใจอะะ มองไม่ค่อยเห็นอะไร ลงดีกว่า Sea Candle ค่ะ ถ้ามาตอนเย็นๆ เค้าจะเปิดไฟด้วยน๊า
หลังจากออกจาก Sea Candle เราก็เดินกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานี Enoshima ค่ะ เพื่อที่จะกลับไปเดินเล่นที่ Komachi Dori สถานี Kamakura ค่ะ
» Komachi Dori «
Komachi Dori คือถนนช้อปปิ้งของ Kamakura ค่ะ มีร้านรวงน่ารักๆ ตลอดทางเดินเลย ทั้งของกิน ของฝาก คาเฟ่
● How to go
นั่งรถไฟ Enoden จากสถานี Enoshima ไปลงที่สถานี Kamakura ค่ะ
ขากลับนี่คนเยอะมากกก โดนอัดติดกระจกไปเลย T.T
ถึงแล้วค่ะ Komachi Dori
มาถึงก็เจอร้านนี้สกัดดาวรุ่งก่อนเลย แวะเข้าไปเดินเล่นนิดหน่อย
ร้านดอกไม้น่ารักๆ
คนครึกครื้นมากเลยค่ะ
เจอร้านน้ำ หิวน้ำพอดี เลยจัด Yuzu Honey Tea ไป 1 แก้วค่ะ แต่นะ .. หวานมากกกก แสบคอสุด
หลังจากนั้นก็ไปหาอะไรทานค่ะ เราอ่านเจอร้านนี้จากกระทู้นึงใน Pantip ค่ะ คืออ่านแล้วแบบ ชั้นต้องไปร้านนี้ให้ได้ !! เป็นร้านข้าวอบ ชื่อ Kamakura Kamameshi
» ร้านข้าวอบ Kamameshi Kama Kama Kamakura «
● How to go
วิธีการไปร้าน คือ จากต้นถนน Komachi Dori ให้เดินไปเรื่อยๆเลยค่ะ ผ่านแยกแรกไป เดินไปอีกนิดนึง จะเจอร้าน Village Cafe อยู่ขวามือค่ะ ให้เลี้ยวเข้าซอยที่ติดกับ Village Cafe เลย เลี้ยวเข้าไปแล้วตรงเข้าไปสุด จะเจอแยก ให้ไปทางขวา จะเจอร้านนี้จ้า ร้านจะเล็กๆ มีป้ายสีแดงๆค่ะ
ตอนเราไปถึง ร้านค่อนข้างว่า เลยไม่ต้องรอค่ะ หิวมากๆๆ หยิบเมนูมาสั่งเลยค่ะ
ร้านนี้เมนูหลักๆ เป็นข้าวอบหน้าต่างๆค่ะ แต่ก็มีของทานเล่น พวกไก่คาราเกะอะไรแบบนี้ด้วย
ส่วนเรา สั่งข้าวอบหน้าปลาชิราสึค่ะ อันตรงกลางเลย 1,200¥ ค่ะ
เมนูข้าวอบ ให้เวลารอซักแป๊ปนึงค่ะ ประมาณ 20 นาที รอ ร๊อ รอออ
ในที่สุดก็มาค่ะะะะ ข้าวมือแรกและมื้อเดียวของวันอีกแล้ว
ขอบอกว่า มัน อร่อย มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มากกกกสุดๆ คือ ข้าวอบร้อนๆ หอมกลิ่นไหม้นิดๆ ปลาชิราสึสดๆ ทานเพลินมากกกก โอ๊ย พูดแล้วอยากทานอีก
หลังจากเติมพลังแล้ว ไปเดินเล่นกันต่อเลยค่ะ
ออกมาจากร้าน เจอร้านเซมเบ้เจ้าดัง ย่างกันสดๆ ยั่วน้ำลายมากๆ เลยต้องจัดซักชิ้น อร่อยดีค่ะ เค็มๆ
หลังจากนั้นก็เดินเล่นอีกนิดหน่อย แล้วก็กลับเข้าโตเกียวค่ะ
กลับเข้าโตเกียวแล้ว เราไปที่ Kameido Tenjin Shrine ต่อ เพราะอยากดูดอกวิสทีเรียที่มีฉากหลังเป็น Tokyo Skytree ค่ะ
» Kameido Tenjin Shrine «
ศาลเจ้า Kameido เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเทศกาลชมดอก Wisteria ในโตเกียวค่ะ โดยเทศกาลชมดอก Wisteria ของศาลเจ้านี้ จะจัดช่วงกลาง-ปลายเดือนเมษายน ของทุกปีค่ะ เราเห็นจากภาพแล้ว ถ้าไปช่วง Full Bloom คงสวยน่าดูเลย ถ้าเป็นตอนกลางคืนเค้าจะมีเปิด Light Up ด้วย แถมยังมีวิวเป็น Tokyo Sky Tree อีก
● How to go
จากสถานี Kameido ให้ออกทาง North Exit แล้วเดินต่อไปอีก 15 นาทีค่ะ โดยจากทางออก North Exit ให้เดินไปตามถนนใหญ่ จนเจอสี่แยกใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปอีกนิดนึง จะเจอซอยที่มี โทริอิอยู่ด้านหน้า ให้เข้าไปในซอยนั้นเลยจ้า
พอเข้าซอยไปแล้ว เดินอีกนิดเดียวก็จะถึงศาลเจ้าค่ะ
ระหว่างเดินก็นะ .. เดินไปมโนไป ว่าเราจะต้องได้เห็นวิสทีเรียแบบฟูๆ Light Up สวยๆ พร้อมกับวิว Tokyo Skytree
แต่ . . .
ไหนล่ะะะะ วิสทีเรีย ฮื่ออ เรามาช้าไปใช่มั้ยยยย เศร้าใจอ่ะะ จากสถานี Kameido เดินมาค่อนข้างไกล แถมมืดอีก เดินมาคนเดียว แอบกลัวนิดหน่อย มาแล้วยังไม่เจออีก แงงงง T.T
ยังดีนะที่ในศาลเจ้ายังพอมีคนอยู่บ้าง ถ้าไม่งั้นคงน่ากลัวกว่านี้ค่ะ
เหลืออยู่แค่นี้เองค่ะ ดอกวิสทีเรีย
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากมาเที่ยวเทศกาลดอก Wisteria ที่ศาลเจ้า Kameido เราแนะนำให้มาช่วงปลายเดือนเมษายนนะคะ ซักช่วงวันที่ 23-27 เมษายน ถ้ามาหลังจากนั้น … ก็จะเจอแต่วิญญาณดอกวิสทีเรียแบบเรา T.T
ไหนๆก็มาแล้ว ขอซักภาพเนาะ
หลังจากนั้นก็กลับโรงแรมค่ะ หมดแรงขั้นสุด ตื่นเช้ามากมา 2 วัน
สำหรับ Kamakura – Enoshima ในความรู้สึกของเรา คือเราชอบเมืองนี้นะ แต่น้อยกว่าที่เราหวังไว้นิดนึง อาจจะเป็นเพราะเป็นช่วง Golden Week คนเยอะ บวกกับอากาศค่อนข้างร้อน และรอบนี้เราใช้เวลาไปอยู่ที่ Enoshima มากกว่า
ถ้ามีโอกาสเราอยากกลับไปที่ Kamakura อีกซักครั้ง ในวันที่คนน้อยกว่านี้ เพื่อที่จะได้สัมผัสความเป็น Kamakura จริงๆ ไม่รู้จะมีโอกาสรึเปล่า
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า ฝากติดตามชมด้วยค่า \ (•◡•) /
➤ Part 0 : Before Traveling ➤ Part 1 : Day 1 >> บินลัดฟ้า มุ่งหน้าสู่ Tokyo – รีวิวโรงแรม Hotel Mystay Asakusabashi ➤ Part 2 : Day 2 >> The World of Wisteria @ Ashikaga Flower Park ➤ Part 3 : Day 3 >> พานั่งรถไฟสาย Enoden เที่ยวที่ Kamakura – Enoshima ➤ Part 4 : Day 4 >> เดินเล่นใน Tokyo พาเที่ยว Aoyama Flower Market Tea House ➤ Part 5.1 : Day 5-7 >> 3 วัน 2 คืน ที่ Kawaguchiko (1) ➤ Part 5.2 : Day 5-7 >> 3 วัน 2 คืน ที่ Kawaguchiko (2) ➤ Part 6 : Day 8 >> Tokyo กิน-เที่ยว-ช้อป (1) ➤ Part 7 : Day 9 >> Tokyo กิน-เที่ยว-ช้อป (2) ➤ Part 8 : Day 10-11 >> Lonely Nikko
➤ Aoyama Flower Market Tea House (Full Version) : พาไปทานขนมพร้อมชมดอกไม้ที่ Aoyama Flower Market Tea House ➤ zOmsjiiw still eating x Japan 2016 : zOmsjiiw still eating x Japan 2016
How much does an Enoshima
The cost of an Enoshima-Kamakura Freepass is about the same as a return ticket, but includes unlimited travel in the area. A one-day pass costs ¥1,430 (US$14.09) for adults and ¥720 for children. It can be used anytime. Keep in mind this pass can only be used within Kamakura and Enoshima. But, you can get this pass on the day or in advance!
How do I get from Tokyo to Kamakura?
Before boarding one of the stylish Romance Cars that traverse the line I purchased an Odakyu Enoshima-Kamakura Freepass, which for a reasonable price grants a round trip between Tokyo and the Enoshima area, and unlimited travel between Enoshima and Kamakura on the Enoden trains for an entire day.
Where is Enoshima & Kamakura?
Situated along the Shonan coast of Japan’s Kanagawa Prefecture, Kamakura and Enoshima are popular tourist spots and home to hot springs, caves, temples and shrines. The Enoshima-Kamakura Freepass is a convenient and economical option for visitors wanting to explore the area, including transportation and discounts at select attractions.
How to get to Enoshima from Shinjuku?
What's more, the region that incorporates Enoshima and neighboring Kamakura is well-connected by the Odakyu train network, making it a convenient side trip from Tokyo I was eager to try for myself. To get to Enoshima from Shinjuku the most convenient route is via the Odakyu Enoshima line to Katase-Enoshima Station.