เราชอบนึกถึงความตายบ่อยๆ คิดเสมอว่าพรุ่งนี้อาจจะตายก็ได้ คนเราต้องตายแน่ เราจะพลัดพรากกับคนที่เรารักเมื่อไหร่ก็ได้ นั่งพิมๆอยู่นี่อาจฟ้าถล่มหลังคาปลิวพายุพัดเราตายก็ได้ มันตายได้ทุกเมื่อจริงๆและเราๆจะไม่มีวันรู้เลย
คิดแบบนี้เลยไม่อยากจะประมาท อยากจะลองเจริญมรณานุสติซะเลย แต่ก็เจริญมรมรณานุสติไม่เปน ทำได้แค่เพียงสมุมตว่าอีก1นาทีเราอาจจะตาย เราต้องทำจิตให้ว่าง อย่าไปยึดอะไร แต่เราก็ไม่ได้คิดตลอดเวลา เราจะคิดเมื่อนึกถึงความตายขึ้นมาเท่านั้น แต่ก้อคิดบ่อยๆน่าจะเกินคนปรกติ
เราชอบจินตนาการว่าถ้าจะตาย จิตจะเปนยังไง คงย้อนกลับไปสิ่งที่พะวงอยู่เองโดยอัตโนมัติและควบคุมไม่ได้ เหมือนที่อ่านๆเจอบางคนเล่าว่าจิตไปยึดถึงเรื่องนั้นนี้ทำให้เข้าสู้ภพนั้นนี้ แสดงว่าต้องฝึกจิตอยู่เสมอเพื่อให้ควบคุมได้ใช่ไหมคะ ทุกวันนี้เราเลยฝึกปล่อยจิต แต่ก้อทำได้ไม่ดีนัก เช่นเรามีสมบัติ มีของหวง เราชอบคิดถึงของพวกนี้แล้วคิดว่าถ้าเราตายเราจะยังไง ก้อจะสรุปว่างั้นช่างมัน ตายก่อจบ ตอนนี้มีหวงเปนธรรมดาเพราะยังต้องใช้งานมัน หวงของเราคือระวังรักษาให้ดีอย่าให้พังมันจะลำบากซ่อม คนอื่นจะชอบทำพังเลยหวงเพราะเบื่อซ่อม เดี๋ยวนี้เรา้ลยไม่ชอบของแพง ของดูแลยาก ไม่อยากเลี้ยงสัตว์มากมายมองว่าทุกสิ่งคือภาระ ไม่อยากมีความรัก แต่ก้อห้ามไม่ได้ เลยทำได้แค่อย่ามีเพิ่ม อย่ามีลูก และเตรียมตัวตายอยู่ทุกวัน
นึกถึงความตายแบบบ้านๆ คือมั่วๆไป ก่อนนอนก้อลองสมมุตว่าถ้าตายวิญญาณออกจากร่างเราควรทำจิตแบบไหนให้ไปภพภูมิดีๆ เรา้เปนคนขี้โมโห ก้พยายามนึกถึงตอนทำบุญแล้วอิ่มเอมเข้าไว้เวลาตระหนักถึงความตาย เพื่อเพิ่มความชื่นใจให้จิต แบบนี้ถูกไหมคะ
บางที เราโมโหไรอยู่ รึคิดจิง
สิ่งที่เราทำอยู่ถือว่าใกล้เคียงกับการเจริญมรณานุสติไหมคะ รึว่าเราควรทำยังไงบ้างให้ดีกว่านี้ แต่เราเริ่มคิดบ่อยๆขึ้นๆ จนมันแย่ที่เรามักจะพูดถึงความตายตลอดเวลาเหมือนเปนเรื่องปรกติ เหมือนไม่กลัวความตายไปแล้ว กับพ่อแม่ก้อจะคิดเสมอว่าเดี๋ยวก็ต้องตายจากกัน ตายแล้วไม่ได้ทุกข์ขนาดนั้นมั้ง ก้ไม่รู้เหมือนกัน แต่สำหรับเราความตายไม่น่ากลัวเเลย กลัวไม่ได้ทำจิตให้ดีก่อนตาย กลัวหมดโอกาสมากกว่า กลัวคิดถึง ถ้าเตรียมใจก้อจะกลัวน้อยลง แต่เหมือนทุกวันนี้ย่ามใจไปรึเปล่าไม่รุ้ ซึ่งเมื่อวันนึงความตายมาถึงจริงๆ อาจเปนตัวเรา คนที่เรารรัก เราก็ไม่รู้ว่าจะเสียใจมากไหม เรากลัวว่าที่เราทำอยู่มันผิด เหมือนพวกไม่เหนโลงศพไม่หลั่งน้ำตารึเปล่า ขนาดลองจินตนาการความตายของพ่อแม่ที่เรารัก เราก้อเฉยๆนิดหน่อย คิดว่าคงเศร้า แต่มันบอกไม่ถูกคือวันนึงเจอเข้าจริงๆเราอาจสุดทนรึเปล่า อาจเปนหนักกว่าคนอื่นไหมเพราะเราผูกพันกับพ่อแม่มากๆ เราเลยมักพูดรึทำไรเผื่อให้พ่อแม่สบายใจหายห่วงพร้อมจากกันไม่ต้องมาห่วงเรา เรียกว่าพูดเกร่นล่วงหน้าแต่เขารำคานว่าเราชอบพูดมากเกิน
คือตอนนี้เรารู้สึกเหมือนเราคิดมากไปจนจิตผิดปรกติรึเปล่า ไม่เหมือนมนุษย์มนาคนอื่น แบบกล้าพูดเรื่องตายง่าย เหมือนกล้าล้อเล่นไม่กลัวมัน พูดกับพ่อแม่บ่อยๆว่าเดี๋ยวก็ตายแล้วจะเอาอะไรกันนักหนา คือบางทีเบื่อเรื่องวุ่นวายก้อตัดจบแบบนิ แต่คนอื่นเขาจะระคายหูกัน แลเราผิดไปไหมที่มีท่าทีไม่ยี่หระขนาดนี คือมันผิดใช่ไหคะ ควรปรับแก้ยังไงดี บับรู้สึกเหมือนใจด้านชาต่อความตายขึ้นมาทุกวันว่ามันไม่น่ากลัว ความหมดโอกาสตะหากที่น่ากลัวค่ะ
พระพุทธเจ้าทรงเล่าว่า เมื่อสัตว์ไปสู่ยมโลก ท่านพระยายมราช ซึ่งเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่มีหน้าที่ให้ความเป็นธรรมแก่สัตว์ที่ตายไปแล้ว ท่านจะสอบสัมภาษณ์ก่อน แล้วจึงพิจารณาผลข้อเขียน (กรรมที่ทำและจารึกไว้ทั้งชีวิต)
//uttayarndham.org/node/6336
พุทธวิธีเจริญมรณานุสสติด้วยความไม่ประมาท - มรณัสสติสูตรที่ ๑ | Buddhology (พุทธวิธีปฏิบัติธรรม)
พุทธวิธีเจริญมรณานุสสติ ด้วยความไม่ประมาท (สัมมาวายามะ-สัมมาสติ) มรณัสสติสูตร ๑ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ ข้อ ๒๙๐ //uttayarndham.org/node/5563ทำอย่างไรจึงปฏิบัติแล้วได้ผลดีจริง | Dhamma Sharing (ธรรมกระจ่าง)
ชั้นที่ ๑ ปฏิบัติทุกขณะในชีวิตประจำวัน ทั้งในการทำงาน ทั้งในการดูแลครอบครัว และดูแลตัวเอง //uttayarndham.org/node/5350มรณัสสติสูตร ๑ | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
มรณัสสติอันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีอมตะเป็นที่สุด //uttayarndham.org/node/5275พุทธวิธีเจริญมรณานุสสติที่ได้ผลมาก | Buddhology (พุทธวิธีปฏิบัติธรรม)
พุทธวิธีเจริญมรณานุสสติ (สัมมาวายามะ - สัมมาสติ) มรณัสสติสูตรที่ ๒ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ ข้อ ๒๙๑ //uttayarndham.org/node/5200มรณัสสติสูตรที่ ๑ | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
มรณัสสติอันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก มีอมตะเป็นที่สุด //uttayarndham.org/node/4805มรณัสสติสูตรที่ ๑ | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
//uttayarndham.org/node/4767สัตว์โลกมืดบอด | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
//uttayarndham.org/node/4712มรณสติเป็นธรรมเพื่อความคลายกำหนัด | Dhamma Daily (ธรรมประจำวัน)
ธรรมอย่างหนึ่งที่บุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ธรรมอย่างหนึ่งคืออะไร คือ มรณสติ //uttayarndham.org/node/4117สิริมัณฑเถรคาถา - ความตาย | Dhamma Daily (ธรรมประจำวัน)
ชรา พยาธิ และมรณะทั้ง ๓ เป็นดุจกองไฟตามไหม้หมู่สัตว์โลกนี้ สัตว์โลกเหล่านั้นไม่มีกำลังต่อต้าน ไม่มีกำลังจะหนีไปได้ ควรทำวันและคืนไม่ให้ไร้ประโยชน์ด้วยมนสิการ น้อยบ้าง มากบ้าง เพราะวันคืนล่วงไปๆ เท่าใด //uttayarndham.org/node/3876มรณัสสติสูตร ๒ | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
//uttayarndham.org/node/3497ธิดาช่างหูกเจริญมรณสติ | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
//uttayarndham.org/node/3455ผู้เจริญมรณสติไม่กลัวตาย | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
, พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน ความตายของเราแน่นอน เราพึง ตายแน่แท้ ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุด ชีวิตของเราไม่เที่ยง ความตายเที่ยง //uttayarndham.org/node/2542เปรียบความตายเหมือนงูลอกคราบ | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
, พระพุทธองค์ตรัสกับกุฎุมพีผู้เศร้าโศกเพราะการตายของภรรยาและบุตรว่า //uttayarndham.org/node/2528มรณัสสติสูตรที่ ๒ | Tripitaka Glory (พระไตรปิฎกเสียง)
, ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาทั้งกลางวันและกลางคืนว่า เหตุแห่งความตายมีมาก คือ จากสัตว์ร้ายทั้งหลาย จากอุบัติเหตุ จากอาหาร หรือจากโรคภัยต่าง ๆ เป็นต้น