และในประโยค c) that won the contest last week ก็คือ adjective clause ที่ทำหน้าที่ขยายความคำนาม the woman ในประโยคหลัก She is the woman.
สรุปก็คือ adjective clause ทำหน้าที่เหมือนกับคำคุณศัพท์นั่นเอง เพียงแต่ว่าอยู่ใน รูปของอนุประโยค (subordinate clause) จึงได้นำมาวางไว้หลังคำนามแทนที่จะวาง ไว้หน้าคำนามเหมือนกับคำคุณศัพท์ทั่วๆไป
องค์ประกอบของ adjective clause
Adjective clause แม้จะเป็นอนุประโยค แต่ก็ถือว่าเป็นประโยคชนิดหนึ่ง ดังนั้น adjective clause
อย่างน้อยจะต้องประกอบด้วย
- ประธาน (subject) และ 2) ภาคแสดง (predicate) เสมอ ดังนี้
‘who moved in’ มี who เป็นประธาน และมี moved in เป็นภาคแสดง
‘that does this’ มี that เป็นประธาน และมี does this เป็นภาคแสดง
‘that won the contest’ มี that เป็นประธาน และมี won the contest เป็นภาคแสดง
คำและประเภทของคำที่ใช้นำหน้า adjective clause
คำที่ใช้นำหน้า adjective clause เพื่อแสดงความเป็น adjective clause จะได้แก่ คำ relative ดังต่อไปนี้: who, which, that, whose, whom, where, when และ why
ด้วยเหตุนี้ adjective clause จึงมักได้รับการเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า relative clause (อนุประโยคที่นำหน้าด้วยคำ relative)
คำ relative เหล่านี้จะแบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้
1. Relative pronoun ได้แก่ who, which, that, whose และ whom
2. Relative adverb ได้แก่ where, when และ why
อนึ่ง ขอให้สังเกตว่า what และ how จะ
ไม่ใช้
นำหน้า adjective clause แต่จะใช้ นำหน้า noun clause ซึ่งท่านผู้อ่านจะได้เห็นในบทความ ‘กลเม็ดเก่ง noun clause’
หน้าที่ของ relative pronoun และ relative adverb
Relative pronoun ทำหน้าที่เป็นทั้งคำที่ใช้ขยายความคำนาม และเป็นประธานของ adjective clause ไปในเวลาเดียวกัน หรือบางกรณีก็ทำหน้าที่เป็นกรรมของ adjective clause ไปในเวลาเดียวกัน
Relative adverb ทำหน้าที่เป็นทั้งคำที่ใช้ขยายความคำนาม และเป็นวิเศษณ์ของ adjective clause ไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้กล่าวถึงในรายละเอียดต่อไป
1. การใช้ who/which/that เพื่อขยายความคำนามของ ประโยคหลัก
เราใช้ who ขยายความคำนามที่เป็นบุคคลหรือสัตว์เท่านั้น
เราใช้ which ขยายความคำนามที่เป็นสิ่งของเท่านั้น
เราใช้ that ขยายความคำนามที่เป็นบุคคลหรือสิ่งของก็ได้
1.1 การใช้ who/which/that เป็นประธานของ adjective clause เพื่อขยายความคำนามของประโยคหลัก
เราใช้ who/which/that เป็นประธานของ adjective clause เพื่อขยายความ คำนามของประโยคหลักได้ดังต่อไปนี้
–
A man who moved in yesterday
is our friend.
–
The girl who is crying
was punished by her mother.
–
The woman who was hit by a car
is getting better.
–
Anyone that does this
is a fool.
–We should rely on
our parents that love us most
.
–She is
the woman that won the contest last week
.
–It is
a dog who saved his life
.
–
The companies that sell mobile phones
will make big profits.
–He bought
a guitar which was once used by Elvis Presley
.
–
The old books which are rare
will be auctioned next month.
อนึ่ง การใช้ who/which/that นี้เราสามารถวางไว้ห่างจากคำนามของประโยคหลัก ก็ได้ ถ้าคำนามนั้นมีคำอื่นมาขยายความอยู่ เช่น
–
A man
with a hat
who is standing there
is my boss.
–Paul McCartney discusses
a working relationship
with George Harrison
that was not always an even partnership
. (The New York Times/Bangkok Post)
การลดรูป adjective clause ลงเป็น present participle
Adjective clause ที่มี who/which/that เป็นประธานนั้น เราสามารถลดรูปลงเป็น present participle ได้ ถ้า tense ของ adjective clause นั้นเป็น continuous tense ดังนี้
a)
The girl who is crying
was punished by her mother. เด็กผู้หญิงผู้ที่กำลังร้องไห้ได้ถูกทำโทษโดยแม่ของเธอ
b)
The crying girl
was punished by her mother. เด็กผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ได้ถูกทำโทษโดยแม่ของเธอ
กล่าวโดยสรุปก็คือ เวลาเราจะขยายความคำนาม เราจะมีทางเลือกว่าจะใช้ adjective clause [ข้อ a)] หรือ present participle [ข้อ b)] ก็ได้ ตามเงื่อนไขดังอธิบายไว้ ข้างต้น
การลดรูป adjective clause ลงเป็น past participle
Adjective clause ที่มี who/which/that เป็นประธานนั้น ถ้า adjective clause เป็น passive voice เราสามารถลดรูปลงเป็น past participle ได้ ดังนี้
a)
The woman who was hit by a car
is getting better. ผู้หญิงผู้ที่ถูกรถชนกำลังมีอาการดีขึ้น
b)
The woman hit by a car
is getting better. ผู้หญิงที่ถูกรถชนกำลังมีอาการดีขึ้น
กล่าวโดยสรุปก็คือ เวลาเราจะขยายความคำนามในกรณีที่คำนามนั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ เราจะมีทางเลือกว่าจะใช้ adjective clause ที่เป็น passive voice [ข้อ a)] หรือใช้แค่ past participle [ข้อ b)] ก็ได้
การลดรูป adjective clause ลงเป็นคำนาม (noun)
การใช้ adjective clause ที่มี who/which/that เป็นประธาน ถ้า adjective clause นั้นมีคำนามปรากฎอยู่ เราสามารถลดรูปลงเหลือเพียงคำนามคำเดียวได้ ถ้าลด รูปแล้วไม่ทำให้เสียใจความสำคัญไป ดังนี้
a)
The companies that sell mobile phones
will make big profits. บริษัทต่างๆที่ขายโทรศัพท์มือถือจะทำกำไรได้มาก
b)
The mobile phone companies
will make big profits. บริษัทโทรศัพท์มือถือต่างๆจะทำกำไรได้มาก
เราจะเห็นได้ว่าเมื่อลดรูปลงเหลือแค่คำนามเพียงคำเดียวแล้ว คำนามนี้ก็จะถูกนำมา วางไว้หน้าคำนามเดิมที่ถูกขยายความโดย adjective clause นั่นเอง นั่นคือจาก ‘The companies that sell mobile phones’ เป็น ‘The mobile phone companies’
กล่าวโดยสรุปก็คือ เวลาเราจะขยายความคำนาม เราจะมีทางเลือกว่าจะใช้ adjective clause [ข้อ a)] หรือคำนาม [ข้อ b)] ก็ได้ ตามเงื่อนไขดังอธิบายไว้ข้างต้น
การลดรูป adjective clause ลงเป็นคำคุณศัพท์ (adjective)
การใช้ adjective clause ที่มี who/which/that เป็นประธานนั้น ถ้ามีคำคุณศัพท์ (adjective) ปรากฎอยู่ เราสามารถลดรูป adjective clause ลงเหลือเพียง adjective เพียงคำเดียวได้ ถ้าลดรูปแล้วไม่ทำให้เสียใจความสำคัญไป ดังนี้
a)
The old books which are rare
will be auctioned next month. หนังสือเก่าที่หายากจะถูกเปิดประมูลเดือนหน้า
b)
The rare old books
will be auctioned next month. หนังสือเก่าหายากจะถูกเปิดประมูลเดือนหน้า
กล่าวโดยสรุปก็คือ เวลาเราจะขยายความคำนามเราจะมีทางเลือกว่าจะใช้ adjective clause [ข้อ a)] หรือคำคุณศัพท์ [ข้อ b)] ก็ได้ ตามเงื่อนไขดังอธิบายไว้ข้างต้น
การลดรูป adjective clause ลงเป็นบุพบทวลี (prepositional phrase)
Adjective clause ที่มี who/which/that เป็นประธานนั้น ถ้ามีบุพบทวลี (prepositional phrase) ปรากฎอยู่ เราสามารถลดรูป adjective clause ลงเหลือ เพียงบุพบทวลีได้ ถ้าลดรูปแล้วไม่ทำให้เสียใจความสำคัญไป ดังนี้
a)
The man who dresses in gray suit
is her dad. ผู้ชายคนที่สวมสูทสีเทาเป็นพ่อของเจ้าหล่อน
b)
The man in gray suit
is her dad. ผู้ชายที่สวมสูทสีเทาเป็นพ่อของเจ้าหล่อน
กล่าวโดยสรุปก็คือ เวลาเราจะขยายความคำนามเราจะมีทางเลือกว่าจะใช้ adjective clause [ข้อ a)] หรือบุพบทวลี [ข้อ b)] ก็ได้ ตามเงื่อนไขดังอธิบายไว้ข้างต้น
1.2 การใช้ who/which/that เป็นกรรมของ adjective clause เพื่อขยายความคำนามของประโยคหลัก
Who/which/that นอกจากจะเป็นประธานของ adjective clause แล้ว ยังเป็น กรรมของ adjective clause ได้อีกด้วย เช่น
The woman who I met
is my friend’s sister.
ประโยคนี้ who ทำหน้าที่เป็นคำขยายความประธาน The woman ขณะเดียวกันก็ ทำหน้าที่เป็นกรรมของคำกริยา met พร้อมกันไปด้วย
และคำกริยาที่ใช้ใน adjective clause ในกรณีนี้จะต้องเป็น ‘คำกริยาที่ต้องมีกรรม มารองรับ’ ด้วยนะครับ จึงจะเป็นการใช้ who/which/that เป็นกรรมของ adjective clause ที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ดังประโยคตัวอย่างต่อไปนี้
a)
The man who I talked with
works for my dad.
b)
The used car that my sister has bought
is very cheap.
ประโยค a) คำกริยา talked with เป็นคำกริยามี่ต้องมีกรรมมารองรับ
ส่วนประโยค b) คำกริยา bought ก็เป็นคำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับเช่นกัน ทั้ง ประโยค a) และ b) นี้จึงถือว่าถูกต้องตามหลักไวยากรณ์การใช้ who/which/that เป็นกรรมของ adjective clause
ดังนั้น ถ้าคำกริยาใน adjective clause เป็นคำกริยาที่
ไม่
ต้องมีกรรมมารองรับ ก็จะ เป็นการใช้ที่ผิดหลักไวยากรณ์ของการใช้ who/which/that เป็นกรรมของ adjective clause ไปทันที เช่น
c)
The man who I talked
works for my dad.
d)
The used car that my sister is
is very cheap.
ประโยค c) คำกริยา talked เป็นคำกริยาที่
ไม่ต้อง
มีกรรมมารองรับ การใช้ adjective clause ในข้อ c) จึงผิดหลักไวยากรณ์การใช้ who/which/that เป็นกรรมของอนุ ประโยค
ส่วนข้อ d) คำกริยา is ก็เป็นคำกริยาที่
ไม่ต้อง
มีกรรมมารองรับ การใช้ adjective clause ในข้อ d) จึงผิดหลักไวยากรณ์การใช้ who/which/that เป็นกรรมของ adjective clause เช่นกัน
ขอให้ท่านผู้อ่านศึกษาประโยคตัวอย่างต่อไปนี้ให้เข้าใจ
–
The woman who he dates
is his boss’s daughter.
–
The applicant that I have just interviewed
looked nervous.
–She is
the woman that I saw last week
.
–
The house that they sell
is near the airport.
–
A piece of land that he rented
is in the country.
–That ship is
the one which my dad builds
.
–I like
the music which you are listening to
.
อนึ่ง ในกรณีของ which ถ้าคำกริยาที่ตามหลัง which มาเป็นคำกริยาที่ใช้ร่วมกับคำ บุพบท (phrasal verb) เราสามารถย้ายคำบุพบทนั้นมาวางไว้หน้า which ได้ ดังนี้
–I like
the music to which you are listening
.
การละ who/which/that ที่เป็นกรรมของ adjective clause ไว้
ขอให้ท่านผู้อ่านสังเกตว่า adjective clause ที่ who/which/that ทำหน้าที่เป็น กรรมของ adjective clause นั้น จะมีประธาน และภาคแสดงสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว โดยไม่ต้องอาศัย who, which และ that เลย
เช่นประโยค
The woman who I met
is my friend’s sister. นี้ adjective clause นี้จะมีประธาน (คือ I), ภาคแสดง (คือ met) อยู่ครบถ้วนตามองค์ประกอบของ adjective clause แล้ว
ดังนั้น การใช้ who/which/that เพื่อทำหน้าที่เป็นกรรมของ adjective clause นี้ เราจะละ who, which และ that ไว้เสียก็ได้ ดังนี้
–
The woman I met
is my friend’s sister.
–
The woman he dates
is his boss’s daughter.
–
The man I talked with
works for my dad.
–
The applicant I have just interviewed
looked nervous.
–She is
the woman I saw
last week.
–
The house they sell
is near the airport.
–
A piece of land he rented
is in the country.
–
The used car my sister has bought
is very cheap.
–That ship is
the one my dad builds
.
–I like
the music you are listening to
.
หลักการพื้นฐานของการเกิด adjective clause ที่มี who/which/ that นำหน้า
หลักการพื้นฐานของการเกิด adjective clause ที่มี who/which/that นำหน้า ก็คือ ‘
การที่ประโยค 2 ประโยคมีประธานหรือมีคำนามคำเดียวกัน
’ จึงมีการรวมประโยค 2 ประโยคนี้เข้าด้วยกัน โดยทำให้ประโยคใดประโยคหนึ่งเป็น adjective clause ไปเสีย ตามสถานการณ์การใช้ของเรา
เช่น ประโยค A man who moved in yesterday is our friend. ก็มาจาก ประโยค 2 ประโยคดังต่อไปนี้
b)
A man
moved in yesterday.
เราจะเห็นได้ว่าทั้งประโยค a) และ b) มีประธาน A man คำเดียวกันจึงมีการรวม ประโยค 2 ประโยคนี้เข้าด้วยกัน และตามสถานการณ์การใช้ของเราเราต้องการให้ประโยค b) เป็น adjective clause เราจึงตัด A man ที่เป็นประธานในประโยค b) ออก แล้ว แทนที่ด้วย who เป็น who moved in yesterday
จากนั้นนำเอา who moved in yesterday นี้ไปขยายความ A man ในข้อ a) ได้ออกมาเป็น:
A man who moved in yesterday
is our friend. นั่นเอง
อนึ่ง ประโยค a) และ b) นี้เราจะรวมเป็น
A man who is our friend
moved in yesterday. ก็ได้ อันขึ้นอยู่กับสถานการณ์การใช้ของแต่ละท่าน
ลองไปดูประโยคตัวอย่างอื่นที่ประโยค 2 ประโยคมีคำนามคำเดียวกันนั่นคือ
The woman who I met
is my friend’s sister.
ประโยคนี้มาจากประโยค 2 ประโยคดังต่อไปนี้
a)
The woman
is my friend’s sister.
เราจะเห็นได้ว่าทั้งประโยค a) และ b) มีคำนาม the woman คำเดียวกันจึงมีการรวม ประโยค 2 ประโยคนี้เข้าด้วยกัน และตามสถานการณ์การใช้ของเราเราต้องการให้ประโยค b) เป็น adjective clause เราจึงตัด the woman ที่เป็นกรรมในประโยค b) ออก แล้ว แทนที่ด้วย who โดยวาง who ไว้ข้างหน้าเป็น who I met
จากนั้นนำเอา who I met นี้ไปขยายความ The woman ในข้อ a) ได้ออกมาเป็น:
The woman who I met
is my friend’s sister. นั่นเอง
การใช้ adjective clause ในเชิงปฏิบัติ
การที่เรารู้หลักการพื้นฐานของ adjective clause ดังกล่าวข้างต้น จะมีประโยชน์ อย่างมากในการรู้ที่มาที่ไปของประโยค adjective clause ที่มี who/which/that นำ หน้า
รวมทั้งจะได้ทราบความแตกต่างระหว่าง adjective clause กับ noun clause ด้วย เพราะในบางกรณีโครงสร้างของ adjective clause กับ noun clause จะมีความคล้าย คลึงกัน (ซึ่งจะกล่าวถึงใน ‘กลเม็ดเก่ง noun clause’)
ส่วนการใช้ adjective clause ในเชิงปฏิบัติหรือในสถานการณ์ตอนที่เราใช้จริงนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปคำนึงถึงหลักการพื้นฐานนี้ เพราะจะเป็นการเสียเวลาไปโดยไม่จำเป็น นั่นคือ ถ้าเราจะใช้ adjective clause อะไรก็ให้ใช้ออกมาเลย
เช่น เราจะเขียนประโยค A man who moved in yesterday is our friend. ก็ให้ จรดปากกาเขียนออกมาเลยหรือให้เคาะคีย์บอร์ดพิมพ์ออกมาเลย โดยไม่ต้องไปเสียเวลาคิด ว่าประโยคนี้มาจาก 2 ประโยคพื้นฐานอะไรบ้าง เพราะ 2 ประโยคที่ว่านี้จะอยู่ใน A man who moved in yesterday is our friend.
โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
2. การใช้ ‘whose + คำนาม’ เพื่อขยายความคำนามของ ประโยคหลัก
Whose เป็นคำสรรพนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของของบุคคลหรือสิ่งของได้ เช่น whose bike = จักรยานของใคร; whose daughter = ลูกสาวของใคร whose handle = หูจับของมัน ฯลฯ
เราสามารถใช้ ‘whose + คำนาม’ ดังตัวอย่างข้างต้นนี้นำหน้า adjective clause เพื่อขยายความคำนามของประโยคหลักได้ดังนี้
–
A boy whose bike was bought by my son
is my student. เด็กชายซึ่งจักรยานของเขาถูกซื้อโดยลูกชายของผมเป็นลูกศิษย์ของผม
–
A woman whose house is next to me
is a nurse. ผู้หญิงที่บ้านของหล่อนอยู่ติดกับฉันเป็นพยาบาล
–He said something to
a man whose dog names Spice
. เขาพูดบางสิ่งกับผู้เชายที่สุนัขของเขาชื่อ Spice
–It is
a cat whose ears are so short
. มันคือแมวที่หูของมันสั้นมาก
–She hires
a carpenter whose son is a plumber
. เจ้าหล่อนว่าจ้างช่างไม้ซึ่งลูกชายของเขาเป็นช่างประปา
–What is the name of
the man whose daughter you dated
? ผู้ชายที่ลูกสาวของเขาคุณมีนัดด้วยชื่ออะไร?
–
The briefcase whose handle is broken
is his. กระเป๋าเอกสารที่หูจับแตกเป็นของเขา
3. การใช้ whom เป็นกรรมของ adjective clause
ตามปกติเราใช้ who เป็นกรรมของ adjective clause ได้ดังได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ดังนี้
–
The woman who I met
is my friend’s sister.
–
The man who I work for
runs many businesses.
–
The man who many women had a date with
turns out to be a serial killer.
อย่างไรก็ตาม เราอาจใช้ whom แทน who ได้ในการใช้แบบเป็นทางการมากๆ เช่น ในหนังสือเอกสารต่างๆ ดังนี้
–
The woman whom I met
is my friend’s sister.
–
The man for whom I work
runs many businesses.
–
The man with whom many women had a date
turns out to be a serial killer.
1. การใช้ where/when/why ขยายความคำนาม
Where/when/why เป็นคำ relative adverb จึงทำหน้าที่เป็นทั้งคำขยายความ (relative) คำนามของประโยคหลัก และเป็นวิเศษณ์ (adverb) ของ adjective clause พร้อมกันไปในเวลาเดียวกัน เช่น
This is
the website where you can learn English for free
.
ประโยค adjective clause ‘where you can learn English for free’ นี้ where จะทำหน้าที่เป็นทั้ง ‘คำขยายความคำนาม the website’ และทำหน้าที่เป็น ‘วิเศษณ์แสดง สถานที่’ ของ learn English for free ด้วย
1.1 การใช้ where เพื่อขยายความคำนามแสดงสถานที่
เราใช้ where นำหน้า adjective clause เพื่อขยายความคำนามแสดงสถานที่, คำนามแสดงตำแหน่ง หรือคำนามแสดงลำดับขั้นในประโยคหลัก ดังนี้
–
The school where they study
is the best in town.
–Put that book into
the place where it is
.
–This is
the website where you can learn English for free
.
–The cosmology has just reached
the stage where we can
understand the universe only 10 percent.
ลักษณะพิเศษของ where
Where เป็นคำวิเศษณ์แสดงสถานที่ และคำวิเศษณ์แสดงสถานที่จะมีลักษณะพิเศษอยู่ ประการหนึ่งคือ เป็น ‘กึ่งคำวิเศษณ์กึ่งคำนาม’ Where จึงมีทั้ง ‘ความเป็นวิเศษณ์และความ เป็นคำนาม’ อยู่ในตัวเอง
เราจึงใช้ where เป็นคำวิเศษณ์ (adverb) ก็ได้ หรือเราจะใช้ where เป็นคำนาม (noun) ก็ได้
นั่นคือ เราสามารถใช้ where เป็นคำวิเศษณ์ตามหลัง ‘คำกริยา vi’ (คำกริยาที่ไม่ต้อง มีกรรมมารองรับ) ก็ได้ หรือเราจะใช้ where เป็นคำนามตามหลัง ‘คำกริยา + บุพบท (phrasal verb)’ ก็ได้ ดังนี้
ทั้ง 2 ประโยคนี้ถูกต้องทั้งคู่ โดยประโยค a) go เป็นคำกริยา vi เราจึงใช้ go กับคำ วิเศษณ์ where ได้ทันที นั่นคือ
Where
did he
go
?
ส่วนประโยค b) go to เป็น ‘คำกริยา + บุพบท’ เราจึงใช้ go to กับคำนาม where ได้ทันทีว่า
Where
did he
go to
?
และเมื่อเราใช้ where เป็น relative adverb ลักษณะพิเศษนี้ก็ยังคงติดตัว where มา ด้วย เราจึงสามารถใช้ where กับ ‘คำกริยา vi’ ก็ได้ หรือใช้กับ ‘คำกริยา + บุพบท’ ก็ได้ ดังนี้
- Put that book into
the place where it is
.
- Put that book into
the place where it belongs to
.
การใช้ประโยค a) และ b) นี้ถือว่าถูกต้องทั้งคู่ เราจึงสามารถเลือกใช้ประโยคใดก็ได้
และ
เฉพาะ where ที่ใช้กับ ‘คำกริยา + บุพบท’
นี้เราสามารถละ where ไว้ได้ดังนี้: Put that book into
the place it belongs to
.
เหตุที่กรณีนี้เราละ where ไว้ได้เพราะ the place เป็นคำนามในตัวเองจึงใช้เป็นกรรม ของ belongs to ได้อยู่แล้ว ดังนั้น where ที่มีความเป็นคำนามอยู่ในตัวจึงซ้ำความ หมายกับ the place เราจึงตัด where ทิ้งไปได้ เพื่อให้ประโยคมีความกระชับขึ้น
แต่เราจะคง where ไว้ก็ได้ แต่ประโยคของเราก็จะขาดความกระชับไป
1.2 การใช้ when เพื่อขยายความคำนามแสดงเวลา
เราใช้ when นำหน้า adjective clause เพื่อขยายความคำนามแสดงเวลาของ ประโยคหลักได้ ดังนี้
–
The first time when I dated her
, I fell in love with her.
–Do you remember
the day when we first met
?
–
The night when they drove old Dixie down
. ค่ำคืนที่ฝ่ายเหนือได้โค่นกองกำลังฝ่ายใต้ลง(ในสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯ)
ลักษณะพิเศษของคำนามแสดงเวลา
สำหรับภาษาอังกฤษแล้ว
คำนามแสดงเวลา
เช่น time, day และ night ฯลฯ นั้น เมื่อ เราเติม the เข้าไปข้างหน้าเป็น the time, the day และ the night ฯลฯ คำเหล่านี้จะ กลายเป็น ‘กึ่งคำนามกึ่งคำวิเศษณ์’ ไปทันที
นั่นคือ เราสามารถใช้ the time, the day และ the night ฯลฯ เป็นคำนามก็ได้ หรือเป็นคำวิเศษณ์ก็ได้ เมื่อเป็นดังนี้คำเหล่านี้จึงมักถูกใช้เป็นคำวิเศษณ์ขยายความคำกริยา หรือประโยคทั้งประโยคได้ดังนี้
We met her
the day before Christmas
.
ประโยคนี้ the day before Christmas ทำหน้าที่เป็นวิเศษณ์ขยายความประโยค We met her.
ดังนั้น เมื่อเราใช้ when ซึ่งเป็น relative adverb มาขยายความคำนามแสดงเวลา the time, the day และ the night ฯลฯ เราจึงสามารถละ when ไว้ได้ เพราะคำนาม แสดงเวลาเหล่านี้เป็นคำวิเศษณ์ในตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมี when อยู่ด้วยก็ได้ ดังนี้
–
The first time I dated her
, I fell in love with her.
–Do you remember
the day we first met
?
–
The night they drove old Dixie down
. (The Band/Joan Baez)
จาก 3 ประโยคข้างต้นเราจะเห็นได้ว่า the first time, the day และ the night ตามลำดับนั้นเป็น ‘คำวิเศษณ์’ อยู่ในตัวอยู่แล้ว เราจึงสามารถตัด when ซึ่งก็เป็นคำวิเศษณ์ เช่นกันออกได้ อันจะช่วยให้ประโยคของเรามีความกระชับขึ้น
1.3 การใช้ why ขยายความคำนาม reason
เราใช้ why นำหน้า adjective clause เพื่อขยายความคำนาม reason ได้ดังนี้
–This is
the reason why I am here
. นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงมาที่นี่
และเราจะละ why ไว้เสียก็ได้ดังนี้
–This is
the reason I am here
. นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงมาที่นี่
เหตุที่เราสามารถตัด why ออกได้ก็เพราะ คำว่า reason มีความหมายว่า ‘ทำไม’ อยู่ ในตัวเองอยู่แล้ว นั่นคือ reason = ทำไมบางสิ่งจึงเกิดขึ้นหรือทำไมบางคนจึงทำบางสิ่ง
อนึ่ง เราสามารถใช้ why เพื่อขยายความคำนาม idea ในประโยค I have no idea. ได้เช่นกัน แต่จะไม่สามารถตัด why ออกได้ ดังนี้
–I have no idea
why she dated him
. ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้าหล่อนจึงมีนัดกับเขา
1. Restrictive adjective clause คืออะไรและมีหลักการใช้ อย่างไร
Restrictive adjective clause ก็คือ adjective clause ที่ใช้ระบุคำนามหรือ สรรพนามของประโยคหลักว่า ‘เป็นใคร, เป็นสิ่งไหน, เป็นคนหรือเป็นสิ่งของประเภทใด’ เช่น
A man who moved in yesterday
is our friend.
ประโยคนี้ ‘who moved in yesterday’ คือ ‘restrictive adjective clause’ ที่ ใช้ระบุว่า ‘ผู้ชายที่เป็นเพื่อนของเรา คือ
คนที่ย้ายเข้ามาเมื่อวาน ไม่ใช่คนที่ย้ายเข้ามาวัน อื่น
’
หลักการใช้ restrictive adjective clause
การใช้ restrictive adjective clause นั้น ผู้ใช้จะเป็นผู้กำหนดเองว่า adjective clause ใดควรเป็น restrictive โดยมีหลักการดังนี้คือ
1. ถ้าคนหรือสิ่งของที่เราจะนำเอา adjective clause มาขยายความนั้น มีหลายคน หรือมีหลายสิ่ง จนอาจทำให้ผู้ที่รับสื่อจากเราไม่รู้ว่าเป็นคนไหนหรือสิ่งไหน เราก็จะใช้ restrictive adjective clause มาระบุ
ดัง
A man who moved in yesterday
is our friend. ข้างต้น แสดงว่า มีคน ย้ายเข้ามาหลายคน แต่คนที่เป็นเพื่อนเราคือ
ผู้ชายที่ย้ายเข้ามาเมื่อวาน
ผู้รับสื่อจากเราก็จะ เข้าใจทันทีว่า ใครคือเพื่อนเรา
2. Restrictive คือ adjective clause ที่
ไม่มี
comma (,) วางไว้หน้า restrictive adjective clause นั้นๆ เช่น
A man who moved in yesterday
is our friend. ข้างต้น จะไม่มี comma (,) วางไว้หน้า who moved in yesterday
Restrictive adjective clause เป็นภาษาของนักภาษาศาสตร์ ตำราบางเล่มเรียกเป็น ชื่ออื่นๆอีกก็มี ดังนั้น ในฐานะผู้ใช้เราจะเรียก restrictive ว่า ‘adjective clause ที่
ไม่มี
comma (,) วางไว้ข้างหน้า’ ก็ได้ครับ
อนึ่ง อนุประโยคที่ผู้เขียนยกตัวอย่างไว้ข้างต้นทุกประโยคก็ล้วนแล้วแต่เป็น restrictive adjective clause ทั้งสิ้น
2. Non-restrictive adjective clause คืออะไรและมีหลัก การใช้อย่างไร
Non-restrictive adjective clause ก็คือ adjective clause ที่
ผู้ใช้ใช้
เพื่อ
เพิ่มข้อ มูล
ให้กับคำนามหรือคำสรรพนามของประโยคหลัก โดยคำนามหรือคำสรรพนามนี้เป็นที่รับ รู้กันอยู่แล้วว่า ‘เป็นใคร, เป็นสิ่งไหน, เป็นคนหรือเป็นสิ่งของประเภทใด’ เช่น
Mr. Pope, who we have just met
, is a superstar.
ประโยคนี้เราจะเห็นได้ว่า ‘who we have just met’ เป็น non-restrictive adjective clause ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขยายความ Mr. Pope เท่านั้น เพราะผู้รับสื่อ จากเราทราบอยู่แล้วว่า Mr. Pope เป็นใคร
และ non-restrictive จะเป็น adjective clause ที่มี comma (,) วางไว้ทั้งข้าง หน้าและข้างหลัง’ เพื่อให้แตกต่างจาก restrictive adjective clause อีกโสดหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม non-restrictive adjective clause บางครั้งอาจมี comma (,) วาง ไว้ข้างหน้าเท่านั้น ดังนี้
The world number two badminton player is Ratchanok Intanon
, who won World Cup Title at China Open
.
และ non-restrictive นี้ เราไม่สามารถละ relative pronoun (who, which) ที่เป็นกรรมไว้ได้ ต้องใส่ไว้เสมอ เช่น ประโยค Mr. Pope,
who
we have just met, is a superstar. ข้างต้น เราต้องคง relative pronoun คือ who ซึ่งเป็นกรรมของ we have just met ไว้เสมอ จะไปตัดออกไม่ได้
Non-restrictive ไม่ใช้ that นำหน้า
คำ relative pronoun ที่นำหน้า non-restrictive adjective clause เพื่อใช้ขยาย ความคำนามของประโยคหลักนี้จะใช้ who กับ which เท่านั้น ไม่มีการใช้ that โดยเด็ด ขาด ดังนี้
Mr. Pope,
that we have just met
, is a superstar.
ข้อควรจำ: ผู้ใช้คือผู้กำหนดว่า adjective clause ใดจะเป็น restrictive หรือ non-restrictive
ท่านผู้อ่านอย่างลืมนะครับว่า adjective clause ใดจะเป็น restrictive หรือ non- restrictive นั้น ผู้ใช้จะเป็นผู้กำหนดเองตามหลักการใช้ที่ได้อธิบายไว้ในข้อ 1 และ 2 ข้างต้น