Compressor คอมเพรสเซอร ค อ ม ประโยชน อย างไร

ล็อคโรเตอร์ ซ่ึงกระแสไฟฟ้าล็อคโรเตอร์นเ้ี กิดขน้ึ นานๆ ไม่ไดจ้ ะมผี ลทาใหข้ ดลวดชดุ รันไหม้เสียหายได้

  1. นาสายไฟฟ้าช่วยสตาร์ตไปสมั ผสั ที่ข้วั S มีผลทาให้มีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านขดลวด

ชุดสตารต์ และทาให้มอเตอร์คอมเพรสเซอร์มแี รงบิดตอนเรม่ิ ออกตัวหมุนเพิ่มข้นึ มอเตอร์ -

คอมเพรสเซอร์สามารถสตารต์ หมุนออกตัวได้ โดยสมั ผสั ทีข่ ว้ั S ประมาณ 3-5 วนิ าที ดังรปู ท่ี 5.12 (ข)

  1. เมอ่ื มอเตอรค์ อมเพรสเซอรห์ มุนออกตวั ไดแ้ ล้ว จึงเอาสายไฟฟา้ ช่วยสตารต์ ออก

จากขั้ว S จึงทาให้ไม่มกี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นขดลวดชุดสตาร์ต กระแสไฟฟ้าจงึ ไหลผ่านขดลวดชุดรนั

เพยี งขดเดียว มอเตอร์คอมเพรสเซอร์สามารถหมุนทางานตามปกตดิ ้วยกระแสไฟฟา้ ปกติ (FLA or

RLA) ดงั รปู ที่ 5.13 (ค) และคา่ กระแสไฟฟา้ ล็อคโรเตอร์จะมีคา่ มากกวา่ กระแสไฟฟ้าปกติหรือ

กระแสไฟฟา้ ฟูลโหลดประมาณ 7-10 เท่า

(% Line current)

100 (Lock rotor ampere/LRA) 90

80

70 50 % (Part starting winding current approximate 50%) 60

50

40

30 (Full Load Ampere/FLA) 20

10

0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

รปู ที่ 5.11 เปรยี บเทยี บกระแสไฟฟ้าของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์

อุปกรณไ์ ฟฟ้าในงานเครอ่ื งปรับอากาศ 166

(Line) (LRA) (S) (S) (S) C (R) (R) (AC power supply) R S

(Neutral) () (Line) C

(AC power supply) S R

(Neutral) () C (Line) R (FLA/RLA) (AC power supply) (R)

S

(Neutral) ()

รปู ที่ 5.12 การสตาร์ตมอเตอรค์ อมเพรสเซอรแ์ บบโดยตรง

อุปกรณ์ไฟฟ้าในงานเครือ่ งปรบั อากาศ 167

ตารางที่ 5.3 คณุ สมบตั ิของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ชนิดอนิ เวอรเ์ ตอร์ (Dc Inverter) ที่มา : //www.siamcompressor.com

รุ่น ขนาดการทาความเย็น กาลงั ไฟฟา้ กระแสไฟฟ้า สารทาความเย็น (Model) (W) (A) W Btu/hr R-32 SVB 092 940 3.70 SVB 130 482-5,782 1,644-19,728 1,320 6.40 R-410A SVB 172 1,810 8.70 SNB 092 570-9,070 1,944-30,948 820 2.90 SNB 110 1,035 7.00 SNB 130 690-5,782 2,354-36,817 1,140 5.40 SNB 140 1,230 3.80 SNB 172 608-6,462 2,074-22,048 1,560 6.70 TNB 220 2,200 9.70 TNB 306 723-8,046 2,466-27,453 3,010 13.30

868-9,679 2,961-33,025

907-5,364 3,094-18,301

1,330-10,835 4,538-36,970

1,602-14,392 5,466-49,106

2,245-20,676 7,660-70,548

ตารางที่ 5.4 คุณสมบัติของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบโรตาร่ี (Rotary hermetic compressor) ชนดิ PSC ระบบไฟฟา้ 1 เฟส 220-240 โวลต์ 50 เฮริ ต์

ที่มา : //www.siamcompressor.com

รนุ่ ขนาด ขนาด กระแสไฟฟ้า คาปาซิเตอรร์ นั สารทาความเย็น (Model) การทาความเยน็ กาลงั ไฟฟา้ LRA FLA (µF/V) R-32 RV 092 บีทียู/ชวั่ โมง วัตต์ แรงม้า วัตต์ (A) (A) R-410A RV 130 (Btu/hr) (W) (HP) (KW) 25/370 R-22 RV 135 - 3.80 30/370 RV 174 7,643 2,240 0.94 0.82 - 5.20 45/370 RV 220 11,157 3,270 1.14 1.00 - 5.50 40/400 RN 110 11,601 3,400 1.18 1.21 - 7.20 45/420 RN 145 15,218 4,460 1.74 1.53 - 9.10 25/370 RN 220 18,800 5,510 2.15 1.95 - 4.20 30/370 NN 29 9,144 2,680 1.01 0.75 - 5.80 45/370 NN 37 12,181 3,570 1.34 1.00 - 8.80 55/400 NN 40 18,700 5,480 2.15 1.60 - 11.20 60/420 RH 154 25,248 7,400 2.55 1.90 - 14.70 60/420 RH 207 32,072 9,400 3.35 2.50 - 16.10 25/370 RH 313 34,802 10,200 3.62 2.70 - 3.79 30/370 PH 41 9,087 2,662 1.01 0.75 - 5.30 45/370 NH 52 12,522 3,670 1.34 1.00 - 8.43 60/400 NH 56 19,244 5,640 1.74 1.30 - 11.00 60/420 25,678 7,519 2.55 1.90 - 14.20 60/420 33,008 9,674 3.35 2.50 - 15.80 36,072 10,572 3.62 2.70

อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในงานเคร่อื งปรับอากาศ 168

ตารางท่ี 5.5 คุณสมบตั ิของมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์แบบสโครล์ (Scroll hermetic compressor) ชนดิ PSC ระบบไฟฟา้ 1 เฟส 220-240 โวลต์ 50 เฮริ ์ต

ท่มี า : //www.siamcompressor.com

ขนาด ขนาด กระแสไฟฟ้า กาลังไฟฟ้า รนุ่ การทาความเย็น LRA FLA คาปาซเิ ตอรร์ นั สารทาความเย็น (Model) แรงมา้ วัตต์ (A) (A) บีทยี ู/ วตั ต์ (HP) (KW) (µF/V) AH 42 (W) AH 52 ชัว่ โมง 2.55 1.90 AH 56 (Btu/hr) 3.08 2.30 AH 60 3.35 2.50 AN 30 25,080 7,350 3.62 2.70 - 10.20 45/420 AN 33 3.08 2.30 - 13.10 50/420 AN 36 31,900 9,350 3.35 2.50 - 14.20 60/420 R-22 AN 40 3.55 2.65 - 15.50 60/420 R-410A AN 42 34,460 10,100 3.75 2.80 - 11.90 50/420 4.02 3.00 - 13.00 50/420 37,000 10,830 - 14.60 55/420 - 15.70 60/420 26,170 7,670 - 16.90 60/420

29,000 8,500

32,250 9,450

35,145 10,300

36,510 10,700

ตารางที่ 5.6 คุณสมบัติมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ (Reciprocating hermetic compressor) สารทาความเยน็ R-22 ผลิตภณั ฑ์ TECUMSEH ระบบไฟฟา้ 1 เฟส 220-240 V 50 Hz

ทมี่ า : //www.kulthorn.co.th

รนุ่ ขนาด กาลงั ไฟ ชนดิ ของ กระแสไฟฟ้า คาปาซิเตอร์ คาปาซิเตอร์ (Model) การทาความเย็น มอเตอร์ รนั สตารต์ ฟา้ (Motor LRA FLA บีทียู/ชั่วโมง วัตต์ (A) (A) (µF/V) (µF/V) (Btu/hr) (W) (KW) type) 32 6.4 20/370 - AW 5513 12,060 3,535 1.27 PSC 54 8.0 35/370 - 67 11.8 35/370 - AW 5520 17,740 5,200 1.73 PSC 73 12.0 50/370 - 85 15.4 60/370 - AW 5528 24,300 7,122 2.25 PSC 85 18.0 60/370 - 33 6.5 25/370 108-130 AW 5530 25,490 7,470 2.38 PSC 50 7.6 30/370 108-130 50 8.3 25/370 108-130 AW 5535 30,020 8,798 2.90 PSC 54 8.0 35/370 108-130 54 8.7 35/370 108-130 AW 5542 35,900 10,522 3.55 PSC 51 9.6 45/370 108-130 67 11.8 35/370 130-165 AW 4515 13,940 4,086 1.39 CSR 73 12.0 50/370 88-106 73 12.9 50/370 130-156 AW 4517 15,150 4,440 1.53 CSR

AW 4519 16,500 4,836 1.68 CSR

AW 4520 17,750 5,202 1.73 CSR

AW 4522 19,340 5,668 1.89 CSR

AW 4524 20,950 6,140 2.08 CSR

AW 4528 24,260 7,110 2.41 CSR

AW 4530 25,000 7,327 2.49 CSR

AW 4532 26,850 7,870 2.67 CSR

อุปกรณ์ไฟฟา้ ในงานเครื่องปรับอากาศ 169

5.2 คาปาซิเตอร์ (Capacitor) คาปาซิเตอร์เป็นอปุ กรณ์ไฟฟา้ ชนดิ หนงึ่ ประกอบด้วยแผน่ โลหะ 2 แผน่ วางใกล้กนั มีฉนวนไดอิ

เล็กตรกิ (Di-electric) กนั้ กลางซงึ่ ไดอเิ ล็กตริกนอ้ี าจจะเป็นอากาศ ไมก้า พลาสติก เซรามิคหรอื สารที่ มีสภาพคล้ายฉนวนอ่ืน ๆ เป็นตน้ ทาหนา้ ทเี่ กบ็ ประจหุ รือชารจ์ ประจุไฟฟา้ (Charge) และคายประจุ หรอื ดิสชาร์จประจุไฟฟ้า (Discharge) เรยี กเป็นค่าความจุไฟฟา้ (Capacitance) หน่วยของความจุ ไฟฟ้าคือฟาราด (Farad) หรือไมโครฟาราด (Micro farad) เขียนยอ่ ว่า MFD , MF หรือ µF

(Dielectric)

(Insulator) (Terminal)

รปู ท่ี 5.13 สัญลักษณ์ของคาปาซเิ ตอร์

ภายในตวั คาปาซเิ ตอรจ์ ะมีคา่ ความต้านทานไฟฟ้า สามารถใช้เป็นโหลดทางไฟฟ้าได้ ทาให้ เกิดผลตา่ งเฟสกนั โดยค่าของกระแสไฟฟา้ จะมที ิศทางนาหน้าแรงดนั ไฟฟ้า ประโยชนท์ ี่มอเตอร์ไฟฟ้า

ไดร้ บั คือเพื่อปรบั ปรงุ คา่ เพาเวอร์แฟคเตอรท์ าใหม้ ปี ระสิทธิภาพสงู ขน้ึ เพ่มิ แรงบิด กินกระแสไฟฟ้า นอ้ ยลง ลดการสูญเสียพลังงานไฟฟา้ ใหก้ ับมอเตอรไ์ ฟฟา้ ทาใหม้ อเตอรไ์ ฟฟา้ ทางานได้อย่างมี

ประสทิ ธิภาพดขี นึ้ คาปาซิเตอร์ทน่ี ามาต่อรว่ มกบั มอเตอร์ไฟฟ้าในระบบเครื่องทาความเย็นและปรับ อากาศน้นั จะมีใชอ้ ยู่ 2 ชนดิ คือ คาปาซเิ ตอรส์ ตาร์ตและคาปาซิเตอร์รัน การสังเกตทาได้งา่ ย ๆและมี หลกั ในการจาทีง่ ่าย ๆ น่นั คอื คาปาซิเตอรส์ ตาร์ตจะมสี ดี า ค่าความจไุ ฟฟา้ สงู คา่ ทนแรงดนั ไฟฟ้าตา่

คาปาซิเตอร์รนั มีสีเทา ค่าความจุไฟฟา้ ตา่ คา่ ทนแรงดนั ไฟฟ้าสูง

(Terminal)

(Terminal)

(Dielectric) (Metal plate)

(Aluminium plate) (Case)

รูปท่ี 5.14 โครงสร้างภายในของคาปาซิเตอร์

อุปกรณ์ไฟฟ้าในงานเคร่ืองปรับอากาศ 170

5.2.1 คาปาซิเตอร์รัน (Capacitor run) ลกั ษณะคาปาซิเตอรร์ นั คอื ภายในมีแผน่ โลหะบาง 2 แผน่ วางใกล้กัน ใชฉ้ นวนนา้ มนั เป็นตวั ฉนวนกั้นกลาง ภาชนะทใี่ ช้บรรจุทาด้วยโลหะทรงกระบอกหรือ

ทรงรี ตัวถังที่ใชบ้ รรจสุ ว่ นใหญ่จะเป็นอลมู ิเนยี ม แตถ่ ้าขนาดความจุตา่ กว่า 5 MFD ตวั ถังทีใ่ ช้บรรจุ จะเปน็ ไฟเบอรก์ ลาส การนาคาปาซเิ ตอรร์ ันไปใช้งานจะต่อระหวา่ งปลายสายขดลวดรนั และขดลวด

สตาร์ตของมอเตอร์ไฟฟ้า ถา้ พิจารณาดูลักษณะการตอ่ วงจรแลว้ จะพบว่าคาปาซเิ ตอรร์ นั จะตอ่ อนุกรม กบั ขดลวดสตารต์ และต่อรว่ มอยใู่ นวงจรไฟฟา้ ตลอดเวลาไม่มกี ารตัดวงจรขดลวดสตาร์ตออก เมอ่ื กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นขดลวดสตารต์ ขณะทีม่ อเตอรไ์ ฟฟ้าหมนุ ไปแลว้ กระแสไฟฟ้าจะนอ้ ยลงและ

แรงดนั ไฟฟา้ ตกคลอ่ มทีข่ ดลวดสตาร์ตกน็ ้อยลงดว้ ย เพราะส่วนหนึ่งไปตกคล่อมที่คาปาซเิ ตอร์รนั ดงั นนั้ ขดลวดสตารต์ จึงไมเ่ ปน็ อันตรายขณะที่มอเตอร์ไฟฟา้ กาลังหมุน

คาปาซิเตอร์รันจะใช้ตอ่ อนกุ รมเข้ากบั ขดลวดสตารต์ ของมอเตอรไ์ ฟฟ้า 1 เฟส ทงั้ ชนิด CSR และ PSC เพื่อปรบั ปรงุ คา่ เพาเวอรแ์ ฟคเตอร์และเพมิ่ ประสิทธภิ าพในการใช้งาน ตวั คาปาซิเตอรร์ ันท่ี ใชจ้ ึงตอ้ งเป็นแบบ MF (Metallic vaporized zinc film) ซงึ่ ทาจากฟิล์มพลาสติกเคลอื บดว้ ยฟิลม์ ไอ

ระเหยของโลหะสังกะสี โดยสามารถซ่อมตัวเองได้ เมือ่ เกดิ การร่ัวของประจไุ ฟฟา้ ข้นึ ค่าความเกบ็ ประจไุ ฟฟ้าจะมคี ่าไมส่ ูง แตต่ ัวถังของคาปาซเิ ตอร์รันต้องสามารถทนตอ่ แรงดันไฟฟา้ ไดส้ ูงและทนต่อ

การทางานได้เปน็ เวลานาน ๆ คาปาซเิ ตอรร์ ันจะมีคา่ พกิ ัดแรงดนั ไฟฟ้าใชง้ านสงู เพราะต้องต่ออยใู่ น วงจรไฟฟ้าตลอดเวลาที่มอเตอรไ์ ฟฟ้าทางาน เชน่ 370 VAC หรอื 440 VAC

มอเตอรช์ นดิ ท่ีนาเอาคาปาซเิ ตอร์รันไปตอ่ ร่วมใชง้ านคือคาปาซเิ ตอร์รันมอเตอร์ ( Capacitor

run motor) หรือ PSC (Permanent split capacitor) ซ่ึงมขี ้อดกี ค็ ือ 1)ไมต่ อ้ งตัดวงจรไฟฟา้ ขดลวดสตารต์ ออกจากวงจร เพราะขณะทม่ี อเตอรไ์ ฟฟ้ากาลังหมุนอยู่

ขดลวดสตารต์ จะไปชว่ ยสร้างเสริมสนามแมเ่ หลก็ ให้กับขดลวดรนั ดว้ ย

  1. มอเตอร์ไฟฟา้ ไมต่ อ้ งใช้ รเี ลยห์ รือสวติ ช์อตั โนมัติ เป็นอุปกรณ์ตดั วงจรไฟฟา้ ขดลวดสตาร์ต

(Run capacitor for compressor motor) (Run capacitor for fan motor)

25  F  5% 2.5MFD+_ 5 2.5MFD+_ 5 HERM. HERM. C FAN 370 VAC 52054/5+6005VH AzFC 5% 50/60 Hz C FAN 370 VAC % 50/60 Hz 25 + 5 F  5% 450 VAC 50/60 Hz

370 VAC % 50/60 Hz

2 3 (Run capacitor) (Daul capacitor)

รูปที่ 5.15 คาปาซิเตอร์รนั

อปุ กรณ์ไฟฟ้าในงานเครื่องปรบั อากาศ 171

5.2.2 คาปาซเิ ตอร์สตารต์ (Capacitor start) ภายในกระบอกบรรจจุ ะประกอบดว้ ยแผ่น โลหะ อลูมิเนยี มบาง ๆจานวน 2 แผ่นวางไวใ้ กลก้ ันโดยมแี ผน่ ฉนวนที่เป็นกระดาษอาบดว้ ยนา้ ยาอเิ ล็ก โตรไลต์ เปน็ ฉนวนทางไฟฟ้า วางกัน้ กลางระหว่างแผ่นโลหะท้ังสองแล้วพนั มว้ นอัดแนน่ บรรจุลงใน กลอ่ งพรอ้ มกบั แชใ่ นน้ายาอิเลก็ โตรไลต์ ตวั ถงั ของคาปาซิเตอร์สตารต์ จะเป็นไฟเบอร์กลาส เม่ือเกิด ภาวะฉกุ เฉินจะมชี ่องท่ีจะสง่ กลน่ิ และควันออกมาท่ีบริเวณใกล้ขว้ั ของคาปาซิเตอร์ในกรณีท่คี าปาซิ - เตอร์สตาร์ตทางานผิดปกติหรือระเบิด สารอิเลก็ โตรไลต์จะพงุ่ ออกมา

การนาคาปาซิเตอรส์ ตารต์ ไปตอ่ ใชง้ านเราจะตอ่ อนุกรมเข้ากับขดลวดสตาร์ตของมอเตอร์ ไฟฟา้ เม่อื เราต่อวงจรใชง้ านเขา้ กับระบบไฟฟา้ กระแสสลับแลว้ คาปาซเิ ตอรส์ ตารต์ จะทาการเก็บ ประจุไฟฟา้ และพร้อมทจี่ ะจา่ ยใหก้ ับโหลดทนั ที เพอื่ เปน็ การเพ่มิ อานาจแมเ่ หลก็ ให้กบั ขดลวดสตาร์ต จงึ ทาให้ในตอนเริ่มเดนิ มอเตอร์ครั้งแรกมแี รงบดิ เรม่ิ สตาร์ตสงู ขึ้นหลงั จากนั้นคาปาซเิ ตอรส์ ตาร์ตและ ขดลวดสตาร์ต ก็จะถูกตัดออกจากวงจรด้วย รีเลยห์ รือสวิตชอ์ ัตโนมตั ิ เน่ืองจากคาปาซิเตอรส์ ตาร์ต เปน็ ชนดิ อเิ ล็กโตรไลต์ ซ่ึงมีขนาดเล็กมากเม่ือเทยี บกับคา่ การเกบ็ ประจุ จงึ ไมส่ ามารถทนตอ่ การ ทางานอยา่ งต่อเนือ่ งนานๆได้ คาปาซเิ ตอรส์ ตารต์ จะมคี า่ ความเกบ็ ประจุสงู เชน่ 88-108 MFD ซง่ึ กาหนดเปน็ ค่าตา่ สดุ และสงู สุดของการใช้งาน โดยค่าความเกบ็ ประจุ จะอย่ใู นชว่ งตัง้ แต่ 21-995 MFD ส่วนค่าพกิ ดั แรงดนั ไฟฟา้ ใชง้ านจะตา่ กว่าคาปาซเิ ตอร์รนั เช่น 250 VAC หรอื 330 VAC

88-108F 10 88-108F 10 330 VAC% 330 VAC% 50/60 Hz 50/60 Hz

รปู ที่ 5.16 คาปาซิเตอร์สตาร์ต

และในคาปาซิเตอร์บางตัวจะมีตัวตา้ นทานบรดี เดอร์ (Bleeder resistor) ต่ออยดู่ ้วย เพอ่ื เพิ่ม ประสิทธภิ าพและความเช่อื มน่ั ของวงจรไฟฟา้ ใหม้ ากขึ้น กลา่ วคือภาระไฟฟา้ ทีจ่ า่ ยเก็บไว้ทีต่ วั คาปาซิ เตอร์สตารต์ ไดม้ ีการคายประจอุ อกมาทนั ทีทนั ใดเพยี งครั้งเดยี ว เม่อื หน้าสมั ผสั ของสตารต์ รเี ลย์ปิด วงจร จะทาให้เกดิ ความเสยี หายท่หี นา้ สมั ผัสถึงกบั ละลายเชอื่ มติดกันได้ ทาใหก้ ารทางานของวงจร สตารต์ มอเตอรไ์ ฟฟ้าผดิ พลาดไป เพ่ือป้องกนั เหตุการณ์ดังกล่าว จงึ ตอ้ งติดต้งั ตวั ต้านทานบรดี เดอร์นี้ ขนานเข้ากบั ข้ัวของคาปาซิเตอร์สตาร์ตโดยอตั โนมัตริ ะหว่างทีม่ อเตอร์ไฟฟ้าทางาน

ในวงจรไฟฟา้ ของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ คาปาซิเตอรส์ ตารต์ จะตอ่ อนกุ รมกบั หนา้ สมั ผสั ของ โพเทนเชยี ลรีเลยแ์ ละขดลวดสตาร์ต ขณะทางานจึงมีโอกาสเกดิ ประกายไฟที่หนา้ สัมผสั ทาใหเ้ กิดการ เสยี หายท่หี น้าสัมผัสของโพเทนเชยี ลได้ จึงตอ่ ตัวความต้านทานไฟฟา้ ค่าประมาณ 15-20 กโิ ลโอหม์ (kΩ) ขนาด 2 วัตต์ (w) ต่อคร่อมระหวา่ งขั้วทง้ั สองของคาปาซเิ ตอร์สตาร์ต เพื่อทาหนา้ ทคี่ ายประจุ ออกจากตัวคาปาซเิ ตอร์

อุปกรณไ์ ฟฟ้าในงานเครอ่ื งปรับอากาศ 172

5.2.3 การเลือกใช้คาปาซเิ ตอรใ์ ห้ได้ขนาดกบั มอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ การใช้คาปาซิเตอรท์ ่ีมคี ่าความจตุ า่ เกนิ ไปหรือสงู เกนิ ไป จะเป็นอนั ตรายกบั ตวั คาปาซิเตอร์ เอง และจะทาใหแ้ รงบดิ เรม่ิ หมุนของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์นอ้ ยลงไปและจะเป็นอนั ตรายตอ่ มอเตอร์ คอมเพรสเซอรด์ ้วย

  1. คา่ ความจุไฟฟา้ ของคาปาซเิ ตอร์สตาร์ตสูงเกนิ ไป จะทาให้หนา้ สัมผัสของรีเลย์เกิด ประกายไฟหลอมละลายติดกัน มผี ลทาให้คาปาซิเตอรส์ ตารต์ ไหม้ได้ และยงั ส่งผลทาใหข้ ดลวดคอยล์ (Coil) ของรีเลยไ์ หมต้ ามไปดว้ ย
  2. ถ้าคา่ ความจุไฟฟา้ คาปาซิเตอรส์ ตารต์ ตา่ เกนิ ไป จะทาให้เพ่ิมจานวนคร้ังในการสตาร์ตมาก ข้ึนทาใหแ้ รงดนั ไฟฟา้ ตกคร่อมคาปาซเิ ตอร์สตารต์ มาก เป็นสาเหตุให้คาปาซเิ ตอรส์ ตารต์ เสียหายไดง้ า่ ย

5.2.4 การตรวจวิเคราะห์ คาปาซิเตอร์ สามารถตรวจวิเคราะห์คาปาซิเตอรว์ า่ ดหี รอื เสยี ได้ 2 กรณีคือ

  1. ดว้ ยการใชม้ ลั ตมิ เิ ตอร์ ตั้งย่านวดั คา่ ความต้านทานไฟฟา้ โดยตง้ั ค่าย่านวดั ความตา้ นทาน ไฟฟ้าที่คา่ สงู ๆ ไว้ก่อนและค่อย ๆ เปล่ยี นยา่ นวัดลงมาเร่ือย ๆ จนกวา่ จะอ่านคา่ ได้ สงั เกตเขม็ ชี้ ของมลั ติมิเตอร์จะสวิงขนึ้ ไปทางขวามือ ประมาณครง่ึ สเกล แลว้ จะคอ่ ย ๆ ลดลงมาทางซ้ายจนหยุดน่ิง ทอี่ ินฟนิ ิตี้ (∞) ก็แสดงวา่ คาปาซิเตอรด์ ีใชง้ านได้ แตถ่ ้าวดั แลว้ เขม็ ช้ีของมลั ตมิ เิ ตอร์ไมส่ วิงขน้ึ เลย หรอื สวิงข้ึนแลว้ ไม่ยอมลงแสดงว่าคาปาซิเตอรเ์ สียใชง้ านไมไ่ ด้ ขอ้ ควรระวังทกุ คร้งั ทีจ่ ะทาการวดั ตรวจสอบคาปาซเิ ตอรจ์ ะตอ้ งทาการคายประจไุ ฟฟา้ ของคาปาซิเตอร์ทกุ ครั้ง โดยการใชส้ ายไฟฟา้ หรือโลหะสมั ผสั ทขี่ ้วั ทงั้ สองของคาปาซิเตอร์
  2. ถา้ ใชไ้ ฟฟ้าจ่ายเข้าไปทข่ี ้ัวทง้ั 2 ของคาปาซิเตอร์ เพอ่ื ให้คาปาซเิ ตอรเ์ ก็บประจไุ ว้ และใช้ สายไฟฟา้ มาแตะทข่ี ว้ั ทงั้ 2 ของคาปาซิเตอร์ เพอื่ ดูว่าคาปาซิเตอร์คายประจุหรอื ไม่ โดยสงั เกตจาก ประกายไฟทีเ่ กิดขึ้น ถา้ เกิดประกายไฟแสดงวา่ คาปาซิเตอรด์ ี ขณะทดสอบควรดาเนนิ การอยา่ ง รวดเร็วประมาณ 3-4 คร้ัง

(Meter should rise quickly and fall back slowly)

0

25  F  5%  370 VAC 50/60 Hz (Multimeter)

(Run capacitor)

รปู ที่ 5.17 การวดั ตรวจสอบคาปาซเิ ตอรด์ ว้ ยมลั ติมิเตอร์

อปุ กรณ์ไฟฟ้าในงานเคร่อื งปรับอากาศ 173

(Multimeter) (Multimeter) 0 0

(Capacitor)  (Capacitor) 

() (Good) () (Open)

(Multimeter) (Multimeter) 0 0

 

(Capacitor) (Capacitor) (Leaky)

() (Shorted) ()

รูปท่ี 5.18 การวดั ตรวจสอบคาปาซิเตอรด์ ว้ ยมัลติมิเตอร์ในสภาวะตา่ ง ๆ

ตารางที่ 5.7 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคาปาซิเตอรก์ บั มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ ทม่ี า : www.tecumseh.com

ชนดิ ของ ชนิดของ คณุ สมบัติ คาปาซเิ ตอร์ มอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ (Characteristics) (Capacitor type) (Compressor motor type) - ถูกออกแบบให้ทางานในขณะสตาร์ตเท่านน้ั คาปาซเิ ตอรส์ ตารต์ CSIR and CSR - ตดั วงจรขดลวดชดุ สตารต์ ดว้ ยรเี ลย์อตั โนมัติ (Start capacitor) - ถา้ ใช้คาปาซิเตอรส์ ตารต์ ทีม่ คี า่ ความจเุ กินกวา่ กาหนดจะทา RSIR, CSR and PSC ใหข้ ดลวดชุดสตาร์ตมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านเพม่ิ ขน้ึ อณุ หภูมิ คาปาซเิ ตอรร์ ัน สูงขนึ้ และอาจทาใหแ้ รงบดิ ขณะสตารต์ ลดลง (Run capacitor) - พิกัดแรงดันไฟฟ้าของคาปาซเิ ตอร์สตารต์ จะตอ้ งเทา่ กับหรอื มากกวา่ ค่าที่กาหนดไว้ - พิกัดค่าความจุจะต้องไม่มากกว่าค่าท่ีกาหนดไว้ - ถกู ออกแบบใหต้ อ่ อนุกรมกับขดลวดชุดสตาร์ต - ถา้ ใช้คาปาซิเตอรร์ นั ทีม่ ีค่าความจเุ กนิ กวา่ กาหนดจะทาให้ ขดลวดชุดสตารต์ มกี ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นเพมิ่ ขึ้นอณุ หภูมิสงู ขึน้ - พิกัดแรงดนั ไฟฟา้ ของคาปาซเิ ตอรร์ นั จะต้องเทา่ กบั หรือ มากกว่าค่าที่กาหนดไว้ - พกิ ดั คา่ ความจุจะตอ้ งไม่มากกว่าคา่ ท่กี าหนดไว้

อุปกรณไ์ ฟฟา้ ในงานเครื่องปรับอากาศ 174

5.3 โพเทนเช่ยี ลรเี ลย์ (Potential relay) หรอื โวลต์เตจรีเลย์ (Voltage relay) โพเทนเช่ียลรเี ลย์คอื รเี ลย์ทท่ี าหน้าที่ชว่ ยมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ในขณะเร่มิ ทางาน โดยใช้

แรงดนั ไฟฟ้าควบคุมการทางานและทาหน้าทตี่ ัดคาปาซิเตอรส์ ตารต์ ออกจากวงจร หลงั จากทีม่ อเตอร์ คอมเพรสเซอรห์ มุนแล้วแลว้ ประมาณ 75 เปอรเ์ ซ็นต์ ( %) ของความเรว็ รอบสูงสุด โพเทนเชย่ี ลรีเลย์ จะนาไปใช้กบั มอเตอร์คอมเพรสเซอรท์ ม่ี ีการตอ่ แบบคาปาซเิ ตอร์สตารต์ คาปาซิเตอรร์ ันมอเตอร์ (Capacitor start capacitor run motor or CSR) ขนาดตงั้ แต่ 1 แรงมา้ (H.P.) ขนึ้ ไป

โพเทนเชยี่ ลรีเลย์มสี ว่ นประกอบอยู่ 2 ส่วนคือขดลวดทองแดงเส้นเล็กซ่งึ พนั ดว้ ยลวดอาบ น้ายาเรยี กว่าโพเทนเชย่ี ลคอยล์ ทาหนา้ ท่สี ร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ขดลวดน้ีมจี านวนรอบมาก ค่า ความต้านทานไฟฟ้าสงู และมหี น้าสมั ผสั ชนิดปกติปิด (Normally closed or N.C.) ดงั รปู 5.5

(Coil)

25 (N.C. contact) 1 4 6 (Potential relay)

รปู ที่ 5.19 โพเทนเชยี่ ลรีเลย์

5.3.1 การตรวจสอบโพเทนเชยี่ ลรเี ลย์ การตรวจสอบโพเทนเชี่ยลรีเลย์ สามารถใชเ้ ครื่องมือวัดค่าความตา้ นทานไฟฟา้ หรือ มัลตมิ ิเตอร์ (Multimeter) และใชว้ ธิ ีการต่อวงจรไฟฟา้ โดยใช้หลอดไฟฟา้

  1. ใชม้ ัลตมิ ิเตอร์ตง้ั ย่านวัดค่าความตา้ นทานไฟฟ้า (Ω ) แล้วใชเ้ ขม็ ชขี้ องมลั ตมิ ิเตอร์ ไปวดั ทข่ี ้ัว 2 กับ 5 ถา้ เขม็ ชข้ี องมัลติมเิ ตอรส์ วิงข้ึนไปทางขวามอื และมคี ่าความต้านทานไฟฟ้า เกิดขึ้นแสดงว่าขดลวดโพเทนเช่ียลรเี ลย์ดีแล้วใช้เข็มวดั ของสายวดั ไปวัดที่ขวั้ 1 กับ 2 ถา้ เขม็ ช้ี ของมัลตมิ ิเตอร์สวงิ ขึ้นไปทางขวามือจนถึงค่าศูนยแ์ สดงวา่ โพเทนเชยี่ ลรเี ลย์ดี เน่อื งจากข้วั 1 และ 2 เปน็ หนา้ สมั ผัสแบบปกติปดิ (Normally closed or N.C.)

(Multimeter) 0

(Multimeter)  1,000 0

0

 25

(Coil)

1 (N.C. contact) (Potential relay)

รูปท่ี 5.20 การตรวจสอบโพเทนเชีย่ ลรเี ลยโ์ ดยใช้มลั ติมิเตอร์

อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในงานเครื่องปรับอากาศ 175

  1. ใช้วิธกี ารตอ่ วงจรไฟฟา้ ดงั รปู ที่ 5.21 และจา่ ยกระแสไฟฟ้าให้กับวงจรหลอดไฟฟา้ จะสวา่ งและดับทนั ที แสดงวา่ โพเทนเชี่ยลรเี ลย์ดี

(Neutral) (AC power supply) (Line)

25 (Potential relay)

(Coil)

1 (N.C. contact)

100 (Incandescent lamp 100 Watt)

รปู ที่ 5.21 การตรวจสอบโพเทนเชยี่ ลรเี ลย์โดยใชห้ ลอดไฟฟา้

5.3.2 การเลือกโพเทนเช่ยี ลรีเลยใ์ ช้งาน มขี ้อกาหนด ดังน้ี

  1. ขดลวดของโพเทนเช่ยี ลรเี ลย์ (Potential relay) ขว้ั ที่ 2 และ 5 จะต้องสามารถรับแรงดนั - ไฟฟ้าตอ่ เนอ่ื ง (Continuous voltage) ท่เี กดิ จากการทางานของขดลวดชุดสตาร์ต ในมอเตอร์คอม- เพรสเซอร์ตลอดเวลาท่ีโพเทนเชยี่ ลรเี ลย์ทางาน
  2. คา่ แรงดันไฟฟ้าทใี่ ชใ้ นการตดั หนา้ สัมผสั ขวั้ ท่ี 1 และ 2 (Pick up voltage) คือ ค่าแรงดนั ไฟฟ้าทเี่ กิดขึ้นเมอ่ื มอเตอรค์ อมเพรสเซอร์มคี วามเรว็ รอบประมาณ 75% ของความเรว็ รอบปกติ
  3. ตอ้ งตดิ ตั้งใช้งานโพเทนเช่ียลรีเลย์ในตาแหน่งท่ถี กู ต้อง (Mounting position) ตามทผ่ี ผู้ ลิต กาหนด เพราะจะมผี ลตอ่ การตดั ตอ่ หนา้ สมั ผัสข้ัวท่ี 1 และ 2
  4. รายละเอียดทเ่ี ปน็ ขอ้ กาหนดสาคญั ของโพเทนเชี่ยลรเี ลย์จากบรษิ ัทผผู้ ลิต ตัวอยา่ งโพเทน- เช่ยี ลรีเลย์รีเลย์ G.E ร่นุ 3ARR3-A3A3 มคี วามหมายดงั นี้

3ARR3 = Potential relay A = รเี ลย์ทีม่ ีข้ัวตอ่ ใช้งานเปน็ แบบสกรู 5 ข้ัว แป้นยดึ ตวั รเี ลย์เป็นลกั ษณะตัว L 3 = ขดลวดของโพเทนเช่ยี ลรเี ลย์ (2-5) ออกแบบสาหรบั รบั แรงดนั ไฟฟ้าถงึ 332 V A = แรงดันไฟฟ้าทตี่ ดั หนา้ สัมผสั (1-2) ของโพเทนเชีย่ ลรีเลยค์ อื 250-280 โวลต์ (V) 3 = การใช้งาน ตดิ ตัง้ รีเลย์โดยตัวเลขบอกชอ่ื ข้วั อยดู่ ้านหน้าวางในแนวตั้งฉากกับพืน้

อุปกรณไ์ ฟฟ้าในงานเคร่อื งปรับอากาศ 176

5.4 วงจรไฟฟ้าของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ระบบไฟฟ้า 1 เฟส มกี ารต่อวงจรไฟฟา้ อยู่ 2 แบบคือ 5.4.1 วงจรไฟฟา้ มอเตอร์คอมเพรสเซอรแ์ บบคาปาซเิ ตอรร์ นั (Capacitor run motor) การต่อวงจรไฟฟา้ มอเตอรค์ อมเพรสเซอรแ์ บบคาปาซเิ ตอรร์ นั (Capacitor run

motor) หรือแบบ PSC (Permanent split capacitor) สาหรบั มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ขนาดเล็ก โดย จะใชค้ าปาซเิ ตอร์รนั มาต่อกับมอเตอร์คอมเพรสเซอรเ์ พยี งอย่างเดยี ว โดยคาปาซเิ ตอร์รนั (Run capacitor) จะต่ออนกุ รมโดยถาวรกบั ขดลวดสตารต์ ของมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ คาปาซิเตอรร์ นั และ ขดลวดสตาร์ต จะมีกระแสไฟฟา้ จา่ ยใหท้ ้ังช่วงสตาร์ตและชว่ งทางานปกตโิ ดยไมม่ รี ีเลยม์ าตัด วงจรไฟฟา้ เพราะในช่วงแรกขดลวดสตาร์ตจะไดร้ บั กาลงั ไฟฟา้ อกี ส่วนจากคาปาซเิ ตอรร์ ัน ทาให้มี แรงบิดเพิม่ ในตอนสตาร์ต แต่หลงั จากสตาร์ตออกตวั ไปไดแ้ ลว้ ขดลวดสตาร์ ตจะถกู จากัดกระแสไฟฟ้า ไหลผา่ น โดยใชค้ ่าความต้านทานในตัวเกบ็ ประจมุ าจากัดการไหลของกระแสไฟฟ้าด้วย เพราะขณะท่ี มอเตอร์คอมเพรสเซอรท์ างาน จะมกี ระแสไฟฟ้าไหลผ่านทงั้ ขดลวดรนั และขดลวดสตาร์ต ทาใหม้ ี ประสทิ ธิภาพในการทางานดกี ว่า ขนาดแรงบดิ ของมอเตอรค์ อมเพรสเซอรข์ ณะสตาร์ตจะไม่สงู มากโดย มแี รงบดิ น้อยกว่าขณะมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ขณะทางานปกติ โดยใช้ได้เฉพาะในระบบทาความเย็น และปรับอากาศ ท่ีสามารถถ่ายเทความดันระหว่างดา้ นความดันสงู และดา้ นความดันต่า ( balance pressure) ได้ ในขณะคอมเพรสเซอร์หยดุ ทางาน เชน่ ระบบท่ใี ชท้ ่อรเู ข็ม (capillary tube) ในตู้เย็น ตูแ้ ช่และเคร่ืองปรบั อากาศขนาดเลก็ และใหร้ ะมดั ระวังในเรอื่ งระดบั แรงดันไฟฟ้าตกขณะสตาร์ตดว้ ย

(Line)

C

(Internal overload)

(Run winding) (Start winding)

R S

(Neutral) (Run capacitor)

รูปท่ี 5.22 วงจรไฟฟา้ มอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ชนิด PSC

(Line) (Line)

C C

(Compressor motor) (Compressor motor)

(Power supply) SR (Power supply) SR

(Neutral) (Neutral)

(Run capacitor) (Run capacitor)

รปู ที่ 5.23 การต่อใชง้ านวงจรไฟฟา้ มอเตอรค์ อมเพรสเซอรช์ นดิ PSC

อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในงานเครอื่ งปรบั อากาศ 177

ในปจั จุบันเครือ่ งปรับอากาศบางผลิตภณั ฑ์ นิยมใชค้ าปาซเิ ตอร์รนั แบบคู่ (Dual capacitor) โดยนาไปใช้ตอ่ กับมอเตอรค์ อมเพรสเซอรแ์ ละมอเตอรพ์ ัดลมของชุดเคร่อื งควบแน่น (CDU)

25 F 5 F (Compressor and Fan motor common connection)

HERM. C FAN C

HERM. FAN

(Compressor connection) (Fan motor connection)

รปู ท่ี 5.24 คาปาซเิ ตอร์รนั แบบคู่

(Line) C (Compressor motor) C (Condenser fan motor)

(Overload) Start S Run (Run winding) (Start winding) R R S

25  F 5 F (Neutral) (Dual run capacitor) HERM. C FAN

รปู ที่ 5.25 การตอ่ วงจรไฟฟ้าใช้งานคาปาซิเตอร์รนั แบบคู่

ตารางท่ี 5.8 เปรยี บเทียบการใชค้ าปาซิเตอร์รันกับขนาดเครื่องปรับอากาศ

ตนั ความเยน็ 0.75 1 1.5 2 2.5 3 (Ton of refrigeration) 9,000 12,000 18,000 24,000 30,000 36,000 25/370 30/370 45/370 60/370 60/370 60/370 ขนาดการทาความเย็น (Btu/hr) 2.5-3.5/370

คาปาซเิ ตอรร์ นั ของมอเตอร์ คอมเพรสเซอร์ (MFD/V)

คาปาซิเตอรร์ นั ของพัดลม (MFD/V)

อปุ กรณ์ไฟฟ้าในงานเคร่ืองปรบั อากาศ 178

5.4.2 วงจรไฟฟา้ มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบคาปาซิเตอรร์ นั คาปาซเิ ตอรส์ ตาร์ต (capacitor start and Capacitor run motor : CSR)

การตอ่ วงจรไฟฟ้ามอเตอร์คอมเพรสเซอรแ์ บบคาปาซิเตอรร์ นั คาปาซเิ ตอร์สตารต์ (capacitor start and Capacitor run motor : CSR) สาหรับมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่ที่

ต้องการแรงบิดออกตวั ขณะสตารต์ สูง โดยจะใชค้ าปาซเิ ตอร์รัน (Run capacitor) คาปาซิเตอร์สตารต์ (Start capacitor) และโพเทนเชยี ลรเี ลย์ ( Potential relay) มาต่อใช้งาน เน่ืองจากมคี าปาซิเตอร์ สตารต์ ตอ่ เขา้ ไปในวงจรไฟฟ้า ทาให้มอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ขณะสตารต์ มปี ระสทิ ธิภาพสูง โดย

วงจรไฟฟ้ามอเตอรค์ อมเพรสเซอรแ์ บบคาปาซิเตอร์รนั คาปาซิเตอรส์ ตารต์ (CSR) จะตอ่ วงจรไฟฟ้า คล้ายกับวงจรไฟฟา้ มอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบคาปาซเิ ตอรร์ ัน ( PSC) ตา่ งกันเพยี งการเพ่มิ คาปาซิ

เตอรส์ ตารต์ ตอ่ อนกุ รมกับขดลวดสตารต์ ของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ โดยมีรเี ลย์ช่วยสตาร์ตชนิดทางาน ด้วยค่าความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าหรอื โพเทนเชียลรีเลย์ ใชเ้ ปน็ อุปกรณต์ ัดคาปาซิเตอร์สตารต์ ไมใ่ หท้ างาน หลังจากมอเตอร์คอมเพรสเซอรเ์ ร่ิมต้นทางานและหมนุ ได้ความเรว็ ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ( %) ของ

ความเรว็ รอบปกติ มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ชนดิ นใี้ หแ้ รงบิดช่วงเริม่ ตน้ ดี แต่งหลงั จากสตารต์ ออกตัว เสร็จแล้ว กจ็ ะหมนุ ทางานปกติเหมือนกบั มอเตอรค์ อมเพรสเซอรแ์ บบคาปาซเิ ตอรร์ ัน ( PSC) จงึ ถกู

นาไปใชก้ ับระบบท่ไี มส่ ามารถสมดลุ ความดันระหว่างด้านความดนั สงู และดา้ นความดนั ต่า ( balance pressure) ไดใ้ นขณะท่ีมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์หยดุ ทางานได้ เช่น ระบบทใี่ ชอ้ ุปกรณ์ควบคมุ การไหล ของสารทาความเย็นชนดิ เทอร์โม สแตตกิ เอ็กแพนชน่ั วาล์ว ( Thermostatic expansion valve) และ

เหมาะสมในการใชง้ านกับเคร่ืองปรบั อากาศขนาดใหญ่ เพราะชว่ ยให้การสตารต์ ออกตวั ของมอเตอร์ คอมเพรสเซอร์ทาได้งา่ ยในเวลาท่ีสัน้ กวา่ ซึง่ วงจรไฟฟ้ามอเตอร์แบบคาปาซิเตอร์รนั คาปาซิเตอร์

สตาร์ต (CSR) นิยมนามาใชก้ ับมอเตอร์คอมเพรสเซอรแ์ บบลกู สูบ ทีม่ กี าลังแรงมา้ ต้งั แต่ 1 แรงมา้ (HP) ขึ้นไปหรอื ในเครอื่ งปรับอากาศขนาด 20,000 บีทยี ูต่อชัว่ โมง (Btu/hr) ขึ้นไป

(Line) C (Compressor motor) (Internal overload)

(Run winding) (Start winding)

RS (Potential relay)

(Run capacitor) 2 (Coil) 5

1

(Neutral) (Start capacitor) (N.C. contact)

รูปท่ี 5.26 วงจรไฟฟา้ มอเตอรค์ อมเพรสเซอรช์ นิด CSR

อปุ กรณ์ไฟฟ้าในงานเครื่องปรับอากาศ 179

(Line)

C

(Compressor motor)

(Power supply) S R 12 5

(Neutral) (Potential relay)

(Run capacitor) (Start capacitor)

รปู ที่ 5.27 การต่อใชง้ านวงจรไฟฟ้ามอเตอร์คอมเพรสเซอร์ชนิด CSR

หลักการทางานวงจรไฟฟา้ มอเตอร์คอมเพรสเซอรแ์ บบคาปาซิเตอร์รนั คาปาซิเตอรส์ ตารต์ มี ดงั รูปที่ 5.28

  1. เมอื่ ต่อวงจรไฟฟ้าและจา่ ยกระแสไฟฟา้ ให้กบั มอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ ในขณะท่ีมอเตอร์ คอมเพรสเซอร์ยังไม่หมุน กระแสไฟฟ้าจะไหลเขา้ ทข่ี ัว้ C ของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ กระแสไฟฟ้า จะไหลออกเปน็ สองสว่ น สว่ นที่ 1 จะไหลผา่ นขดลวดชดุ รนั ส่วนท่ี 2 จะไหลผ่านขดลวดชดุ สตารต์
  1. ท่ขี ั้ว 2 ของโพเทนเช่ยี ลรีเลย์ กระแสไฟฟา้ จะไหลออกเป็นสองทาง โดยไหลไปยังขดลวด ชดุ สตารต์ ของมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์และไหลผ่านหน้าสมั ผัสปกตปิ ิด (N.C.) ไปยงั ขว้ั 1 และต่อไปยัง คาปาซิเตอรส์ ตาร์ตและคาปาซิเตอรร์ ัน ไปครบวงจรทีข่ ดลวดชุดรนั ของมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ ดังรูป ที่ แรงดนั ไฟฟ้าทต่ี กคร่อมระหวา่ งขวั้ ของขดลวดโพเทนเชย่ี ลรีเลยม์ คี า่ นอ้ ยมากและยังไมส่ ามารถทา ให้เกดิ อานาจแมเ่ หล็กมากพอท่จี ะทาให้ขดลวดของโพเทนเชยี่ ลรีเลย์ทางาน จึงทาใหห้ น้าสมั ผัสของ โพเทนเชี่ยลรีเลยท์ ่ขี ว้ั 1 และข้ัว 2 ยงั ต่อวงจรอยู่ ดังรปู ท่ี 5.28 (ข)
  1. เม่ือมอเตอร์คอมเพรสเซอรเ์ ริม่ หมุนจะทาใหแ้ รงดันไฟฟ้าทตี่ กครอ่ มขดลวดของโพเทน เช่ยี ลเริม่ สงู ขึ้นเรอ่ื ย ๆ จนกระทั่งความเรว็ รอบของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์มคี วามเร็วรอบประมาณ 75% ของความเร็วรอบปกติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-3 วินาที ในชว่ งนข้ี ดลวดสตาร์ตจะสรา้ ง แรงเคลอ่ื นไฟฟ้า(Pick up voltage) ให้ขดลวด ทาใหแ้ รงดนั ไฟฟา้ ทตี่ กคร่อมขดลวดของโพเทนเช่ยี ล มมี ากพอทจี่ ะสร้างอานาจแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า เพ่อื ดูดหนา้ สัมผสั ที่ขั้ว 1 และข้ัว 2 ของโพเทนเชีย่ ลรเี ลย์เปิด วงจร ตัดวงจรไฟฟ้าของคาปาซเิ ตอร์สตาร์ตออกจากวงจร ดงั รปู ที่ 5.28 (ค)

อปุ กรณ์ไฟฟ้าในงานเคร่อื งปรับอากาศ 180

C(Line)

(Internal overload)

(Run winding) (Start winding)

(AC power supply) R S

(Compressor motor) (Run capacitor) 2 1 5 (Start capacitor) (Potential relay)

(Neutral)

(ก)

(Line) C (Compressor motor) (Internal overload)

(Run winding) (Start winding)

(AC power supply) RS

(Run capacitor) 2 5 (Potential relay) 1 (Neutral) (Start capacitor)

(ข)

(Line) C (Compressor motor) (Internal overload)

(Run winding) (Start winding)

(AC power supply) RS

(Run capacitor) 2 5 1 (Potential relay)

(Neutral) (Start capacitor)

12

(ค)

รปู ท่ี 5.28 การทางานของมอเตอร์คอมเพรสเซอรช์ นดิ CSR

อุปกรณ์ไฟฟา้ ในงานเครอ่ื งปรบั อากาศ 181

5.5 โอเวอร์โหลด (Overload) ทาหน้าท่ปี อ้ งกันมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ จะตัดวงจรไฟฟ้าเมอ่ื เกดิ ความรอ้ นอนั เน่อื งมาจาก

คอมเพรสเซอร์กนิ กระแสไฟฟ้าสูงผดิ ปกติ โดยทั่ว ๆ ไปมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ท่ใี ชก้ ับระบบไฟฟ้า จาเปน็ จะตอ้ งมีอุปกรณป์ ้องกันอนั ตรายใหก้ บั ตัวเอง ซ่งึ อปุ กรณป์ ้องกันอันตรายกค็ ือโอเวอร์โหลด ดงั รปู 5.29 (ก)

(ก) โอเวอร์โหลด

(Base) (Bimetal disc) (Base) (Bimetal disc)

(Heater) 3 (Heater) 3 2 2 1 1

(Cover) (Cover)

(ข) การทางานของโอเวอรโ์ หลด

รูปท่ี 5.29 ลักษณะของโอเวอรโ์ หลด

โอเวอรโ์ หลดจะประกอบไปดว้ ยแผน่ โลหะ 2 แผน่ ติดกนั (Bimetal element) ทาหน้าท่ีเปน็

หน้าสมั ผัส (Contact) และมลี วดความร้อน (Heater) ต่ออนุกรมกับจุดตอ่ ของแผ่นโลหะทัง้ สอง ทัง้ หมดจะบรรจุอยู่ในกลอ่ งทรงกระบอกเลก็ ๆ โอเวอรโ์ หลด จะต่อป้องกนั ขดลวดโดยตอ่ อยู่ทป่ี ลายขว้ั สายคอมมอนหรือขั้ว C และจะทาหน้าทีต่ ัดวงจรไฟฟ้าของขดลวดมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์ใน 2 กรณี

คอื ทาหน้าท่เี ปน็ สวิตช์ตดั วงจรไฟฟ้าของขดลวดมอเตอร์ เมอื่ มกี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านขดลวดมอเตอร์ เกนิ กวา่ ค่ากระแสไฟฟ้าปกติ (Full Load Ampere or FLA)และทาหน้าทเ่ี ป็นสวิตชต์ ดั วงจรไฟฟ้าของ

ขดลวดมอเตอร์ เมือ่ ขดลวดมอเตอร์มอี ุณหภมู ิสูงข้ึนเปน็ จานวนมากเนือ่ งจากกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น มากเกนิ ไปหรอื มอเตอร์ทางานนานเกนิ ไป โดยเมือ่ ขดลวดของมอเตอร์-คอมเพรสเซอรร์ อ้ นจัด ขด ลวดความร้อนกจ็ ะสง่ ความรอ้ นไปใหก้ ับแผน่ ไบเมทัล จนทาใหเ้ กิดความร้อนสะสมข้นึ ท่ีแผ่นไบเมทลั

และแผ่นไบ-เมทลั กจ็ ะแยกออกจากกนั เป็นการตดั วงจรไฟฟา้ ของขดลวดมอเตอรค์ อมเพรสเซอร์หรือ ถ้ากระแสไฟฟ้าไหลผา่ นมากเกนิ ไป ขดลวดความรอ้ นกอ็ าจขาดจากกันได้ โอเวอรโ์ หลดจะมี

วงจรไฟฟ้าภายในดังรูปที่ 5.29 (ข) และลกั ษณะอุปกรณ์ภายในดังรปู ท่ี 5.30

อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในงานเครือ่ งปรับอากาศ 182

(Heater ) (Cover) (Terminal) (Bimetal dise)

(Adjusting screw) (Terminal)

(Base)

รปู ท่ี 5.30 ลักษณะอปุ กรณ์ภายในของโอเวอร์โหลด ท่ีมา : // www.sensata.com

โอเวอรโ์ หลดแบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ

  1. โอเวอรโ์ หลดภายใน (Internal overload) ทาหน้าทตี่ ่อป้องกันขดลวดของ

มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ โดยต่ออยทู่ ่ีปลายข้ัวสายคอมมอนหรือขัว้ C และฝงั ไวต้ ิดกบั ขดลวดภายใน มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ดังรูปที่ 5.31

  1. โอเวอรโ์ หลดภายนอก (External overload) จะทาหนา้ ทตี่ อ่ ปอ้ งกนั ขดลวดของ มอเตอรค์ อมเพรสเซอรโ์ ดยตอ่ อย่ทู ี่ปลายข้ัวสายคอมมอนหรือขั้ว C โดยจะต่ออยู่ภายนอกของ มอเตอร์คอมเพรสเซอร์

(Internal overload)

รูปที่ 5.31 แสดงการต่อโอเวอร์โหลดภายในของมอเตอร์ ทีม่ า : //www.adryl.com

อปุ กรณ์ไฟฟา้ ในงานเครอื่ งปรบั อากาศ 183

การตรวจสอบโอเวอรโ์ หลดมกี ารตรวจสอบอยู่ 2 วธิ ี

  1. ใช้ย่านวดั ความต้านทานไฟฟ้า (Ω) ของมลั ติมเิ ตอร์ และทาการวัดท่ขี ว้ั ทง้ั สองของ

โอเวอร์โหลด ถา้ เขม็ ชีข้ องมลั ติมเิ ตอร์ชขี้ ึน้ ไปทางขวามอื แสดงว่าโอเวอร์โหลดดี แต่ถา้ เข็มชีข้ องมัลติ มิเตอร์ไมช่ ข้ี ้นึ ไปทางขวาแสดงวา่ เสีย ดังรปู ท่ี 5.32

(Bimetal disc) (Multimeter)

3 0

12 (Good)

(Heater) 

รูปท่ี 5.32 การตรวจสอบโอเวอรโ์ หลดโดยการใชม้ ลั ติมเิ ตอร์

  1. ทดสอบตอ่ วงจรไฟฟ้าดงั รปู ท่ี 5.33 โดยเปดิ สวติ ช์ไฟฟา้ ให้กบั หลอดไฟฟ้าทลี ะดวง จนกระทง่ั โอเวอร์โหลดตัดวงจรแสดงวา่ โอเวอรโ์ หลดดแี ละควรใชค้ ลิปแอมปม์ เิ ตอร์ (Clip amp meter or clamp meter) วดั ค่ากระแสไฟฟ้าขณะทาการทดลอง เพ่อื ความปลอดภยั ในการ ตรวจสอบวิธนี ี้ ตอ้ งใชโ้ หลดทางไฟฟา้ ให้สัมพนั ธก์ บั โอเวอรโ์ หลดท่จี ะทาการทดลอง

(Overload)

(Line)

(A.C. power supply) (Switch) (Neutral) 200 W 200 W 200 W 200 W 200 W (Lamp)

รูปท่ี 5.33 การตรวจสอบโอเวอรโ์ หลดโดยการต่อวงจรไฟฟ้า

อุปกรณ์ไฟฟ้าในงานเครื่องปรับอากาศ 184

5.6 มอเตอรไ์ ฟฟ้าพดั ลมและใบพัดลมทีใ่ ช้กับเครื่องปรบั อากาศแบบแยกสว่ น ในระบบเคร่อื งปรับอากาศจะมีมอเตอรไ์ ฟฟ้าพดั ลมอยู่ 2 ชนิดคือ

  1. มอเตอร์ไฟฟ้าพัดลมเคร่ืองควบแนน่ (Condenser fan motor)
  2. มอเตอร์ไฟฟ้าพดั ลมเคร่อื งระเหย (Evaporator fan motor) 5.6.1 มอเตอรพ์ ดั ลมทใี่ ช้ในเคร่อื งปรับอากาศ มอเตอรพ์ ัดลมทีใ่ ช้ในเคร่อื งปรับอากาศสว่ นใหญจ่ ะนิยมใชม้ อเตอร์แบบคาปาซิเตอร์

รนั หรอื มอเตอรช์ นดิ PSC (Permanent Split Capacitor) มอเตอร์ไฟฟา้ ชนดิ น้ีมคี ุณสมบตั ิคอื กระแสไฟฟา้ ขณะสตารต์ ตา่ แรงบิดต่าแต่มีความเรว็ รอบสม่าเสมอ จงึ เหมาะสมกับงานที่ต้องการ ความเร็วรอบสมา่ เสมอเช่น มอเตอรพ์ ดั ลม มอเตอร์แบบคาปาซิเตอรร์ ันจะมตี วั เก็บประจหุ รอื คาปาซิ - เตอรต์ วั เดยี วต่อนกุ รมกบั ขดลวดสตาร์ตตลอดเวลา ซงึ่ จะชว่ ยแกค้ า่ เพาเวอร์แฟคเตอร์ ( Power Factor) และช่วยในสตาร์ตหมุนออกตัว และถา้ หากคาปาซเิ ตอร์ท่ใี ชม้ ีคา่ ความจุนอ้ ยจะทาให้ กระแสไฟฟา้ ในขดลวดชดุ รนั และขดลวดชุดสตาร์ตมีความตา่ งเฟสกนั น้อยและส่งผลใหม้ ีแรงบดิ ตา่

  1. มอเตอรพ์ ัดลมเคร่อื งควบแน่น (Condenser fan motor) เปน็ มอเตอร์ไฟฟา้ ทีใ่ ช้ ในการช่วยเป่าลมเขา้ มาที่แผงคอนเดนเซอรเ์ พ่อื จะช่วยในการระบายความรอ้ นให้ดียงิ่ ข้นึ และเป็น มอเตอร์พดั ลมทไ่ี มต่ อ้ งมกี ารเปล่ียนความเรว็ รอบ มอเตอร์ชนดิ PSC จะมีขดลวด 2 ชุด คือ ชดุ รนั และ ชดุ สตารต์ ดงั รปู ที่ 5.34

รปู ท่ี 5.34 มอเตอรพ์ ดั ลมเครื่องควบแน่น

C(Line) (Black) Black

(Start winding) S(Brown) Motor Brown Power supply Run capacitor (AC power supply) 290 Ω White (Run winding) 100 Ω MODEL 130-66 3 MFD 220 V. 50 HZ 0.70 A 95 W. 5 MFD 400 VAC RPM 900 R(White) (Run capacitor) (Neutral)

รูปท่ี 5.35 วงจรไฟฟา้ ของมอเตอรไ์ ฟฟ้าชนิดคาปาซิเตอรร์ นั แบบ 1 ความเร็วรอบ

อุปกรณ์ไฟฟ้าในงานเครือ่ งปรับอากาศ 185

  1. มอเตอร์พดั ลมเครอ่ื งระเหย (Evaporator fan motor) เป็นมอเตอร์พัดลมท่ใี ชใ้ น การเป่าลมที่เครอื่ งระเหยและมีการเปลย่ี นความเรว็ รอบได้ โดยมกี ารเปลย่ี นความเร็วรอบได้ 2 หรือ 3 ความเร็วรอบ (Speed) โดยปกตมิ อเตอรช์ นิด PSC จะมขี ดลวด 2 ชดุ คอื ชดุ รนั และชดุ สตารต์ แต่ เนอ่ื งด้วยมอเตอร์พดั ลมเครอ่ื งระเหยต้องใช้การเปลย่ี นความเร็ว จึงต้องมีการพันขดลวดเพม่ิ เรยี กว่า โชค้ (Choke) โดยมีการต่อขดลวดดงั น้ี

2.1) แบบ 2 ความเรว็ รอบ จะเป็นมอเตอร์พดั ลมทม่ี กี ารพนั ขดลวดโช้คเพ่ิมเข้าไปให้ มีค่าความตา้ นทาน 2 ค่า เพือ่ ทาให้มอเตอรส์ ามารถปรบั ความเร็วได้ 2 ความเร็วรอบ ดงั รปู ที่ 5.36

(Line)

(Selector switch)

LO HI

(Red) (Black)

(AC power supply) 80 Ω (Start winding) (BrowSn)

180 Ω 120(Choke winding) Ω

(Run winding)

(White) R 3 MFD (Run capacitor) (Neutral)

รูปที่ 5.36 การตอ่ ขดลวดมอเตอร์พดั ลมเคร่อื งระเหยแบบ 2 ความเรว็

2.2) แบบ 3 ความเรว็ รอบ เป็นมอเตอรท์ ี่มกี ารพันขดลวดโชค้ ใหม้ คี า่ ความตา้ นทาน 3 คา่ เพ่ือใหม้ อเตอร์สามารถปรบั ความเรว็ ได้ 3 ความเร็วรอบ ดังรปู ที่ 5.37

(Line) White (Selector switch) Run capacitor Brown LO ME HI Power supply Black Motor (Red) (Blue) (Black) Blue (AC power supply) 40 Ω 40 Ω (Start winding) (BrowSn) Red

180 Ω 120(Choke winding) Ω CAPACITOR 2.5 MFD 1/15 HP. 220 V. (Run winding) 0.33 AMP 4 P 50 HZ.

(White) R 3 MFD (Run capacitor) (Neutral)

รูปท่ี 5.37 การตอ่ ขดลวดมอเตอร์พัดลมเคร่ืองระเหยแบบ 3 ความเร็ว

อุปกรณ์ไฟฟา้ ในงานเคร่อื งปรบั อากาศ 186

รปู ที่ 5.38 มอเตอร์พัดลมเคร่อื งระเหย 3 ความเรว็ รอบ

5.6.2 การตรวจสอบมอเตอรพ์ ดั ลมเครอ่ื งควบแน่นโดยใชม้ ัลตมิ เิ ตอร์

มอเตอร์พัดลมเครอ่ื งควบแน่นชนิด PSC จะมีสีของสายไฟฟ้าเป็นมาตรฐานคอื

- ขั้ว C หรือจุดต่อร่วมของขดลวดรนั และขดลวดสตาร์ต จะใช้สดี า

- ข้ัว R หรือปลายของขดลวดรัน จะใช้สขี าว

- ข้วั S หรอื ปลายของขดลวดสตาร์ต จะใช้สนี า้ ตาล

เมื่อใชม้ ัลตมิ ิเตอร์วัดเพื่อหาขั้วสายไฟฟา้ ของมอเตอรพ์ ัดลม มีเงอื่ นไข ดงั ตอ่ ไปนี้

  1. ถ้าวดั ระหวา่ งขวั้ R และขว้ั S จะมคี ่าความต้านทานไฟฟา้ มากท่ีสุด
  1. ถา้ วัดระหวา่ งขั้ว C และขวั้ S จะมคี า่ ความตา้ นทานไฟฟา้ ปานกลาง
  1. ถา้ วดั ระหวา่ งข้วั C และขวั้ R จะมคี ่าความตา้ นทานไฟฟา้ น้อยทสี่ ุด

C C (Black) (Black)

(Start S (Start winding) S winding) (Brown) 290 Ω (Run winding) (Run winding) 100 Ω (Brown)

R (White) R (White)

รปู ที่ 5.39 ค่าความต้านทานและมาตรฐานสีของมอเตอร์พัดลมเครอื่ งควบแนน่

และยงั สามารถตรวจสอบมอเตอร์พัดลมเครือ่ งควบแน่นเมื่อต่อคาปาซเิ ตอรร์ ัน โดยการใชม้ ลั ติมเิ ตอรว์ ัดระหว่างปลายสายขวั้ C และ R ของมอเตอรพ์ ดั ลม ถ้ามคี า่ ความตา้ นทานไฟฟา้ แสดงว่า มอเตอรพ์ ดั ลมสามารถใช้งานได้ (ค่าความต้านทานไฟฟ้าที่วดั ไดจ้ ะตอ้ งมีคา่ นอ้ ยกว่าคา่ ความต้านทาน ของขดลวดรัน)

อุปกรณ์ไฟฟ้าในงานเครอ่ื งปรับอากาศ 187

C (Black) C (Black)

(Start winding) S(Brown)

290 Ω 75 Ω (Run winding) 100 Ω

3 MFD R(White)

R(White) (Run capacitor)

รปู ท่ี 5.40 ค่าความต้านทานไฟฟา้ ของมอเตอรพ์ ัดลมเครอ่ื งควบแน่นเมอื่ ตอ่ คาปาซเิ ตอรร์ นั

5.6.3 การตรวจสอบมอเตอร์พดั ลมเครื่องระเหยโดยใช้มัลตมิ ิเตอร์ โดยท่วั ไปมอเตอรพ์ ดั ลมเครื่องระเหยชนดิ PSC จะมีสีของสายไฟฟา้ เป็นมาตรฐานคือ

  1. ข้ัว HI หรอื ขวั้ ความเร็วรอบสูง จะใชส้ ีดา
  2. ขวั้ ME หรอื ขั้วความเรว็ รอบปานกลาง จะใชส้ นี ้าเงนิ
  1. ขว้ั LO หรอื ขวั้ ความเร็วรอบต่า จะใช้สแี ดง
  2. ขว้ั R หรือปลายของขดลวดรนั จะใชส้ ีขาว
  3. ขวั้ S หรอื ปลายของขดลวดสตารต์ จะใชส้ นี ้าตาล

เมอื่ ใช้มลั ติมเิ ตอรว์ ดั เพือ่ หาขวั้ สายไฟฟ้าของมอเตอรพ์ ดั ลม มเี งือ่ นไข ดังตอ่ ไปนี้

  1. ขดลวดสตาร์ต จะมีคา่ ความตา้ นทานไฟฟ้ามากทส่ี ุด
  1. ขดลวดรัน จะมคี ่าความตา้ นทานไฟฟา้ ปานกลาง
  2. ขดลวดโช้ค จะมีคา่ ความต้านทานไฟฟ้านอ้ ยที่สดุ

L(OMediumMspEeed) HI (High speed) LO ME HI

(Low speed) (Red) (Blue) (Black) (Red) (Blue) (Black)

(Start winding) (BrowSn) 40 Ω 40 Ω (Start winding) (BrowSn) (Run winding) 180 Ω (Choke 120(Choke winding) winding) Ω

(Run winding)

R (White) R (White)

รปู ท่ี 5.41 คา่ ความตา้ นทานและมาตรฐานสขี องมอเตอร์พดั ลมเคร่ืองระเหย

อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในงานเคร่อื งปรบั อากาศ 188

จากรปู 5.41 เมือ่ ทาการวัดค่าความตา้ นทานไฟฟ้าของมอเตอรพ์ ัดลม สามารถเรียงลาดบั ค่า ของความตา้ นทานไฟฟา้ ทวี่ ัดไดจ้ ากมากไปหาน้อย ดงั ตอ่ ไปน้ี

  1. ขั้ว S – ข้ัว R เท่ากับ 300 Ω
  2. ข้วั S – ขั้ว LO เทา่ กบั 250 Ω
  3. ขั้ว S – ขวั้ ME เทา่ กบั 220 Ω
  4. ขั้ว R – ขั้ว LO เท่ากบั 200 Ω
  5. ขว้ั S – ขว้ั HI เท่ากบั 180 Ω
  6. ขว้ั R – ข้ัว ME เท่ากบั 150 Ω
  7. ขว้ั R – ขัว้ HI เทา่ กบั 120 Ω
  8. ขว้ั HI – ขว้ั LO เทา่ กบั 80 Ω
  9. ขว้ั HI – ข้ัว ME เท่ากบั 40 Ω
  10. ขัว้ ME – ขว้ั LO เท่ากับ 40 Ω

ทาการวิเคราะหห์ าขวั้ ปลายสายของมอเตอร์พดั ลมดงั ต่อไปน้ี

  1. ค่าความตา้ นทานทนี่ ้อยทส่ี ดุ คอื ขดโช้คมีคา่ ความต้านทานไฟฟา้ อยู่ในลาดบั ท่ี 8-5 (80 Ω)
  2. ค่าความต้านทานทม่ี ากท่สี ุดคือขดลวดรนั รวมกับขดลวดสตาร์ต มีคา่ ความต้านทานไฟฟา้

อยู่ในลาดบั ที่ 1 (300 Ω)

  1. จากขอ้ 1 และ 2 ไม่นาค่าความต้านทานไฟฟ้าของขดลวดโชค้ คอื ขั้ว R – ข้ัว LO ,ข้ัว R –

ขัว้ ME ,ข้ัว S – LO , R – ME มาใช้ จึงเหลอื ข้ัวทีจ่ ะนามาวเิ คราะหเ์ พียง 3 ขั้วคือข้วั R ,S และ HI (จุดรว่ มของขดลวดรนั กบั ขดลวดสตารต์ ) โดยใชเ้ ง่ือนไขเหมอื นกบั การวดั หาข้ัวของมอเตอร์ คอมเพรสเซอร์ จึงสรปุ ได้ว่า

3.1) ขดลวดรนั คอื ขัว้ R – ขวั้ HI มีคา่ ความต้านทานไฟฟา้ เทา่ กับ 120 Ω 3.2) ขดลวดสตารต์ คอื ขวั้ S – ข้วั HI มีค่าความตา้ นทานไฟฟ้าเท่ากบั 180 Ω 3.3) ผลรวมค่าความตา้ นทานไฟฟา้ ของขดลวดรนั รวมกบั ขดลวดสตาร์ทคอื ขั้ว S – ขั้ว R มี คา่ มากทส่ี ดุ (120 Ω + 180 Ω = 300 Ω) และยังสามารถตรวจสอบมอเตอร์พัดลมเครือ่ งระเหยเมอ่ื ตอ่ คาปาซิเตอร์รัน โดยใช้มัลติ- มิเตอรว์ ัดระหว่างปลายสายทง้ั 4 ขว้ั ของมอเตอรพ์ ดั ลม (R, HI, ME, LO) ถ้ามคี ่าความต้านทานไฟฟ้า ทกุ ปลายสายแสดงว่ามอเตอรพ์ ัดลมสามารถใช้งานได้ จากรูป 5.42 เม่อื ทาการวดั คา่ ความตา้ นทาน ไฟฟ้าของมอเตอร์พัดลมเครื่องระเหย สามารถเรยี งลาดับคา่ ของความตา้ นทานไฟฟา้ ที่วดั ได้จากมาก ไปหานอ้ ย ดังตอ่ ไปนี้

  1. ขัว้ R – ขว้ั LO เท่ากบั 180 Ω
  2. ขั้ว R – ขั้ว ME เทา่ กับ 140 Ω
  3. ข้ัว R – ขวั้ HI เทา่ กบั 50 Ω
  4. ขว้ั HI – ขว้ั LO เท่ากบั 80 Ω
  5. ขว้ั HI – ขว้ั ME เท่ากับ 40 Ω
  6. ขว้ั ME – ข้ัว LO เท่ากับ 40 Ω

อุปกรณไ์ ฟฟา้ ในงานเครือ่ งปรับอากาศ 189

ทาการวิเคราะหห์ าขั้วปลายสายของมอเตอรพ์ ดั ลมดัง ต่อไปนี้

  1. คา่ ความต้านทานทน่ี อ้ ยที่สุดคอื ขดโช้ค มคี ่าความต้านทานไฟฟา้ อยู่ในลาดับที่ 4-5 (80 Ω)
  1. จากขอ้ 1 ไมน่ าค่าความตา้ นทานไฟฟา้ ของขดลวดโชค้ คือข้วั HI – ขวั้ LO, ขวั้ HI – ข้วั ME ,ขั้ว ME – LO มาใช้ จงึ นาข้อมูลมาวิเคราะห์เพยี งลาดับที่ 1-3 โดยใช้เงื่อนไขคือค่าความ

ตา้ นทานไฟฟา้ มากจะมคี วามเรว็ รอบตา่ (Low speed) คา่ ความต้านทานไฟฟ้านอ้ ยจะมีความเร็ว รอบสงู (High speed) จงึ สรปุ ได้ว่า

2.1) ขวั้ R – ขว้ั HI ความเรว็ รอบสูง (High speed) มีค่าความต้านทานไฟฟา้ เทา่ กับ 50 Ω

2.2) ข้วั R – ข้วั ME ความเรว็ รอบปานกลาง (Medium speed) มีค่าความตา้ นทานไฟฟ้า เทา่ กบั 140 Ω

2.3) ข้ัว R – ขว้ั LO ความเรว็ รอบต่า (Low speed) มีคา่ ความต้านทานไฟฟ้า มากท่สี ุด เท่ากบั 180 Ω

LO ME HI LO ME HI

(Red) (Blue) (Black) (Red) (Blue) (Black)

40 Ω 40 Ω (Start winding) (BrowSn) 40 Ω 40 Ω

180 Ω 120(Choke winding) (Choke winding) Ω 100 (Run winding) Ω (White) R 3 MFD R (Run capacitor) (White)

รปู ท่ี 5.42 คา่ ความตา้ นทานไฟฟ้าของมอเตอร์พัดลมเครือ่ งระเหยเมือ่ ต่อคาปาซเิ ตอรร์ ัน

2.5MFD+_ 5% 2.5MFD+_ 5% 2.5MFD+_ 5% 370 VAC 370 VAC 370 VAC 50/60 Hz 50/60 Hz 50/60 Hz

รูปท่ี 5.43 คาปาซิเตอรร์ ันทีน่ ามาตอ่ กับมอเตอรพ์ ัดลม

อปุ กรณ์ไฟฟ้าในงานเครื่องปรบั อากาศ 190

5.6.4 ใบพัดลม (Fan blade) ทใ่ี ช้ในเคร่ืองปรบั อากาศ ใบพัดลมที่ใช้ในเครื่องปรบั อากาศ สาหรบั ระบายความรอ้ นทีเ่ ครอื่ งควบแนน่ และดูด

เปา่ ลมที่เครอื่ งระเหย แบง่ ออกไดห้ ลายแบบแลว้ แตช่ นิดและลกั ษณะของการใชง้ าน ดังน้ี

  1. ใบพดั ลมชนิดแรงเหวย่ี ง (Centrifugal blower wheels) แบ่งออกเป็น 2 ชนดิ คือ 1.1) ใบพัดแบบกรงกระรอก (Multiblade or Sirocco blower wheels) โดยลม

จะถูกดดู ตรงกลางและเหว่ยี งออกทางด้านขา้ งสามารถใหค้ วามดันลมสงู ดันอากาศใหผ้ า่ นออกได้ดี เหมาะสาหรบั บริเวณทต่ี ้องการปริมาณลมส่งมาก แต่จะมีข้อเสียคือมีเสียงดงั

1.2) ใบพดั แบบใบพัดลมยาว (Crossflow blower wheels) ถูกออกแบบสาหรับ เครื่องปรบั อากาศแบบติดผนงั ใชเ้ ป็นพดั ลมสาหรับเปา่ และดูดลมผา่ นเคร่อื งระเหย โดยลมจะถกู ดูด ตรงกลางและเหวีย่ งออกทางด้านข้าง และสามารถดนั อากาศให้ผา่ นทางออกไดด้ ี เหมาะสาหรบั บรเิ วณทตี่ ้องการปรมิ าณลมส่งมาก เนอ่ื งจากแบบใบพัดลมยาว มีความยาวของใบพดั มากจงึ ทาให้ อากาศทีไ่ หลผา่ นไม่มีเสียงดัง

(Multiblade blower wheel)

(Crossflow blower wheel)

รูปที่ 5.44 ใบพัดลมชนิดแรงเหว่ียง

  1. ใบพดั ลมชนดิ ไหลตามแกน หรอื แบบใบกลม (Propeller fan) เปน็ ใบพดั ลมท่ใี หป้ รมิ าณ ลมมากแต่มีเสียงดัง ใชใ้ นการระบายความรอ้ นท่ีเครอ่ื งควบแนน่

รูปที่ 5.45 ใบพดั ลมชนดิ ไหลตามแกน

(Casing) (Propeller blade)

(Crossflow blower wheel)

(Fan motor)

รปู ท่ี 5.46 ทิศทางการไหลของอากาศตามชนดิ ของใบพดั ลม

อปุ กรณ์ไฟฟ้าในงานเครือ่ งปรบั อากาศ 191

ตารางท่ี 5.9 คณุ ลกั ษณะของมอเตอร์พดั ลม ชนดิ ใช้รนั คาปาซิเตอรข์ นาด 30-250 วตั ต์

ทม่ี า : เอกสาร PRODUCT for REFRIGERATION AND AIR CONDITIONING by SIMAC

  1. มอเตอรค์ อนเดนซงิ่ ยนู ิตแกนเดยี ว (Condensing motor : 220 V 50 Hz 1 Phase Single shaft)

ขนาดแรงม้า กระแสไฟฟ้า จานวนรอบ ขนาดใบพดั

(HP.) (Ampere) RPM) (FAN BLADE) 900 17// x 4 x 25o 1/15 0.5 900 17-3/4// x 4 x 25o 1/5 0.7 900 18// x 4 x 28o

1/8 0.8 900 18// x 4 x 35o 900 20// x 4 x 30o 1/5 1.1 900 22// x 4 x 28o 1/5 1.3

1/4 1.5 หมายเหตุ : Copper magnet wire 155 oC (Class F) Nema thermal rating

  1. มอเตอรแ์ ฟนคอยล์ยูนติ 2 แกน 3 จังหวะ (Fan coil motor : 220 V 50 Hz 1 Phase Double shaft 3

speed)

ขนาดแรงมา้ กระแสไฟฟ้า จานวนรอบ ขนาดใบพัด (HP.) (Ampere) (RPM) (BLOWER) 1/30 5// x 5// 1/20 0.4 550 / 900 / 750 5// x 5// , 5// x 7// 0.5 550 / 900 / 750 5// x 8// 1/15 5// x 9// 1/5 0.5 550 / 900 / 750 7// x 8// 1/8 0.8 550 / 900 / 750 1.0 1250 / 550 / 900

  1. มอเตอรแ์ ฟนคอยล์ยนู ติ 1 แกน 3 จงั หวะ (Fan coil motor : 220 V 50 Hz 1 Phase single shaft 3

speed)

ขนาดแรงมา้ กระแสไฟฟ้า จานวนรอบ ขนาดใบพัด (HP.) (Ampere) (RPM) (BLOWER) 25-1/2// x 3-3/4// 18 W 0.23 1300 / 1200 / 500 31-5/15// x 3-3/4// 28 W 0.30 1300 / 1200 / 150

  1. มอเตอรพ์ ัดลม/คอนเดนซิ่งยูนิต ชนดิ เชดเดดโพลและชนิดใช้รันคาปาซิเตอรข์ นาด 220 V 50 Hz

ขนาดกาลังไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า จานวนรอบ ขนาดใบพัด (W.) (Ampere) (RPM) (FAN BLADE)

7 0.25 1300 9// x 5 x 29o 5// x 5 x 29o 9 0.25 1300 11// x 4 x 30o 20 0.48 1300 12// x 4 x 30o

40 0.85 1300

อุปกรณ์ไฟฟ้าในงานเคร่อื งปรับอากาศ 192

5.7 สวติ ช์ตัดตอนไฟฟ้า (Safety breaker) สวิตช์ตัดตอนไฟฟ้าทใ่ี ช้ในงานติดต้งั เครือ่ งปรบั อากาศ เป็นอปุ กรณป์ อ้ งกันไฟฟ้าที่ทางานโดย

อาศยั อานาจแมเ่ หลก็ หรือผลของความรอ้ นในการตดั วงจรไฟฟ้าเม่อื เกดิ สาเหตจุ ากไฟฟ้าลัดวงจร การ เลอื กขนาดของเซอร์กติ เบรกเกอร์ใหเ้ หมาะสมกับขนาดของเครอ่ื งปรบั อากาศ สามารถทนตอ่

กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านมอเตอร์คอมเพรสเซอร์และอปุ กรณ์ไฟฟ้าที่ต่ออยู่ในวงจรเพือ่ ปอ้ งกนั อนั ตรายที่ เกดิ ขึน้ กบั วงจรไฟฟา้ ได้

สวิตช์ตดั ตอนไฟฟา้ ทใ่ี ช้ในงานติดตั้งเครอื่ งปรับอากาศโดยทัว่ ไป มี 2 ประเภท คอื แบบตดั

วงจรไฟฟา้ โดยอาศัยอานาจแมเ่ หล็กและแบบอาศัยความรอ้ น สวติ ชต์ ดั ตอนไฟฟ้าแบ่งตามการใช้งาน ได้ 2 ชนิด ดังนี้

  1. สวติ ช์ตัดตอนไฟฟา้ แบบ 2 ข้ัว (2 Pole) สาหรับเครื่องปรับอากาศชนดิ ใชร้ ะบบไฟฟ้า 1 เฟสขนาดแรงดันไฟฟ้า 220-240 โวลต์ ความถ่ี 50 เฮิรต์ (Hz)
  1. สวิตช์ตดั ตอนไฟฟ้าแบบ 3 ข้ัว (3 Pole) สาหรบั เคร่อื งปรับอากาศชนิดใชร้ ะบบไฟฟา้ 3

เฟสขนาดแรงดันไฟฟา้ 380-415 โวลต์ ความถ่ี 50 เฮริ ์ต

- - (On-Off switch) (On-Off switch)

OFF OFF

LN

(Open circuit) (Open circuit)

2 3 (1 Pole circuit breaker) (3 Pole circuit breaker)

รูปที่ 5.47 สวติ ชต์ ดั ตอนไฟฟ้าแบบ 2 ขว้ั และ 3 ขว้ั

- OFF SAFETY (On-Off switch) BREAKER LN 20 A

(OFF)

(Open circuit)

- (On-Off switch)

L ON N SAFETY (ON) BREAKER

20 A

(Closed circuit)

รูปที่ 5.48 วงจรไฟฟา้ ภายในสวิตชต์ ดั ตอนไฟฟ้าแบบ 2 ข้ัวและ 3 ข้ัว

อปุ กรณ์ไฟฟา้ ในงานเคร่อื งปรับอากาศ 193

การตรวจสอบสวิตช์ตดั ตอนไฟฟา้ สามารถใช้มลั ติมเิ ตอรต์ ั้งยา่ นวดั แรงดนั ไฟฟ้าหรอื ย่านวดั ความต้านทานไฟฟ้าและไขควงทดสอบไฟฟ้าตรวจสอบสวติ ช์ตดั ตอนไฟฟ้าได้

1 (Multimeter) 1 (Multimeter) (Single phase power supply) 220 V (Single phase power supply) 220 V

VAC VAC

(Line) (Neutral)

- 2 - 2 (On-Off switch) (2 Pole circuit breaker) (On-Off switch) (2 Pole circuit breaker)

(Open circuit) (Multimeter) (Closed circuit) (Multimeter) 0V 220 V

VAC VAC

รูปท่ี 5.49 การตรวจสอบสวติ ชต์ ดั ตอนไฟฟ้าโดยใช้มัลติมเิ ตอร์วดั คา่ แรงดนั ไฟฟ้า

2 2 (2 Pole circuit breaker) (2 Pole circuit breaker)

(Multimeter) (Multimeter) (Multimeter) (Multimeter) 0 -  0 0- 0

(On-Off switch)  (On-Off switch) 

  (Closed circuit) (Open circuit)

รปู ท่ี 5.50 การตรวจสอบสวติ ช์ตัดตอนไฟฟ้าโดยใชม้ ัลตมิ เิ ตอร์วดั คา่ ความตา้ นทานไฟฟ้า

1 (Single phase power supply)

(Line) (Neutral)

- 2 (On-Off switch) (2 Pole circuit breaker)

(Closed circuit)

(Test lamp)

รปู ท่ี 5.51 การตรวจสอบสวติ ชต์ ัดตอนไฟฟ้าโดยใช้ไขควงทดสอบไฟฟ้า

อุปกรณไ์ ฟฟ้าในงานเครือ่ งปรบั อากาศ 194

5.8 สายไฟฟ้า (Electric wire cable) สายไฟฟ้าเปน็ สอ่ื นากาลังไฟฟา้ จากแหลง่ จ่ายไฟฟ้า (Power supply) ไปสู่อปุ กรณไ์ ฟฟา้ หรอื

โหลด (Load) โดยสายไฟฟ้าจะมีหลายชนดิ ใหเ้ ลอื กใชง้ าน ซึ่งจะข้นึ อยู่กับสถานท่ีและวิธีการติดต้งั ซึ่ง จาเป็นตอ้ งพิจารณาอยา่ งรอบคอบทงั้ นก้ี ็เพอื่ ความปลอดภยั สายไฟฟา้ ในปัจจบุ ันทามาจากทองแดง และอลมู ิเนยี ม ทองแดงถูกนามาใช้ทาเป็นสายไฟฟ้าเนอื่ งจากคณุ สมบตั ใิ นการนาไฟฟ้าได้ดี ส่วน อลมู ิเนยี มจะมีความนาไฟฟ้าเพยี ง 51% เม่ือเทียบกบั ทองแดงในขนาดที่เท่ากัน แตจ่ ะมีคณุ สมบตั ิใน ดา้ นของน้าหนักทเี่ บากว่าทองแดง จงึ ถูกนามาใช้ในสายส่งทเ่ี ดนิ สายในอากาศมากกวา่ ทองแดง และ มักใช้เป็นสายสง่ ระบบไฟฟา้ แรงสูง ในด้านของราคาสายอลมู เิ นียมยงั มีราคาทถี่ ูกกว่าด้วยเม่ือเทียบท่ี ขนาดเทา่ กัน สายไฟฟา้ มที ้งั ชนิดท่ไี มม่ ฉี นวนหุ้ม ซ่งึ จะเรยี กวา่ สายเปลอื ย และสายท่มี ฉี นวนหมุ้ สายไฟฟ้าท่มี ฉี นวนหมุ้ สาย ฉนวนไฟฟ้าทนี ามาใชก้ ็เพ่ือประโยชน์ในดา้ น การปอ้ งกันสายไฟฟา้ ไม่ใหไ้ ป แตะกับสายตัวนาอนื่ ๆ, ปอ้ งกันความช้ืน, ความรอ้ นและสารเคมตี า่ ง ๆ ฉนวนไฟฟ้าท่ีใชห้ ุ้มสายไฟฟา้ สามารถแยกจดั แบง่ เปน็ ประเภทของฉนวนไฟฟ้าโดยใชอ้ กั ษรยอ่ ไดด้ ังน้ี

- A : ใยหนิ (Asbestos) - R : ยาง (Rubber) - T : เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) - PE : โพลีเอตทลี นี (Polyethylene) - XLPE : ครอสลิงกโ์ พลเี อตทลี นี (Crosslink Polyethylene) - H : ทนความร้อน (Heat Resistance) - W : ทนความชืน้ (Mositure Resistance) การเลือกใชส้ ายไฟฟา้ จะต้องพิจารณาด้านต่าง ๆ ดังตอ่ ไปนี้

- ด้านทางไฟฟ้า ตอ้ งพจิ ารณาในการเลอื กใช้สายไฟฟ้าต่อนคี้ อื ขนาดของสายไฟฟา้ ชนิดของสายไฟฟ้า ความหนาแน่นของฉนวนไฟฟ้า การนาไปใชง้ านและความแขง็ แรงของฉนวนไฟฟา้ ต่อแรงดนั ไฟฟ้า

- ดา้ นความร้อน ความร้อนจะมผี ลต่อความตา้ นทานของสายไฟฟ้า หากอุณหภมู ิสูงข้นึ ค่า ความต้านทานของสายไฟฟา้ จะเพ่มิ ขึน้ จงึ ทาให้ความสามารถในการนาไฟฟา้ ลดลงดว้ ย

- ดา้ นทางกล สายไฟฟ้าจะต้องมคี วามเหนยี วและความยืดหยนุ่ - ดา้ นทางสารเคมี สายไฟฟ้าจะต้องทนต่อนา้ มัน, เปลวไฟ, แสงอาทติ ย์และกรดต่าง ๆ ได้ การพิจารณาเลอื กขนาดความโตของสายไฟฟ้า มีดงั นี้ - ขนาดกระแสไฟฟ้า สายไฟฟ้าตอ้ งทนตอ่ แรงดนั ไฟฟ้าและอุณหภมู ิใชง้ านสงู สุดได้ - ภาวะโหลดไฟฟา้ เกินกะทนั หนั โดยปกติฉนวนของสายไฟฟา้ สามารถมอี ายุการใช้งานได้ ประมาณ 20-30 ปี แตถ่ า้ โหลดไฟฟา้ เกินปกติในชว่ งเวลาหน่งึ ๆ จะทาให้อุณหภูมเิ พม่ิ ขึน้ สง่ ผลให้อายุ การใชง้ านของฉนวนไฟฟา้ ลดลง ดงั นัน้ โหลดไฟฟ้าเกินกะทันหันไม่ควรเกนิ 50 ชั่วโมงตอ่ ปี - แรงดนั ไฟฟ้าตก (Voltage drop) ขนาดของสายไฟฟา้ ตอ้ งใหญ่พอทีจ่ ะรองรบั ขณะที่ เกดิ แรงดนั ไฟฟา้ ตกได้ - กระแสไฟฟ้าลัดวงจร (Interrupting current) ภายใต้สภาวะการลัดวงจร อณุ หภูมขิ อง สายไฟฟา้ จะเพ่มิ ขนึ้ อย่างรวดเรว็ ดังนนั้ ฉนวนไฟฟ้าจะตอ้ งสามารถทนกระแสไฟฟา้ ลดั วงจรได้

อปุ กรณ์ไฟฟา้ ในงานเครอื่ งปรบั อากาศ 195

VAF VAF-G

VCT VCT-G

NYY NYY-G

VVF-G VFF

VSF THW

รูปที่ 5.52 สายไฟฟ้าทีน่ ยิ มใช้

Br L B Br L B : Black Br Gy B Gy L : Light blue G/Y Br : Brown B G/Y G/Y Gy : Gray Br L Br Gy G/Y : Green / Yellow Br L B Gy

รปู ที่ 5.53 มาตรฐานสีของสายไฟฟา้ มอก.11-2553 (TIS. 11-2553)

ตารางท่ี 5.10 มาตรฐานสีของสายไฟฟ้าในประเทศไทย ทมี่ า : www.nyxcable.com

ขั้วสายไฟฟ้า มาตรฐาน มอก.11-2531 มาตรฐาน มอก.11-2553 (Terminal) (TIS 11-2531) (TIS 11-2553) L1 L2 ดา (Black) นา้ ตาล (Brown) L3 N แดง (Red) ดา (Black)

G น้าเงิน (Blue) เทา (Gray)

เทา (Gray) ขาว (White) ฟ้า (Blue)

เขียว (Green) เขยี วแถบเหลือง เขียว (Green) เขียวแถบเหลอื ง (Green/Yellow) (Green/Yellow)

อปุ กรณ์ไฟฟา้ ในงานเครื่องปรบั อากาศ 196

ตารางที่ 5.11 ขนาดการทนกระแสไฟฟา้ ของสายไฟฟ้าทีน่ ยิ มใช้ ทีม่ า : รายละเอียดจากสายไฟฟา้ THAI YAZAKI (Technical data)

ขนาดของ อตั ราการทนกระแสไฟฟ้า (Maximum continuous current rating in free air : Ampere)

สายไฟฟ้า ชนดิ ใชก้ บั แรงดันไฟฟ้าไมเ่ กิน 300 โวลต์ ชนิดใชก้ ับแรงดนั ไฟฟา้ ไม่เกนิ 750 โวลต์ (Nominal และอณุ หภูมิไม่เกิน 70 องศาเซลเซียส และอณุ หภูมิไม่เกิน 70 องศาเซลเซยี ส

Cross (Maximum conductor temperature 70 oC and (Maximum conductor temperature 70 oC and

Sectional circuit voltage not exceeding 300 volts) circuit voltage not exceeding 750 volts)

area) VAF VAF-G VSF VFF THW VCT NYY VFF-G

(มม.2: mm.2)

0.5 7 - 9 8 9 5 - -

1.0 11 11 14 12 13 15 17 12

1.5 15 15 18 15 17 19 21 15

2.5 20 20 24 21 23 27 28 20

4 27 27 - - 32 35 38 27

5 35 35 - - 43 45 49 35

5 49 49 - - 50 57 57 50

15 55 55 - - 83 88 89 55

ส่ิงท่ตี ้องคานึงถงึ เพอ่ื ใหท้ ราบวา่ มเิ ตอร์ วดั หนว่ ยไฟฟ้า ขนาดนส้ี ามารถตดิ เครือ่ งปรบั อากาศ ขนาดน้ไี ดห้ รือไม่ จงึ ควรศกึ ษาข้อมลู จากการไฟฟ้าส่วนภูมภิ าคและการไฟฟา้ นครหลวงเกี่ยวกับขนาด ของกระแสไฟฟา้ สูงสดุ จากขนาดมเิ ตอร์วัดหนว่ ยไฟฟา้ ดงั มาตรฐาน

ตารางที่ 5.12 ขนาดมิเตอรว์ ดั ไฟฟ้าตามมาตรฐานการตดิ ตง้ั ของการไฟฟา้ นครหลวง ทม่ี า : www.mea.or.th

ระบบไฟฟ้า ขนาดมเิ ตอร์ ขนาดสูงสุด ขนาดตา่ สดุ ของสายไฟฟา้ (ตร.มม.) 1 เฟส 2 สาย วัดหนว่ ยไฟฟ้า ของสวติ ชต์ ดั ตอน ทองแดง อลมู เิ นียม 3 เฟส 4 สาย 5 (15) A 15 หรือ 16 A 15 (45) A 30 หรือ 32 A 4 10 30 (100) A 50 (150) A 100 A 10 16 125 A 15 (45) A 25 50 30 (100) A 50 A 50 (150) A 100 A 35 50 125 A 200 A 250 A 16 - 400 A 500 A 35 -

35 -

95 -

240 -

อุปกรณไ์ ฟฟ้าในงานเคร่อื งปรับอากาศ 197

ตารางที่ 5.13 ขนาดมิเตอร์วดั ไฟฟ้าตามมาตรฐานการติดต้ังของการไฟฟา้ สว่ นภูมภิ าค ท่ีมา : www.pea.co.th

ระบบไฟฟา้ ขนาดมเิ ตอร์ ขนาดสูงสดุ ขนาดต่าสดุ ของสายไฟฟ้า (ตร.มม.) 1 เฟส 2 สาย วดั หนว่ ยไฟฟ้า ของสวิตช์ตดั ตอน 3 เฟส 4 สาย ทองแดง อลูมิเนยี ม 5 (15) A 16 A 15 (45) A 45 A 4 10 30 (100) A 100 A 10 25 15 (45) A 45 A 30 (100) A 100 A 35 50

16 -

35 -

การเลือกใช้ขนาดสายไฟฟ้าและสวติ ช์ตัดตอนไฟฟา้ ในระบบเคร่ืองปรับอากาศ

  1. การเลือกขนาดสายไฟฟ้า สาหรับระบบเครือ่ งปรบั อากาศขนาดของสายไฟฟ้าจะตอ้ งเลือก ขนาดให้เหมาะสม ซงึ่ มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ของเคร่อื งปรบั อากาศถือเปน็ โหลดไฟฟ้าชนดิ หนง่ึ ทาง

มาตรฐานการไฟฟา้ กาหนดว่า ขนาดของสายไฟตอ้ งมขี นาดไมต่ า่ กว่า 125 เปอร์เซน็ ต์ ( %) ของพิกดั กระแสไฟฟา้ เต็มที่หรือกระแสไฟฟ้าปกติ (Full load ampere) เมือ่ ไดข้ นาดกระแสไฟฟ้าปกตขิ อง สายไฟฟา้ แลว้ จึงเปิดหาขนาดสายไฟฟา้ จากตาราง

ขนาดกระแสสายไฟ = พิกัดกระแสไฟฟา้ ปกติ x 1.25 หรือขนาดกระแสสายไฟ = พกิ ัดกระแสไฟฟ้าปกติ x 1.50 (สายไฟฟา้ มรี ะยะทางยาว)

  1. การเลอื กขนาดเซอร์กิตเบรกเกอรส์ าหรับเครอ่ื งปรบั อากาศ ขนาดกระแสของเซอร์กติ เบรกเกอร์ = พกิ ดั กระแสไฟฟา้ ปกติ x 1.50
  1. ขนาดการทนกระแสไฟฟา้ ของสายไฟจะต้องมากกวา่ ขนาดกระแสของเซอร์กิตเบรกเกอร์

ไม่ต่ากว่า 125 เปอร์เซ็นต์ (%)

ตารางที่ 5.14 การเลือกใชข้ นาดสายไฟฟา้ และสวิตช์ตดั ตอนไฟฟ้าในระบบเครือ่ งปรับอากาศ

ระบบไฟฟ้า ขนาด กระแสไฟฟา้ ขนาด ขนาดสายไฟฟ้า (Power supply) เครอื่ งปรบั อากาศ (Current) สวิตช์ตัดตอน (Wire cable)

(Cooling capacity) (Safety breaker) VAF THW

9,000 Btu/hr 3.5-4.5 A 2P 15 A 2.5 mm2 1.5 mm2 2.5 mm2 1.5 mm2 1 เฟส 12,000 Btu/hr 5-5.5 A 2P 15 A 2.5 mm2 2.5 mm2 220-240 โวลต์ 18,000 Btu/hr 7-8 A 2P 15 A 4 mm2 2.5 mm2 24,000 Btu/hr 9-11 A 2P 20 A 4 mm2 2.5 mm2 50 เฮริ ต์ 30,000 Btu/hr 14-15 A 2P 30 A

35,000 Btu/hr 15-18 A 2P 30 A 4 mm2 2.5 mm2 - 1.5 mm2 3 เฟส 380-415 35,000 Btu/hr 5.5-7 A 3P 15 A - 2.5 mm2 โวลต์ 50 เฮิรต์ 48,000 Btu/hr 9-11 A 3P 20 A - 2.5 mm2 50,000 Btu/hr 13-15 A 3P 30 A

หมายเหตุ คา่ กระแสไฟฟา้ ในตารางเปน็ ค่าโดยประมาณ กรุณาดูขอ้ มลู ของเครือ่ งปรบั อากาศแตล่ ะขนาดและแต่ละ

รุ่นจากแคตตาลอ๊ ค(Catalogue) ผลิตภัณฑ์นนั้ ๆ

อุปกรณ์ไฟฟ้าในงานเคร่ืองปรับอากาศ 198

5.9 สวติ ชเ์ ครอ่ื งปรบั อากาศ (Selector switch) สวติ ช์เครื่องปรับอากาศทาหนา้ ท่ีปดิ -เปิดการทางานของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์และมอเตอร์

พัดลมของเครือ่ งปรบั อากาศ ท่ีนยิ มใชก้ ันมากมี 2 แบบคือแบบป่มุ กด (Push button switch) และ แบบหมุน (Rotary switch) โดยทาการควบคุมความเรว็ รอบของมอเตอร์พัดลมแบบ 1, 2 หรอื 3

ความเร็วรอบ (Speed) และยงั มีหนา้ ท่ีควบคมุ การทางานของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ด้วย วงจรไฟฟ้า สว่ นทคี่ วบคมุ มอเตอรค์ อมเพรสเซอร์นี้ จะทางานไดเ้ มอ่ื วงจรของมอเตอร์พัดลมไดท้ างานแลว้ เทา่ นนั้ โดยทกุ ครงั้ ที่เปิดมอเตอร์พัดลมให้ทางาน มอเตอร์คอมเพรสเซอรจ์ ะตอ้ งทางานด้วยเสมอ

MED LINE HIGH LOW C/COMP.

OFF

FAN SPEED CONTROL LO ME HI

รูปที่ 5.54 สวติ ช์เครอ่ื งปรบั อากาศแบบหมุนและโครงสรา้ งภายใน

การตรวจสอบสวิตชเ์ ครอ่ื งปรบั อากาศ

  1. กาหนดคา่ เป็นตวั เลขหรอื ตวั หนงั สอื ทีด่ า้ นหลงั ของสวิตชเ์ ครื่องปรบั อากาศ
  2. ใชม้ ลั ตมิ ิเตอร์ตรวจสอบขั้วของสวติ ชเ์ ครือ่ งปรบั อากาศในตาแหนง่ ต่าง ๆ โดยทาการบิด สวิตชไ์ ปท่ตี าแหน่งตา่ ง ๆ แล้วบันทกึ ผลการตรวจสอบลงในตารางและสรปุ ผลการตรวจสอบข้วั ของ สวติ ช์เครอ่ื งปรับอากาศเพ่ือตอ่ ใช้งานให้ถกู ต้อง โดยใช้เง่ือนไขดังนี้

2.1) ทุกครั้งที่เปิดสวติ ชใ์ ห้มอเตอรพ์ ัดลมทางาน (ขั้ว LINE สมั ผัสกบั ขว้ั HI, ME, LO) เครื่องปรบั อากาศจะทางานดว้ ยเสมอ (ขวั้ LINE สัมผัสกบั ขั้ว C/COMP.)

2.2) ข้วั LINE กับข้วั C/COMP. สามารถสลับขวั้ ไฟฟา้ ได้

LINE LINE LINE LINE

C/COMP. C/COMP. C/COMP. C/COMP.

LO ME HI LO ME HI LO ME HI LO ME HI

( ) OFF ( ) HI ( ) ME ( ) LO

รปู ที่ 5.55 การทางานของสวติ ช์เครือ่ งปรบั อากาศ

อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในงานเครื่องปรับอากาศ 199

ตารางท่ี 5.15 บันทกึ การตรวจสอบสวติ ชเ์ คร่อื งปรบั อากาศ

1 ด้านหลงั 1 2 3 4 5 ด้านหนา้ 2 OFF     

HIGH     

543 MEDIUM  LOW   

สรปุ การตรวจสอบหาขวั้ ไฟฟา้ ของสวติ ชเ์ ครอื่ งปรับอากาศ

หมายเลข 1 คอื ขว้ั LINE หมายเลข 2 คอื ข้วั C/COMP หมายเลข 3 คือ ขั้ว HIGH

หมายเลข 4 คอื ขว้ั MEDIUM หมายเลข 5 คอื ขั้ว LOW

5.10 อุปกรณค์ วบคุมอุณหภมู ิ (Temperature Control : T.C.) อุปกรณ์ควบคุมอณุ หภูมิหรอื เทอรโ์ มสตตั (Thermostat) ในระบบเครอ่ื งปรับอากาศ จะมี

บทบาทมากในการควบคุมความเย็นเพอื่ ทีจ่ ะให้ห้องมีอุณหภมู สิ งู และตา่ ตามความตอ้ งการของ ผูใ้ ช้งาน โดยอปุ กรณค์ วบคมุ อณุ หภูมิจะหยุดการทางานของระบบเครอื่ งปรบั อากาศ เม่ืออณุ หภมู ิ ลด

ต่าลงถงึ จดุ ท่ีต้องการ ดว้ ยเง่อื นไขการทางานดงั กลา่ วอุปกรณค์ วบคมุ อณุ หภมู ิจึงต้องมสี ว่ นตรวจจบั อณุ หภมู ิและมีกลไกทางกลไปเปิดและปิดหนา้ สัมผสั ทางไฟฟ้าโดยท่วั ไปเครอ่ื งปรบั อากาศรนุ่ เก่า ๆจะ ใช้อปุ กรณ์ควบคุมอุณหภูมิแบบกระเปาะมาควบคุมระบบการทางาน โดยอปุ กรณ์ตรวจจบั อุณหภมู ิ

ด้วยของเหลวแบบกระเปาะ (Bulb sensor) ตดิ ตัง้ อย่บู รเิ วณช่องลมกลบั เข้าชดุ หน่วยแฟนคอยล์หรือ คอยล์เย็น ตวั ตรวจจบั ความร้อนดว้ ยของเหลวแบบกระเปาะน้ี ภายในกระเปาะจะมีของเหลวบรรจุอยู่

และมที ่อรเู ข็มตอ่ ไปยังเบลโล ทาหนา้ ทีเ่ คล่อื นหน้าสัมผสั ให้ตัดตอ่ วงจร โดยมีลักษณะเป็นถงุ ยืดคล้าย หบี ปัม๊ ลม เมื่ออุณหภมู ทิ างด้านลมกลับลดต่าลง กระเปาะทใ่ี ชต้ รวจจบั อณุ หภมู ิจะสามารถตรวจจับ อณุ หภมู นิ ไี้ ดโ้ ดยของเหลวท่ีบรรจุอยู่ภายในกระเปาะจะมีอุณหภูมิและความดนั ลดลง เบลโลจะหดตวั

จงึ มีผลทาให้กลไกเคล่อื นทีใ่ ห้หน้าสมั ผสั เปิดออก ทาให้มอเตอรค์ อมเพรสเซอรห์ ยดุ ทางานหลงั จากท่ี ระบบทาความเย็นหยุดทางานอุณหภูมิทางด้านลมกลบั จะเร่ิมสงู ขึน้ ในขณะ เดียวกนั ของเหลวภายใน

กระเปาะกจ็ ะเริ่มมีอุณหภมู ิสงู ข้นึ เช่นกนั มีผลทาใหเ้ บลโลเกดิ การขยายตัว และกลไกจะเคลอื่ นท่ปี ดิ หน้าสมั ผสั อกี ครง้ั ทาให้ระบบการทาความเย็นกลับมาทางานอีกคร้ัง โดยจะเป็นลกั ษณะเช่นนี้สลับกนั ไปตามการตรวจจบั อุณหภูมิของกระเปาะอุปกรณ์ควบคมุ อณุ หภมู ิแบบกระเปาะจะนิยมใชก้ ับสวิตช์

เครือ่ งปรับอากาศ เช่นงานเครือ่ งปรบั อากาศแบบหน้าตา่ งและเคร่ืองปรบั อากาศแบบแยกสว่ นในร่นุ เกา่ ๆการใช้อุปกรณค์ วบคมุ อุณหภมู แิ บบกระเปาะควบคุมวงจรเคร่ืองปรบั อากาศโดยตรง จะตอ้ ง

พจิ ารณาวา่ เครอ่ื งปรับอากาศทางานทพ่ี กิ ัดกระแสไฟฟา้ เทา่ ไร เพราะตามปกติหนา้ สัมผสั ท่ีเป็นโลหะ

อุปกรณ์ไฟฟ้าในงานเครอื่ งปรับอากาศ 200

เงนิ สามารถรบั ปริมาณกระแสไฟฟ้าไดป้ ระมาณ 25 แอมแปร์ และควบคมุ อณุ หภูมิในชว่ งประมาณ 5 – 35 องศาเซลเซยี ส หรอื 54 – 89 องศาฟาเรนไฮต์ โดยมชี ่วงอุณหภมู ขิ องการตัดและตอ่ หนา้ สัมผัส ประมาณ 5 องศาฟาเรนไฮต์

(Normally closed contact)

(Bellow)

(Refrigerant)

(Capillary tube with refrigerant) (Remote bulb)

รปู ท่ี 5.56 สวิตช์ควบคุมอุณหภูมิและโครงสร้างภายใน

(N.C. contact)

(Bello) (Bello)

(Capillary tube) (Bulb) (Capillary tube) (Bulb)

รปู ที่ 5.57 โครงสรา้ งภายในของสวิตช์ควบคมุ อุณหภมู ิแบบกระเปาะ

456

37

28

1WARMER 9 COOLER TEMPERATURE CONTROL

รูปท่ี 5.58 หน้ากากของสวติ ช์ควบคมุ อุณหภูมิ

อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในงานเครื่องปรบั อากาศ 201

ตารางที่ 5.16 ความหมายตวั เลขของสวติ ชค์ วบคุมอุณหภมู ริ ะบบเครื่องปรับอากาศ COOLER เยน็ จดั ตาแหน่ง WARMER 2-3 4-5 7-8 ระดบั ความเย็น เยน็ น้อย เยน็ น้อย เยน็ ปานกลาง เย็นมาก

การตรวจสอบสวติ ชค์ วบคมุ อุณหภูมิแบบกระเปาะ มีขน้ั ตอน ดงั น้ี

  1. ต้งั มัลติมิเตอร์ทีย่ ่านวดั ความต้านทานไฟฟา้ แล้วนาไปวัดหน้าสัมผสั ของสวติ ช์-

ควบคุมอณุ หภูมิ ซง่ึ ปกติจะเปน็ แบบปกติปิด เขม็ ชข้ี องมัลตมิ ิเตอร์จะต้องชขี้ ึ้นท่ปี ระมาณศูนยโ์ อห์ม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ค้นหา ประวัติ นามสกุล ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง ไทยแปลอังกฤษ ประโยค Terjemahan เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาจีน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ่้แปลภาษา Google Translate ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย พร บ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 วิธีใช้มิเตอร์วัดไฟดิจิตอล สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น ห่อหมกฮวก แปลว่า Bahasa Thailand Thailand translate mu-x มือสอง รถบ้าน การวัดกระแสไฟฟ้า ด้วย แอมมิเตอร์ การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน แคปชั่น พจนานุกรมศัพท์ทหาร ภูมิอากาศ มีอะไรบ้าง สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น อาจารย์ ตจต อเวนเจอร์ส ทั้งหมด เขียน อาหรับ แปลไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน Google map Spirited Away 2 spirited away ดูได้ที่ไหน tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง กินยาคุมกี่วัน ถึง ปล่อยในได้ ธาตุทองซาวด์เนื้อเพลง บช.สอท.ตำรวจไซเบอร์ ล่าสุด บบบย มิติวิญญาณมหัศจรรย์ ตอนจบ รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล ศัพท์ทางทหาร military words สอบ O หยน