พระราชบ ญญ ต การประมง ฉ.เพ มเต ม

สารบัญ หน้า 1 บทท่ี 1 บททั่วไปท่ีเกีย่ วขอ้ งกับพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และทแ่ี กไ้ ขเพิ่มเตมิ 3

ตอนที่ 1.1 ท่มี าและวตั ถปุ ระสงค์ของพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 4 และทแี่ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ 5 เรื่องที่ 1.1.1 ทม่ี าของพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และทแ่ี ก้ไข เพม่ิ เตมิ 7

เรื่องที่ 1.1.2 วัตถปุ ระสงคข์ องพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 8 และท่ีแก้ไขเพิม่ เตมิ 13 ตอนที่ 1.2 บทนิยามของพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไข เพม่ิ เติม 26

เรอ่ื งท่ี 1.2.1 นิยามตามพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และทีแ่ ก้ไข 30 เพิ่มเติม 32 33 เรื่องท่ี 1.2.2 การประมงตามพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 36 และที่แกไ้ ขเพ่มิ เติม 39 48 ตอนท่ี 1.3 การเปรยี บเทียบพระราชบัญญัตกิ ารประมง พ.ศ. 2490 49 กับพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แกไ้ ขเพม่ิ เติม 54 57 บทที่ 2 โครงสรา้ งการประมงไทย 59 ตอนที่ 2.1 ผลผลติ ของการประมงไทย 61 เรื่องท่ี 2.1.1 ผลผลิตจากการทาการประมง 84 เร่อื งท่ี 2.1.2 ผลผลิตจากการเพาะเล้ียงสตั วน์ า้ เรอ่ื งท่ี 2.1.3 ผลผลิตจากการนาเข้า ตอนที่ 2.2 การแปรรปู จากผลผลิตจากการประมงของไทย เร่อื งที่ 2.2.1 การแปรรปู ประเภทสนิ ค้าพ้นื เมือง เร่อื งที่ 2.2.2 การแปรรปู สนิ คา้ เชิงอุตสาหกรรม

บทที่ 3 การจดั การด้านการจับสัตวน์ าของไทย ตอนท่ี 3.1 การจดั การการจบั สตั ว์นา้ จากทะเล เร่ืองท่ี 3.1.1 การจัดการการประมงพ้ืนบา้ น เรื่องที่ 3.1.2 การจดั การการประมงพาณิชย์

สารบญั (ตอ่ ) หนา้

ตอนท่ี 3.2 การจดั การการจับสัตว์น้าจากแหล่งนา้ จดื 98 เรอื่ งที่ 3.2.1 การจัดการการจบั สตั วน์ า้ จากแหล่งนา้ ปดิ 104 เรื่องที่ 3.2.2 การจัดการการจบั สัตวน์ า้ จากแหลง่ น้าเปดิ 106

บทท่ี 4 การจดั การดา้ นการเพาะเลยี งสตั วน์ าของไทย 123 ตอนท่ี 4.1 การจดั การด้านการเพาะเลย้ี งสัตว์น้าชายฝัง่ 128 เร่ืองที่ 4.1.1 การเพาะเลยี้ งกุง้ ทะเล 130 เร่อื งที่ 4.1.2 การเพาะเลย้ี งปลาน้ากรอ่ ย 137 เรอ่ื งท่ี 4.1.3 การเพาะเลย้ี งหอยทะเล 146 ตอนที่ 4.2 การจัดการด้านการเพาะเลยี้ งสตั วน์ า้ จืด 159

บทท่ี 5 การจัดการการนาเข้า - สง่ ออกสินค้าสัตวน์ าของไทย 164 ตอนท่ี 5.1 การจัดการการควบคุมตรวจสอบการนาเขา้ 168 ตอนท่ี 5.2 การจัดการการควบคมุ ตรวจสอบการสง่ ออก 174

บทที่ 6 การจัดการการแปรรปู สนิ คา้ สัตวน์ าของไทย 181

บทที่ 7 การจดั การการตลาดสินคา้ สตั วน์ าของไทย 188 ตอนที่ 7.1 การจดั การการตลาดเพอ่ื การบริโภคภายในประเทศ 190 ตอนท่ี 7.2 การจดั การการตลาดเพ่อื การส่งออก 202

บทท่ี 8 องคก์ รระหวา่ งประเทศที่เกย่ี วขอ้ งกับการประมงไทย 220

บทท่ี 9 บทสรุป 226

สารบัญตาราง หน้า 39 ตารางที่ 2 - 1 การนาเขา้ สนิ ค้าประมงของไทย ปี 2551 - 2561 40 ตารางที่ 2 - 2 สัดสว่ นของมูลค่าการนาเข้าสนิ คา้ ประมงของไทยจากประเทศทีส่ าคัญ 41 ปี 2551 - 2561 ตารางท่ี 2 - 3 ปริมาณและมลู ค่าการนาเข้าสนิ ค้าประมงของไทยจากประเทศที่สาคญั 42 42 ปี 2551 - 2561 43 ตารางที่ 2 - 4 มลู ค่าการนาเข้าสนิ ค้าประมง ปี 2551 - 2561 ตารางท่ี 2 - 5 การนาเข้าทนู า่ สดแชเ่ ย็นแช่แขง็ ของไทย ปี 2551 - 2561 43 ตารางท่ี 2 - 6 สัดส่วนของมลู คา่ การนาเขา้ ทูน่าสดแชเ่ ยน็ แชแ่ ข็งจากประเทศทส่ี าคญั 44 ปี 2551 - 2561 ตารางที่ 2 - 7 ปรมิ าณและมูลค่าการนาเขา้ ทนู า่ สดแชเ่ ยน็ แช่แขง็ ของไทยจากประเทศ 45

ท่สี าคัญ ปี 2551 - 2561 45 ตารางท่ี 2 - 8 การนาเขา้ ปลาสดแชเ่ ย็นแช่แขง็ (รวมตบั และไข)่ ของไทย 46 ปี 2551 - 2561 46 ตารางท่ี 2 - 9 ปรมิ าณและมลู ค่าการนาเขา้ ปลาสดแช่เยน็ แช่แข็งของไทย จาแนกตาม 47 ประเทศท่สี าคญั ปี 2551 - 2561 ตารางท่ี 2 - 10 สดั สว่ นของมลู คา่ การนาเขา้ ปลาสดแช่เย็นแชแ่ ข็ง (รวมตบั และไข)่ 62

จากประเทศทสี่ าคัญ ปี 2550 - 2559 73 ตารางที่ 2 - 11 การนาเข้าหมกึ สดแช่เยน็ แชแ่ ข็งของไทย ปี 2551 - 2561 ตารางท่ี 2 - 12 ปริมาณและมลู ค่าการนาเขา้ หมกึ สดแช่เย็นแชแ่ ข็งของไทย จาแนกตาม 74

ประเทศทสี่ าคัญ ปี 2551 - 2561 ตารางที่ 2 - 13 สัดส่วนของมูลคา่ การนาเข้าหมึกสดแช่เย็นแชแ่ ขง็ จากประเทศท่ีสาคญั

ปี 2551 - 2561 ตารางที่ 3 - 1 ปรมิ าณการจับสตั วนา้ จากการทาประมงพ้นื บานจาแนกตามกลุมสตั วน้า

และแหลงทาการประมง ป 2561 ตารางที่ 3 - 2 สภาพปัญหาของชาวประมงพื้นบา้ นและความตอ้ งการรบั การสนับสนนุ

ดา้ นสังคม ตารางที่ 3 - 3 สภาพปัญหาของชาวประมงพืน้ บ้านและความตอ้ งการรบั การสนับสนุน

ดา้ นศรษฐกิจ

สารบัญตาราง (ต่อ) หนา้ 75 ตารางท่ี 3 - 4 สภาพปญั หาของชาวประมงพน้ื บา้ นและความตอ้ งการรับการสนบั สนุน ด้านการประกอบอาชีพ 87 87 ตารางท่ี 3 - 5 เครอ่ื งมือทาการประมงหลกั ของแตล่ ะกลมุ่ สัตวน์ ้า ตารางที่ 3 - 6 สรปุ ผลการประเมนิ ผลผลติ สงู สุดที่ยัง่ ยนื (MSY) และระดับการลงแรง 93

ประมง ปี 2560 93 ตารางท่ี 3 - 7 จานวนวันทาการประมง (วัน/ป)ี ของเรือทีใ่ ช้เคร่อื งมือทาการ 107

ประมงแต่ละชนดิ ปกี ารประมง 2561 - 2562 111 ตารางท่ี 3 - 8 การกาหนดมาตรฐานเครือ่ งมือทาการประมง 113 ตารางที่ 3 - 9 ข้อมูลลกั ษณะกายภาพของแมน่ ้าลาธารที่มคี วามสาคัญทางการ 114 ประมงน้าจืดของไทย ตารางที่ 3 - 10 การแบ่งลุ่มน้า (สานกั งานทรัพยากรนา้ แหง่ ชาติ, 2561) 115 ตารางที่ 3 - 11 ปริมาณการจบั สัตวน์ า้ จดื จากแหลง่ นา้ ธรรมชาติ จาแนกตาม 118 ชนิดสตั วน์ ้าทีส่ าคัญ ปี 2540 - 2562 131 ตารางที่ 3 - 12 ปริมาณและมูลคา่ สัตว์นา้ จืดท่ีจับไดจ้ ากธรรมชาติ จาแนก 131 133 เปน็ รายภาค ปี 2561 - 2562 ตารางที่ 3 - 13 ปริมาณสตั วน์ า้ จืดท่จี บั ไดจ้ ากธรรมชาติ จาแนกตามประเภท 134

แหลง่ นา้ ปี 2562 138 ตารางที่ 3 - 14 การจาแนกเคร่ืองมอื ประมงน้าจดื ในประเทศไทย ตารางท่ี 4 - 1 จานวนฟาร์มเลยี้ งกุ้งทะเล จาแนกตามแหลง่ เพาะเล้ียง ปี 2551 - 2560 139 ตารางที่ 4 - 2 เนือ้ ท่ีฟารม์ เลีย้ งกงุ้ ทะเล จาแนกตามแหลง่ เพาะเลี้ยง ปี 2551 - 2560 ตารางท่ี 4 - 3 ผลผลติ ของฟาร์มเล้ยี งกุง้ ทะเล จาแนกตามแหล่งเพาะเลีย้ ง

ปี 2551 - 2560 ตารางที่ 4 - 4 มลู ค่าก้งุ จากฟาร์มเลี้ยงก้งุ ทะเล จาแนกตามแหลง่ เพาะเลย้ี ง

ปี 2551 - 2560 ตารางท่ี 4 - 5 จานวนฟารม์ เล้ียงปลานา้ กรอ่ ย จาแนกตามชนิดปลาที่เลีย้ งและประเภท

การเลี้ยง ปี 2551 - 2560 ตารางท่ี 4 - 6 เน้อื ท่เี ลี้ยงปลาน้ากร่อย จาแนกตามชนดิ ปลาท่ีเลย้ี งและประเภท

การเลย้ี ง ปี 2551 - 2560

สารบัญตาราง (ต่อ) หนา้ 140 ตารางที่ 4 - 7 ปริมาณผลผลิตปลาน้ากรอ่ ย จาแนกตามชนิดปลาทีเ่ ลี้ยงและประเภท การเลย้ี ง ปี 2551 - 2560 142

ตารางที่ 4 - 8 มูลคา่ ผลผลติ ปลานา้ กรอ่ ย จาแนกตามชนดิ ปลาทเ่ี ลยี้ งและประเภท 148 การเลย้ี ง ปี 2551 - 2560 149 150 ตารางที่ 4 - 9 จานวนฟาร์มเล้ยี งหอย (เฉพาะทมี่ ผี ลผลติ ) ชนดิ ตา่ ง ๆ ปี 2560 ตารางที่ 4 - 10 เนอื้ ทีเ่ ลี้ยงหอย (เฉพาะท่ีมผี ลผลติ ) ชนดิ ต่าง ๆ ปี 2560 151 ตารางท่ี 4 - 11 ปรมิ าณผลผลิตของหอยท้งั หมดใน ปี 2560 จาแนกเปน็ จากการ 152

เพาะเล้ียงและจากธรรมชาติ 153 ตารางท่ี 4 - 12 ปริมาณผลผลิตของหอยชนดิ ต่าง ๆ ปี 2560 166 ตารางที่ 4 - 13 มลู ค่าของหอยรวมทง้ั หมดในปี 2560 จาแนกเป็นจากการเพาะเล้ยี ง 175 และจากธรรมชาติ ตารางท่ี 4 - 14 มลู ค่าของหอยชนิดต่าง ๆ ปี 2560 ตารางท่ี 5 - 1 ขอ้ มูลปรมิ าณการการนาเข้า จาแนกตามกลุ่มสัตว์น้าตั้งแต่เดือนมกราคม

2558 ถึงเดือนตุลาคม 2563 (ไมร่ วมพ่อแมพ่ นั ธ์ุ ลกู พันธ์ุสัตว์น้า และสัตว์นา้ เล้ียงสวยงาม) ตารางที่ 5 - 2 ขอ้ มลู ปรมิ าณการการสง่ ออก จาแนกตามกลุ่มสตั วน์ ้าต้ังแต่เดือนมกราคม 2558 ถึงเดือนตลุ าคม 2563 (ไมร่ วมพอ่ แม่พันธุ์ ลูกพนั ธส์ุ ัตว์นา้ และสัตว์นา้ เล้ยี งสวยงาม)

สารบญั ภาพ หนา้

ภาพที่ 2 - 1 ผลติ ภณั ฑ์ปลาตากแห้ง 50 ภาพที่ 2 - 2 ผลิตภณั ฑป์ ลารมควัน 51 ภาพท่ี 2 - 3 ผลติ ภัณฑป์ ลารา้ ปลาส้ม 52 ภาพที่ 3 - 1 เครื่องมอื ประเภทคราด 64 ภาพที่ 3 - 2 เครอื่ งมอื ประเภทอวนช้อน อวนยก 64 ภาพท่ี 3 - 3 เครอ่ื งมอื ประเภทอวนครอบ 65 ภาพที่ 3 - 4 เครอ่ื งมอื ประเภทอวนติดตา 65 ภาพที่ 3 - 5 เครื่องมือประเภทอวนรนุ 66 ภาพที่ 3 - 6 เครื่องมือประเภทลอบ 67 ภาพท่ี 3 - 7 เครอ่ื งมือประเภทโปะ๊ น้าตืน้ 68 ภาพท่ี 3 - 8 เครื่องมือประเภทโพงพาง 68 ภาพท่ี 3 - 9 เครื่องมอื ประเภทเบด็ 69 ภาพท่ี 3 - 10 เครื่องมือประเภทเบ็ดเตล็ด 69 ภาพที่ 3 - 11 จานวนชมุ ชนประมงทอ้ งถิ่นด้านการประมงทะเลชายฝงั่ ใน 23 จงั หวัด 72

ชายฝ่งั ทะเล ทั้งฝ่ังอา่ วไทยและทะเลอันดามัน 76 ภาพท่ี 3 - 12 การสง่ เสริมและฟ้นื ฟูระบบนเิ วศทรพั ยากรประมงและแหลง่ ประมง 77 ภาพท่ี 3 - 13 การทาซงั้ เชอื ก 77 ภาพที่ 3 - 14 การทาซง้ั กอ 78 ภาพที่ 3 - 15 การทากระโจมปลา 79 ภาพที่ 3 - 16 การจดั ตงั้ ธนาคารสตั ว์น้าชุมชนเพ่อื เพม่ิ ผลผลติ 80 ภาพที่ 3 - 17 การกาหนดเขตอนุรกั ษส์ ัตวน์ ้าของชมุ ชน 80 ภาพท่ี 3 - 18 การปลอ่ ยพันธ์สุ ตั ว์นา้ 82 ภาพที่ 3 - 19 เปา้ หมายในการสง่ เสรมิ องคก์ รชมุ ชนประมงท้องถ่ิน 85 ภาพท่ี 3 - 20 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการลงแรงประมง (Fishing effort) และผลจับ 88 สตั วน์ า้ (Yield) ภาพที่ 3 - 21 การประเมินผลผลิตสงู สดุ ทย่ี ่ังยนื (MSY) ของสตั ว์น้าหนา้ ดนิ 89

ฝง่ั อ่าวไทย ปี 2560 ภาพท่ี 3 - 22 การประเมินผลผลิตสงู สดุ ทีย่ งั่ ยนื (MSY) ของปลากะตักฝัง่ อา่ วไทย

ปี 2560

สารบัญภาพ (ต่อ) หนา้ 89 ภาพที่ 3 - 23 การประเมินผลผลติ สูงสดุ ทยี่ งั่ ยนื (MSY) ของปลาผวิ น้าฝง่ั อ่าวไทย ปี 2560 90

ภาพที่ 3 - 24 การประเมนิ ผลผลิตสูงสุดที่ย่ังยืน (MSY) ของสตั วน์ า้ หน้าดนิ ฝ่ังทะเล 91 อนั ดามัน ปี 2560 91 ภาพท่ี 3 - 25 การประเมนิ ผลผลติ สงู สดุ ทยี่ ั่งยนื (MSY) ของปลากะตกั ฝง่ั ทะเล อนั ดามัน ปี 2560 129 134 ภาพที่ 3 - 26 การประเมินผลผลติ สูงสุดทีย่ ่งั ยนื (MSY) ของปลาผิวนา้ ฝง่ั ทะเล 134 อันดามัน ปี 2560 135 139 ภาพที่ 4 - 1 ผลผลติ สัตวน์ า้ จากการเพาะเลย้ี งสตั ว์น้าชายฝ่งั ปี 2543 - 2560 ภาพท่ี 4 - 2 บ่อเล้ยี งกงุ้ ทะเล 141 ภาพที่ 4 - 3 การจดั การระหวา่ งการเลย้ี ง ภาพท่ี 4 - 4 การจบั กุง้ ทะเล 142 ภาพที่ 4 - 5 เนื้อทเี่ ล้ยี งปลาน้ากร่อย จาแนกตามชนดิ ปลาและประเภทการเลย้ี ง 143 ปี 2560 143 ภาพท่ี 4 - 6 ปรมิ าณผลผลิตปลานา้ กร่อย จาแนกตามชนิดปลาและประเภทการเลย้ี ง 146 147 ปี 2560 148 ภาพท่ี 4 - 7 มลู ค่าการเลย้ี งปลาน้ากรอ่ ย จาแนกตามชนดิ ปลาและประเภทการเลย้ี ง 149 150 ปี 2560 ภาพที่ 4 - 8 บอ่ เลย้ี งปลากะพงขาว 151 ภาพที่ 4 - 9 การจบั และการคดั ขนาดปลากะพงขาว 152 ภาพท่ี 4 - 10 ผลผลติ หอยทะเลจากการเพาะเลี้ยง ปี 2546 - 2560 ภาพที่ 4 - 11 จานวนฟารม์ และเนื้อที่ (เฉพาะทม่ี ผี ลผลิต) ปี 2551 - 2560 ภาพท่ี 4 - 12 จานวนฟารม์ เลย้ี งหอย (เฉพาะท่มี ีผลผลติ ) ชนิดต่าง ๆ ปี 2560 ภาพที่ 4 - 13 เนื้อท่เี ลี้ยงหอย (เฉพาะทม่ี ผี ลผลติ ) ชนดิ ต่าง ๆ ปี 2560 ภาพที่ 4 - 14 ปรมิ าณผลผลติ ของหอยท้ังหมดในปี 2560 จาแนกเป็นจากการเพาะเล้ยี ง

และจากธรรมชาติ ภาพที่ 4 - 15 ปรมิ าณผลผลิตของหอยชนิดตา่ ง ๆ ปี 2560 ภาพที่ 4 - 16 มูลคา่ ของหอยรวมทง้ั หมดในปี 2560 จาแนกเปน็ จากการเพาะเล้ียง

และจากธรรมชาติ

สารบัญภาพ (ตอ่ ) หนา้ 153 ภาพที่ 4 - 17 มลู ค่าของหอยชนิดต่าง ๆ ปี 2560 156 ภาพที่ 4 - 18 พน้ื ทแ่ี ปลงเลี้ยงหอยแมลงภู่แบบปักหลกั ไม้ 156 ภาพท่ี 4 - 19 พื้นทแ่ี ปลงเลีย้ งหอยแครง 157 ภาพที่ 4 - 20 พ้นื ที่แปลงเล้ยี งหอยนางรม 158 ภาพที่ 4 - 21 การตรวจสอบ บนั ทึกท่มี าของหอยทน่ี าขึ้นจากเรือมาส่งทีส่ ะพานปลา 167 ภาพที่ 5 - 1 สดั ส่วนปรมิ าณการนาเข้าจาแนกชนิดตามกลุ่มสตั ว์นา้ 173 ภาพที่ 5 - 2 กระบวนการอนญุ าตและตรวจสอบการนาเข้าสตั วน์ ้าและผลติ ภณั ฑส์ ัตว์น้า 175 ภาพท่ี 5 - 3 สดั สว่ นปรมิ าณการสง่ ออกจาแนกชนิดตามกลมุ่ สตั วน์ ้า 179 ภาพที่ 5 - 4 กระบวนการอนุญาตและตรวจสอบการสง่ ออกสัตว์นา้ และผลิตภณั ฑ์ 192 สตั ว์นา้ ภาพที่ 7 - 1 ห่วงโซอ่ ุปทานสนิ ค้าสตั วท์ ะเลจากเรือประมงพาณชิ ยส์ าหรับการบรโิ ภค 194

ภายในประเทศ 194 ภาพท่ี 7 - 2 สนิ คา้ สัตว์นา้ ท่นี าขน้ึ ท่ที า่ เทียบเรือ เพื่อจาหนา่ ยผ่านแพปลาดว้ ยวธิ ี 194 197 ตกลงราคา 197 ภาพที่ 7 - 3 สนิ ค้าสตั วน์ า้ ท่นี าขน้ึ ทท่ี า่ เทยี บเรอื เพอื่ จาหน่ายด้วยวิธกี ารประมลู ราคา ภาพที่ 7 - 4 สนิ ค้าสตั วน์ ้าทีจ่ าหนา่ ยตลาดปลาสหกรณป์ ระมงแมก่ ลอง 199 ภาพท่ี 7 - 5 การขนถา่ ยสตั ว์นา้ จากทา่ เทียบเรอื ไปจาหน่ายยังตลาดปลายทาง 200 ภาพที่ 7 - 6 การจาหน่ายสนิ ค้าสัตวน์ ้า ณ ตลาดปลาสหกรณป์ ระมงแม่กลอง 201 203 จังหวัดสมทุ รสงคราม 205 ภาพท่ี 7 - 7 สินคา้ สตั วน์ ้าสดท่ีจับได้จากเครื่องมอื ประมงพ้ืนบ้าน ภาพที่ 7 - 8 ลกั ษณะของสินคา้ สัตวน์ า้ สดพรอ้ มปรงุ และสัตว์นา้ แปรรูป 205 ภาพท่ี 7 - 9 ลกั ษณะการนาสัตวน์ า้ ขนึ้ ท่าของเครื่องมืออวนจมกุง้ และอวนจมปู 207 ภาพท่ี 7 - 10 ปรมิ าณและมลู คา่ การส่งออกสินคา้ ประมงของไทย ปี 2553 - 2562 ภาพท่ี 7 - 11 มูลคา่ การส่งออกสินคา้ ประมงของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตาม 207

ตลาดทีส่ าคัญ) ภาพที่ 7 - 12 ปรมิ าณและมูลคา่ การสง่ ออกกุ้ง ปี 2553 - 2562 ภาพท่ี 7 - 13 ปรมิ าณการส่งออกกุ้งของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตามตลาด

ทส่ี าคัญ) ภาพที่ 7 - 14 มลู ค่าการสง่ ออกกุ้งของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตามตลาดทสี่ าคญั )

สารบญั ภาพ (ต่อ) หน้า 208 ภาพที่ 7 - 15 ปริมาณและมูลค่าการสง่ ออกทนู า่ กระป๋องของไทย ปี 2553 - 2562 209 ภาพที่ 7 - 16 มลู คา่ การสง่ ออกทนู ่ากระป๋องของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตาม 210 ตลาดท่สี าคัญ) 211 ภาพท่ี 7 - 17 ปรมิ าณและมลู คา่ การส่งออกหมึกสดแช่เยน็ แชแ่ ข็ง ปี 2553 - 2562 ภาพที่ 7 - 18 มลู คา่ การสง่ ออกหมกึ สดแชเ่ ย็นแชแ่ ขง็ ปี 2552 - 2562 (แยกตาม 211 213 ตลาดทีส่ าคัญ) ภาพที่ 7 - 19 ปริมาณและมลู ค่าการนาเข้าสนิ ค้าประมงของไทย ปี 2553 - 2562 213 ภาพที่ 7 - 20 ปริมาณการนาเข้าสินคา้ ประมงของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตาม 214 ตลาดทีส่ าคญั ) ภาพที่ 7 - 21 มลู ค่าการนาเข้าสนิ ค้าประมงของไทย ปี 2553 - 2562 (แยกตาม 215

ตลาดทีส่ าคัญ) 215 ภาพท่ี 7 - 22 ปริมาณและมลู ค่าการนาเขา้ ทนู ่าสดแช่เยน็ แชแ่ ข็งของไทย 216 ปี 2553 - 2562 ภาพที่ 7 - 23 มูลค่าการนาเขา้ ทนู า่ สดแช่เย็นแชแ่ ข็งประมงของไทย 217

ปี 2553 - 2562 (แยกตามตลาดท่ีสาคัญ) 217 ภาพท่ี 7 - 24 ปรมิ าณและมูลค่าการนาเขา้ ปลาสดแช่เยน็ แชแ่ ข็งของไทย 218 ปี 2553 - 2562 ภาพท่ี 7 - 25 ปริมาณการนาเข้าปลาสดแชเ่ ย็นแชแ่ ข็งประมงของไทย

ปี 2553 - 2562 (แยกตามตลาดทสี่ าคญั ) ภาพที่ 7 - 26 มลู คา่ การนาเขา้ ปลาสดแชเ่ ย็นแช่แขง็ ประมงของไทย

ปี 2553 - 2562 (แยกตามตลาดทส่ี าคญั ) ภาพที่ 7 - 27 ปรมิ าณและมูลค่าการนาเขา้ หมึกสดแช่เยน็ แชแ่ ข็งของไทย

ปี 2553 - 2562 ภาพท่ี 7 - 28 มูลค่าการนาเขา้ หมกึ สดแชเ่ ย็นแช่แขง็ ประมงของไทย

ปี 2553 - 2562 (แยกตามตลาดทส่ี าคัญ)

1

2

ชอื่ นายนิวัติ สุธมี ีชยั กุล วฒุ ิ วท.บ. (ประมง) มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

พบ.ม. (รฐั ประศาสนศาสตร์) สถาบนั บณั ฑิตพฒั นาบรหิ ารศาสตร์ ตำแหน่ง อดตี อธบิ ดีกรมประมง หนว่ ยท่ีเขียน บทที่ 1

ชอ่ื นายยานยนต์ สราญรมย์ วฒุ ิ วท.บ. สัตวศาสตร์ (ประมง) สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล

วทิ ยาเขตพิษณุโลก น.บ. มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช น.ม. (กฎหมายมหาชน) มหาวทิ ยาลยั ธุรกจิ บัณฑติ ย์ ตำแหนง่ นิติกรชานาญการพิเศษ หนว่ ยทเ่ี ขียน บทที่ 1

3

4

เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการประมง พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ได้ใช้บังคับมา เปน็ เวลานาน บทบญั ญตั ิบางประการไม่เหมาะสมกบั สถานการณ์ในปัจจบุ ันทมี่ ที รัพยากรสัตวน์ าจานวนจากัด ในขณะท่ีเทคโนโลยีด้านการประมงได้พัฒนาไปอย่างมาก และถูกนาไปใช้เป็นเคร่ืองมือทาการประมง ซึ่งส่งผลให้ปริมาณสัตว์นาลดลงอย่างรวดเร็ว จึงสมควรปรับปรุงการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์นา และการประมงของประเทศให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและมาตรฐานสากล รวมทัง ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านการประมง ประกอบกับพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2558 ยังขาดมาตรการในการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังการทาการประมงในเขตน่านนาไทยและนอก น่านนาไทย เพอ่ื ปอ้ งกันมใิ หม้ ีการทาการประมงโดยมิชอบดว้ ยกฎหมาย รวมทังยังขาดการบริหารจัดการ การทาการประมงใหส้ อดคลอ้ งกบั การผลิตสูงสดุ ของธรรมชาติ เพ่ือใหส้ ามารถทาการประมงได้อย่างยั่งยืน และหากไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนอาจมีผลกระทบต่อการประมงของประเทศไทย ดังนันเพ่ือเพ่ิม มาตรการในการควบคุม เผา้ ระวงั สบื ค้น และตรวจสอบการทาประมง เพื่อเปน็ การป้องกัน ยับยัง และขจัด การทาการประมงท่ีไม่ชอบด้วยกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และกาหนดแนวทางในการอนุรักษ์ และบริหารจัดการแหล่งทรัพยากรประมงและสัตว์นาให้สามารถใช้ประโยชน์อย่างย่ังยืน โดยที่การดาเนินการ ดังกล่าวต้องกระทาให้แล้วเสร็จโดยรวดเร็ว เพื่อมิให้กระทบต่อการส่งออกสัตว์นาและผลิตภัณฑ์สัตว์นา ของประเทศไทย ซึง่ เปน็ กรณีฉกุ เฉนิ ที่มีความจาเปน็ เรง่ ด่วน อนั มอิ าจหลกี เลยี่ งไดใ้ นอันท่ีจะรักษาความมนั่ คง ทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงไดม้ กี ารออกพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 ขนึ โดยมีผลบังคับใช้ ตังแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2558 และได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกาหนดการประมง (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2560 ซึ่งพระรำชกำหนดนี้มีบทบัญญัติบำงประกำรเกี่ยวกับกำรจำกัดสิทธิและเสรีภำพของ บุคคล เพอื่ ปอ้ งกันมิใหม้ ีกำรทำกำรประมงโดยไมช่ อบด้วยกฎหมำย เพ่ือประโยชน์ในกำรอนุรักษ์และ บริหำรจัดกำรทรัพยำกรสัตว์น้ำให้อยู่ในภำวะที่เหมำะสม และสำมำรถทำกำรประมงได้อย่ำงย่ังยืน และรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมให้ดำรงอย่ใู นสภำวะทเี่ หมำะสม

5

มาตรา 4 บทบัญญัติแห่งพระราชกาหนดนีมุ่งหมายเพ่ือการจัดระเบียบการประมงในประเทศไทย และในนา่ นนาทว่ั ไป เพอื่ ป้องกนั มใิ หม้ ีการทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพ่ือรักษาทรัพยากรสัตว์นา ให้อยูใ่ นภาวะที่เป็นแหลง่ อาหารของมนษุ ยชาติอย่างยง่ั ยนื และรกั ษาสภาพสง่ิ แวดล้อมให้ดารงอยู่ในสภาพ ท่ีเหมาะสม ตามแนวทาง กฎเกณฑ์ และมาตรฐานท่ีเป็นที่ยอมรับนับถือในนานาประเทศ รวมทังคุ้มครอง สวัสดิภาพของคนประจาเรือ และป้องกันการใช้แรงงานผิดกฎหมายในภาคการประมง ภายใต้วัตถุประสงค์ ดงั ต่อไปนี

(1) เพ่ือให้การบริหารจัดการด้านการประมงและการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์นาเป็นไปตามหลัก ธรรมาภบิ าล มกี ารรวบรวมและจดั เก็บขอ้ มลู อยา่ งครบถ้วนและถูกต้อง

(2) เพื่อปกป้องคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนประมงพืนบ้านและชุมชน ประมงท้องถ่ิน

(3) เป็นการปฏบิ ัติตามพันธกรณรี ะหวา่ งประเทศในส่วนทเี่ กยี่ วกบั การอนุรักษแ์ ละบริหารจัดการ ทรัพยากรสัตว์นา

(4) เพ่ือกาหนดมาตรการในการป้องกัน ยับยัง และขจัดการทาการประมงโดยไม่ชอบด้วย กฎหมาย และการใช้แรงงานผดิ กฎหมายในภาคการประมง

(5) มกี ารใช้หลกั ฐานทางวิทยาศาสตรท์ ี่ดที ส่ี ดุ เพ่ือใหก้ ารบริหารจัดการทรัพยากรสตั ว์นา นาไปสู่ การพัฒนาระบบเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อมที่ยั่งยืน สอดคล้องกับแนวทางการรักษาสมดุลของ ระบบนิเวศ และหลักการป้องกันล่วงหน้าเพ่ือรักษาหรือฟ้ืนฟูทรัพยากรสัตว์นาให้อยู่ในระดับท่ีสามารถ ก่อใหเ้ กดิ ผลิตผลสูงสดุ ของสัตว์นาทีส่ ามารถทาการประมงได้อยา่ งย่ังยนื

(6) เพื่อป้องกันและขจัดการทาการประมงที่เกินศักย์การผลิต และขีดความสามารถในการ ทาการประมงส่วนเกิน ตลอดจนควบคมุ มใิ ห้การทาการประมงมีผลบ่ันทอนความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์นา

6

(7) เพอื่ บังคับใชม้ าตรการตามทก่ี าหนดไวใ้ นพระราชกาหนดนีอย่างเปน็ ระบบ (8) ส่งเสริมความร่วมมือกับรัฐอื่น ภาคเอกชน และองค์การระหว่างประเทศ เพ่ือให้บรรลุ วัตถุประสงคต์ ามท่กี าหนดไวใ้ นพระราชกาหนดนี (9) เพื่อคุ้มครองสวัสดภิ าพในการทางานของแรงงานในภาคการประมง (10) เพ่ือสรา้ งระบบติดตาม ควบคมุ และเฝา้ ระวัง การทาการประมงใหม้ ีประสทิ ธภิ าพ (11) เพื่อให้มีระบบการสืบค้นที่มีประสิทธิภาพและสามารถตรวจสอบที่มาของสัตว์นา หรอื ผลติ ภณั ฑ์สตั วน์ าไดต้ ังแต่การทาการประมงไปจนถงึ ผู้บรโิ ภค (12) กาหนดโทษทางปกครองและโทษทางอาญาให้ได้สัดส่วนและเหมาะสม เพื่อป้องกัน การกระทาความผดิ

77

8

มาตรา 5 กาหนดคาอธิบายความหมายของคานิยามตา่ ง ๆ ไว้ดังนี “สัตว์น้ำ” หมายความว่า สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนาเป็นปกติ สัตว์จาพวกสะเทินนาสะเทินบก

สัตว์ท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณนาท่วมถึง สัตว์ท่ีมีการดารงชีวิตส่วนหนึ่งอยู่ในนา สัตว์ที่มีวงจรชีวิตช่วงหน่ึง ที่อาศัยอยู่ในนาเฉพาะช่วงชีวิตท่ีอาศัยอยู่ในนา รวมทังไข่และนาเชือของสัตว์นา และสาหร่ายทะเล ซาก หรอื สว่ นหนึง่ สว่ นใดของสัตวน์ าเหล่านัน และให้หมายความรวมถึงพันธุ์ไม้นาตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกาหนด และซากหรือส่วนหนึง่ สว่ นใดของพนั ธุ์ไมน้ านันด้วย

“ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ” หมายความว่า ผลิตผลท่ีได้จากการแปรรูปสัตว์นาหรือที่ใช้สัตว์นา เป็นวัตถดุ ิบ

“กำรแปรรูปสัตว์น้ำ” หมายความว่า การกระทาใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนสภาพสัตว์นา สาหรับใช้เพ่ือการอุปโภคหรือบริโภค แต่ไม่รวมถึงการบรรจุหีบห่อสัตว์นาโดยไม่มีการเปล่ียนสภาพของ สัตวน์ า หรอื การเปล่ยี นสภาพสัตว์นาเพ่อื บรกิ ารให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง

“กำรประมง” หมายความวา่ การทาการประมง การเพาะเลยี งสัตวน์ า การดแู ลรักษาสัตวน์ า การแปรรปู สัตว์นา และหมายความรวมถึงการกระทาใด ๆ ท่เี ปน็ การสนบั สนนุ การทาการประมง

“ทำกำรประมง” หมายความวา่ ค้นหา ล่อ จับ ไดม้ า หรือเก็บสตั วน์ า หรอื การกระทาใด ๆ ที่มจี ดุ ม่งุ หมายเพอื่ ล่อ จับ ได้มา หรือเกบ็ สตั วน์ าในทจี่ ับสตั วน์ า

“ที่จับสัตว์น้ำ” หมายความว่า ท่ีที่มีนาขังหรือไหล และหาดทังปวงที่เป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดิน รวมทังป่าไม้และพืนดินที่มีนาท่วมตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรอื ที่ดนิ ของเอกชน รวมทงั ทะเล

“ทะเล” หมายความว่า ทะเลชายฝ่ัง ทะเลนอกชายฝ่ัง ทะเลนอกน่านนาไทย และทะเล ท่ีอยใู่ นเขตของรัฐชายฝั่งอนื่

9

“น่ำนน้ำไทย” หมายความวา่ น่านนาภายใน ทะเลชายฝ่ัง และทะเลนอกชายฝงั่

“น่ำนน้ำภำยใน” หมายความวา่ ที่จบั สัตว์นาภายในราชอาณาจกั รทม่ี ิใช่ทะเล

“ทะเลชำยฝ่ัง” หมายความว่า ทะเลท่ีอยู่ในราชอาณาจักรนับจากแนวชายฝ่ังทะเลออกไป สามไมล์ทะเล เว้นแตใ่ นกรณที ่มี คี วามจาเปน็ เพอื่ ประโยชนใ์ นการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์นา จะออก กฎกระทรวงกาหนดให้เขตทะเลชายฝ่ังในบริเวณใดมีระยะนับจากแนวชายฝ่ังทะเลออกไปน้อยหรือ มากกว่าสามไมล์ทะเลก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งจุดห้าไมล์ทะเลและไม่เกินสิบสองไมล์ทะเล โดยให้มี แผนที่แสดงแนวเขตบรเิ วณที่กาหนดแนบทา้ ยกฎกระทรวงด้วย

“แนวชำยฝ่ังทะเล” หมายความว่า แนวที่นาทะเลจรดแผ่นดินบริเวณชายฝ่ัง หรือชายเกาะ ตามที่ระบุในแผนที่เดินเรือของกรมอุทกศาสตร์ว่ามีความลึกนาศูนย์เมตร หรือแนวขอบนอกของพืนที่ที่มี การถมทะเล

“ทะเลนอกชำยฝั่ง” หมายความว่า ทะเลที่อยู่ในราชอาณาจักรที่อยู่พ้นจากทะเลชายฝั่ง จนสุดเขตเศรษฐกจิ จาเพาะตามประกาศเขตเศรษฐกิจจาเพาะของราชอาณาจักรไทย หรือสุดเขตไหล่ทวีป ท่ีเป็นสิทธิอธปิ ไตยของราชอาณาจกั รไทยตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ สุดแตเ่ ขตใดจะไกลกวา่

“ทะเลนอกน่ำนน้ำไทย” หมายความว่า ทะเลหลวงท่ีอยู่พ้นจากทะเลนอกชายฝ่ัง และ หมายความรวมถึงทะเลที่อยู่ในเขตของรัฐชายฝัง่

“ทะเลท่ีอยู่ในเขตของรัฐชำยฝ่ัง” หมายความว่า ทะเลที่อยู่ในเขตอานาจของรัฐชายฝั่ง หรอื ทีร่ ฐั ชายฝ่งั มสี ิทธหิ าประโยชน์ไดต้ ามกฎหมายระหวา่ งประเทศ

“รฐั ชำยฝงั่ ” หมายความวา่ ประเทศทม่ี ีอาณาเขตจรดนาทะเลแตไ่ ม่รวมถงึ ประเทศไทย

“ประมงนำ้ จดื ” หมายความว่า การทาการประมงในทจ่ี ับสัตวน์ าที่อยใู่ นน่านนาภายใน

“ประมงพื้นบำ้ น” หมายความวา่ การทาการประมงในเขตทะเลชายฝ่ัง ไมว่ ่าจะใชเ้ รอื ประมง หรอื ใช้เคร่ืองมอื โดยไมใ่ ชเ้ รอื ประมง ทงั นี ทมี่ ิใช่เป็นประมงพาณิชย์

“ประมงพำณิชย์” หมายความว่า การทาการประมงโดยใช้เรือประมงที่มีขนาดตังแต่ สิบตันกรอสขึนไป หรือท่ีใช้เคร่ืองยนต์มีกาลังแรงม้าถึงขนาดท่ีรัฐมนตรีประกาศกาหนด หรือใช้เรือประมง โดยมีหรือใช้เครื่องมือทาการประมงตามประเภท วิธี จานวนแรงงานท่ีใช้หรือลักษณะการทาการประมง ตามที่รัฐมนตรีประกาศกาหนด และให้หมายความรวมถึงการใช้เรือประมงดังกล่าว ทาการแปรรูปสัตว์นา ไมว่ ่าจะมีการทาการประมงดว้ ยหรอื ไมก่ ็ตาม

10

“กำรเพำะเลีย้ งสัตวน์ ำ้ ” หมายความว่า การเลียงสัตว์นาหรือการเพาะพันธ์ุสัตว์นา ทังโดยวิธี ธรรมชาติ วธิ ีผสมเทียม หรือวิธีอ่ืนใดในที่เพาะเลียงสัตว์นา ทังนี ไม่ว่าจะเป็นการกระทาในช่วงใดของวงจร ชีวิตสตั ว์นานัน

“ท่ีเพำะเลี้ยงสัตว์น้ำ” หมายความว่า บ่อ คอก กระชัง หรือที่ท่ีใช้เพาะเลียงสัตว์นาลักษณะ อื่นใด ไม่ว่าจะอยู่ในท่ีดินของเอกชน หรือในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน หรือในที่จับสัตว์นาใด ๆ ท่ีผู้ขุด ผูส้ ร้าง ผ้จู ัดทา เจา้ ของ หรือผคู้ รอบครองมีความมงุ่ หมายโดยตรงทีจ่ ะใช้ทาการเพาะเลียงสัตว์นา

“กำรดแู ลรกั ษำสัตว์น้ำ” หมายความวา่ การดูแลรกั ษาคุณภาพสัตว์นาหลังการจับ ก่อนถึง กระบวนการการแปรรูปสตั วน์ า

“เครือ่ งมอื ทำกำรประมง” หมายความว่า เคร่ืองกลไก เคร่ืองใช้เคร่ืองอุปกรณ์ ส่วนประกอบ อาวุธ เสา และหลักท่ใี ช้ทาการประมง

“เรือประมง” หมายความว่า ยานพาหนะทางนาทุกขนาดท่ีใช้หรือเจตนาจะใช้เพ่ือแสวงหา ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์นาในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงยานพาหนะทางนาที่ใช้สนับสนุน เรือท่ใี ช้ทาการประมง ขนถา่ ยสัตว์นา หรอื แปรรปู สตั วน์ า

“เรือขนถ่ำยสัตว์น้ำ” หมายความว่า เรือประมงที่ใช้ทาการขนถ่ายสัตว์นาขนส่งสัตว์นา แปรรูปสัตว์นา หรือเก็บรักษาสัตว์นาเป็นการเฉพาะ

“เรือประมงไทย” หมายความว่า เรือประมงที่จดทะเบียนเป็นเรือไทยตามกฎหมาย ว่าด้วยเรอื ไทย

“จุดอำ้ งองิ ” หมายความวา่ ปริมาณเปรียบเทียบระหว่างขีดความสามารถในการทาการประมง และขีดความสามารถของผลผลิตสัตว์นาท่ีธรรมชาติจะสร้างขึนได้ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่พิจารณาจากปริมาณสัตว์นา ขนาด อัตราการเกิดและการตาย และช่วงชีวิตของสัตว์นา เพื่อนามาใช้ กาหนดจานวนสูงสุดทีพ่ งึ ทาการประมงไดอ้ ย่างย่ังยืน

“กำรทำกำรประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมำย” หมายความว่า การทาการประมงโดยฝ่าฝืน กฎหมาย การทาการประมงที่ไม่ไดร้ ายงาน และการทาการประมงโดยไร้กฎเกณฑ์

“กำรทำกำรประมงโดยฝำ่ ฝนื กฎหมำย” หมายความว่า (1) การทาการประมงโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย หรือขัดต่อกฎหมายไทยหรือ

กฎหมายของรฐั ชายฝงั่ (2) การทาการประมงท่ีไม่ปฏิบัติตามมาตรการขององค์การระหว่างประเทศ ที่จัดทาขึน

11

เพือ่ ประโยชน์ในการอนรุ กั ษ์และบรหิ ารจัดการการประมง หรอื ขดั ตอ่ กฎหมายระหว่างประเทศท่ีเกีย่ วข้อง

“กำรทำกำรประมงท่ไี ม่ได้รำยงำน” หมายความว่า (1) การทาการประมงโดยไม่แจ้งหรือรายงาน หรือรายงานไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์

และวธิ กี ารตามกฎหมาย หรอื กฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบยี บทอี่ อกตามกฎหมาย หรอื รายงานเท็จ (2) การทาการประมงในพืนที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การระหว่างประเทศ

โดยไม่แจ้งหรือรายงาน หรือรายงานไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และวิธีการขององค์การระหว่างประเทศนัน หรอื รายงานเทจ็

“กำรทำกำรประมงโดยไรก้ ฎเกณฑ”์ หมายความวา่ (1) การทาการประมงในพืนที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะ

ใช้เรือใด ๆ ไม่ว่าจะมีสัญชาติหรือไร้สัญชาติโดยประการที่มิได้ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนมาตรการเกี่ยวกับ การอนรุ ักษ์และบรหิ ารจดั การการประมงที่องค์การระหว่างประเทศดังกลา่ วจดั ใหม้ ีขึน

(2) การทาการประมงในที่จับสัตว์นาท่ียังไม่มีการกาหนดมาตรการการอนุรักษ์และบริหาร จัดการการประมง โดยการทาการประมงนันไม่สอดคล้องกับพันธะของรัฐในการอนุรักษ์แหล่งทรัพยากร สตั วน์ า ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

“องคก์ ำรระหวำ่ งประเทศ” หมายความว่า องคก์ ารระหวา่ งประเทศที่ประเทศในแต่ละภูมิภาค ร่วมกนั จัดตงั ขึน เพ่อื การอนรุ กั ษแ์ ละบริหารจัดการการประมง

“เรอื ไร้สัญชำติ” หมายความวา่ เรือทไี่ มไ่ ด้จดทะเบยี นตามกฎหมายของประเทศใดประเทศหนง่ึ หรือเรือท่ีมีตังแต่สองสัญชาติขึนไป หรือเรือท่ีเปลี่ยนธงในระหว่างการเดินเรือ แต่ไม่รวมถึงเรือของผู้มี สัญชาตไิ ทยทท่ี าการประมงพนื บ้านหรอื ประมงนาจดื ซง่ึ มขี นาดตามทร่ี ัฐมนตรปี ระกาศกาหนด

“นำยทะเบียนเรอื ” หมายความว่า นายทะเบยี นเรอื ตามกฎหมายว่าด้วยเรอื ไทย

“เจำ้ ของเรอื ” หมายความวา่ ผู้มกี รรมสิทธ์หิ รอื สทิ ธคิ รอบครองในเรือประมง

“ผคู้ วบคมุ เรือ” หมายความวา่ ผ้มู หี นา้ ท่บี งั คบั เรอื และรับผิดชอบในเรือประมง

“คนประจำเรือ” หมายความว่า ลกู เรือหรือคนท่ีมีหนา้ ท่ีประจาอย่ใู นเรือประมง แต่ไมร่ วมถงึ ผูค้ วบคมุ เรอื

“โรงงำน” หมายความว่า อาคาร สถานท่ี หรือยานพาหนะที่ใช้เคร่ืองจักรมีกาลังรวม ตังแต่ห้าแรงม้าหรอื กาลงั เทียบเท่าตังแตห่ า้ แรงมา้ ขึนไป หรือใช้คนงานตังแต่เจ็ดคนขึนไปโดยใช้เคร่ืองจักร หรือไม่ก็ตาม สาหรับบรรจุแปรรูป เก็บรักษาสัตว์นา หรือนาสัตว์นาท่ีแปรรูปแล้วหรือที่ยังมิได้แปรรูป

12

มาบรรจุหีบห่อ แต่ไม่รวมถึงเรือประมง เรือบรรทุกสินค้า และกิจการแพปลาตามกฎหมายว่าด้วยการจัด ระเบียบกจิ การแพปลา

“นำเขำ้ ” หมายความวา่ นาหรือส่งเข้ามาในราชอาณาจักร “สง่ ออก” หมายความว่า นาหรอื สง่ ออกไปนอกราชอาณาจักร “นำผ่ำน” หมายความวา่ นาหรอื ส่งผ่านราชอาณาจกั ร “ท่ำเทียบเรือประมง” หมายความว่า สถานท่ีท่ีจัดขึนสาหรับใช้จอดหรือเทียบเรือประมง ขนถ่ายสัตว์นา หรือใช้ในการนาสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นาขึนจากเรือประมง ทังนีไม่ว่าจะอยู่บนบก หรือในนา “กิจกำรแพปลำ” หมายความว่า กิจการแพปลาท่ีได้รับใบอนุญาต หรือสะพานปลาท่ีได้มีการ ประกาศใหเ้ ปน็ ที่ประกอบกจิ การแพปลาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยกิจการแพปลา “กำรขนถ่ำยสัตว์น้ำ” หมายความว่า การนาสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นาทังหมด หรือ บางส่วนจากเรอื ประมงไปยงั ยานพาหนะอื่น “ผู้สังเกตกำรณ์” หมายความว่า ผู้ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ และมีความเป็นอิสระในการ ปฏิบตั ิหน้าทบ่ี นเรือประมง “ผู้รับอนุญำต” หมายความว่า ผู้ซ่ึงได้รับใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตให้กระทาการ อยา่ งใดอย่างหนง่ึ ตามพระราชกาหนดนี “พนักงำนเจ้ำหนำ้ ท่ี” หมายความวา่ ผซู้ ึ่งรฐั มนตรีแตง่ ตังให้ปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชกาหนดนี “คณะกรรมกำร” หมายความวา่ คณะกรรมการนโยบายการประมงแหง่ ชาติ “อธบิ ดี” หมายความวา่ อธิบดกี รมประมง “รัฐมนตรี” หมายความว่า รฐั มนตรผี ู้รักษาการตามพระราชกาหนดนี

13

พระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และทแ่ี ก้ไขเพ่มิ เตมิ มีมาตรการในการควบคุมและกากับ การทาการประมง โดยแยกออกเป็นการทาการประมงในน่านนาไทย การทาการประมงนอกน่านนาไทย และการเพาะเลียงสัตว์นา เพื่อควบคุมและกากับการทาการประมงและการเพาะเลียงสัตว์นาให้มีความ เหมาะสมกบั ทรพั ยากรสตั วน์ าในแตล่ ะพนื ที่ ดงั ต่อไปนี

1. กำรทำกำรประมงในน่ำนน้ำไทย หมวด 3 การทาการประมงในน่านนาไทย มีวัตถุประสงค์เพอ่ื บริหารจดั การ ควบคุม และกากับ

ดูแลการทาการประมง และแก้ไขปัญหาประโยชน์ขัดแย้งระหว่างประมงพืนบ้านและประมงพาณิชย์ โดยการ ใช้อานาจหน้าท่ีของผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้คานึงถึงขีดความสามารถในการผลิตของธรรมชาติโดยใช้วิธีการ ทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาจุดอ้างอิง เพื่อให้สามารถทาการประมงได้อย่างยั่งยืนและประชาชนมีแหล่งอาหาร ได้ตามสมควร โดยได้มกี ารแบ่งการทาการประมงในน่านนาไทยออกเป็น 3 ประเภท คือ

1.1 ประมงน้ำจดื ได้แก่ การทาการประมงในท่ีจบั สตั ว์นาทอ่ี ยู่ในน่านนาภายใน 1.2 ประมงพน้ื บ้ำน ได้แก่ การทาการประมงในเขตทะเลชายฝ่ัง ไม่ว่าจะใช้เรือประมงหรือ ใชเ้ ครือ่ งมอื โดยไม่ใชเ้ รอื ประมง 1.3 ประมงพำณิชย์ ได้แก่ การทาการประมงโดยใช้เรือประมงที่มีขนาดตังแต่ 10 ตันกรอสขึนไป หรือเรือประมงท่ีใช้เคร่ืองยนต์มีกาลังแรงม้าถึงขนาดที่รัฐมนตรีประกาศกาหนด (ตันกรอส หมายถึง นาหนัก ของเรือ โดย 1 ตันกรอส เท่ากับ 2.83 ลูกบาศก์เมตร หรือ 100 ลูกบาศก์ฟุต จากความรู้เรื่องท่าเรือ และเรอื กรมเจา้ ท่า)

และไดก้ าหนดมาตรการควบคุมการทาการประมงในแต่ละประเภท ทังการควบคุมเรือประมง และการใชเ้ ครอ่ื งมอื ทาการประมง โดยกาหนดให้ผู้ที่จะทาการประมงในแต่ละประเภทต้องได้รับใบอนุญาตและ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกาหนดไว้ โดยห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตทาการประมงนอกเขตพืนท่ี

14

ท่ีได้รับอนุญาต และกาหนดมาตรการการควบคุมเพ่ือให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการทาการประมง แต่ละประเภท โดยคานึงถึงขีดความสามารถในการผลิตของธรรมชาติ เพื่อให้สามารถทาการประมงได้อย่าง ยัง่ ยืน และประชาชนมแี หล่งอาหารได้ตามสมควร ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณผลิตผล สงู สุดของสัตว์นามไี มเ่ พยี งพอกบั การทาการประมงอยา่ งยงั่ ยืน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีอานาจประกาศให้งดการออกใบอนุญาตทาการประมงไว้เป็นการช่ัวคราวหรือกาหนดมาตรการอื่น เพ่ือลด ปริมาณการจับสัตว์นา และในกรณีจาเป็นจะเสนอคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติให้กาหนดมาตรการ จากัดจานวนเรือประมง และดาเนินการกับเรือประมงส่วนที่เกินได้ นอกจากนี พระราชกาหนดนีได้กาหนด มาตรการเก่ยี วกบั ความปลอดภยั สุขอนามัย และสวสั ดภิ าพในการทางานของคนประจาเรอื ไว้ด้วย

2. กำรทำกำรประมงนอกน่ำนน้ำไทย หมวด 4 การทาการประมงนอกน่านนาไทย ในหมวดนีมีวัตถุประสงค์เพื่อกาหนดมาตรการ

ในการอนุรักษแ์ ละบริหารจัดการ แหลง่ ทรพั ยากรสัตว์นาให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ และส่งเสริม ความร่วมมือกับรัฐอ่ืน ภาคเอกชน และองค์กรต่างประเทศ สาหรับมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การกาหนด ให้ผู้ท่ีจะใช้เรือประมงไทยเพ่ือทาการประมงในเขตทะเลนอกน่านนาไทย ต้องได้รับในอนุญาตทาการประมง นอกน่านนาไทย ซ่ึงใบอนุญาตนีจะออกได้ต่อเมื่อผู้ย่ืนคาขอรับใบอนุญาตแสดงหลักฐานว่าตนเป็นผู้มีสิทธิ์ในการ ทาการประมงในน่านนาของรัฐชายฝัง่ และมีหลกั ฐานเปน็ ทป่ี ระจักษ์ว่าตนอยู่ในสถานะท่ีจะปฏิบัติตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ และมาตรการของรัฐชายฝง่ั หรือองค์การระหวา่ งประเทศได้ การกาหนดให้ผู้ท่ีได้รับใบอนุญาต ต้องมีผ้สู ังเกตการณ์ประจาอย่ใู นเรอื ประมง เพอ่ื สงั เกตการณแ์ ละบันทึกขอ้ มลู ทีเ่ กี่ยวข้องกับการทาการประมง การกาหนดใหผ้ ไู้ ด้รับใบอนุญาตทาการประมงนอกน่านนาไทยตอ้ งปฏิบัติตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ และมาตรการ การอนุรกั ษ์และบริหารจัดการการประมงของรัฐชายฝั่ง หรือองค์การระหว่างประเทศด้วยการห้ามผู้ได้รับใบอนุญาต ทาการประมงนอกนา่ นนาไทยทาการประมงในเขตน่านนาไทย เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตให้ทาการประมงพาณิชย์ เพื่อบริหารจัดการทาการประมงให้สอดคล้องกับทรัพยากรสัตว์นาในแต่ละพืนท่ี นอกจากนี ได้มีการกาหนด มาตรการคุ้มครองบุคคลท่ีอยู่บนเรือประมง โดยกาหนดให้เจ้าของเรือประมงไทยหรือเรือประมงท่ีมิใช่ เรือประมงไทย แต่ใช้ผู้ควบคุมเรือหรือคนประจาเรือหรือมีผู้โดยสารเป็นผู้มีสัญชาติไทย ที่ได้ทาการประมง ละเมิดกฎหมายของรัฐต่างประเทศ เป็นเหตุให้ผู้ควบคุมเรือ คนประจาเรือ หรือผู้โดยสาร ซึ่งไปกับ เรือประมงต้องตกค้างอยู่ในต่างประเทศ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าใช้จ่ายที่รัฐได้จ่ายไปในการนาบุคคล ดงั กลา่ วกลบั ประเทศ

3. มำตรกำรทำงอนรุ กั ษแ์ ละบรหิ ำรจัดกำร หมวด 5 มาตรการอนุรักษ์และบริหารจัดการ ในหมวดนีมีวัตถุประสงค์เพ่ือการอนุรักษ์

และบริหารจัดการ ให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติและรักษาทรัพยากรสัตว์นาและระบบนิเวศไว้อย่าง ยัง่ ยนื ตามหลักการปอ้ งกันล่วงหนา้ (Precautionary principle) สาหรับมาตรการดงั กล่าว ได้แก่

3.1 การกาหนดเขตพืนทร่ี กั ษาพนั ธสุ์ ตั วน์ าและกาหนดห้ามจับสัตว์นาในเขตพนื ทีด่ ังกล่าว

15

3.2 การหา้ มจับสตั วน์ าหรอื นาสตั วท์ ่มี ีขนาดเล็กกว่าท่รี ัฐมนตรปี ระกาศกาหนดขนึ เรอื ประมง 3.3 การห้ามกระทาการใด ๆ ในท่ีจับสัตว์นาที่อาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรสัตว์นา ได้แก่ การปลอ่ ย เท ทงิ ระบาย หรือทาให้วัตถอุ นั ตรายลงส่ทู ่จี บั สัตว์นา หรือกระทาการใด ๆ อันทาให้สัตว์นา ในทีจ่ ับสัตว์นามึนเมา หรือปล่อย เท ทิง ระบาย หรือทาให้สิ่งใดลงสู่ท่ีจับสัตว์นาในลักษณะที่เป็นอันตราย แก่สตั ว์นา หรือทาให้สัตว์นาเกดิ มลพษิ 3.4 การกาหนดให้ผู้ทาให้ท่ีจับสัตว์นาเกิดมลพิษในลักษณะท่ีน่าจะเป็นอันตรายแก่สัตว์นา ต้องรับผิดในค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือหรือป้องกันชีวิตสัตว์นา และทาให้ที่จับสัตว์นาฟื้นฟูกลับสู่สภาพ ตามธรรมชาติ 3.5 การห้ามใช้กระแสไฟฟ้าในการทาการประมงหรือใช้วัตถุระเบิดในท่จี ับสัตวน์ า 3.6 การห้ามครอบครองสัตว์นาเพื่อการค้าโดยรู้ว่าเป็นสัตว์นาท่ีได้มาจากการกระทาความผิด ตาม (3.3) และ (3.5) หรือได้จากเรือประมงประมงที่ถูกประกาศรายช่ือว่าเป็นเรือที่ถูกใช้ทาการประมง โดยไมช่ อบด้วยกฎหมาย หรือไดม้ าจากการทาการประมงโดยฝ่าฝนื กฎหมายอยา่ งร้ายแรง 3.7 การห้ามแก้ไข เปลี่ยนแปลง ท่ีจับสัตว์นาท่ีเนินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ให้ผิดไปจาก สภาพท่เี ปน็ อยู่ 3.8 การหา้ มตดิ ตัง วาง หรือสร้างเขอ่ื น ฝาย ทานบ รวั สงิ่ ปลูกสรา้ ง เคร่ืองมือท่ีเป็นตาข่าย หรอื เครือ่ งมอื ทาการประมงอื่น ๆ กนั ทางเดินของสตั วน์ าในทจี่ ับสัตว์นา 3.9 การห้ามครอบครองสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นาท่ีอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ หรือต่อสัตว์นาอื่น ส่ิงแวดล้อมของสัตว์นา ทรัพย์สินของบุคคลหรือสาธารณสมบัติ หรือเป็นผลิตภัณฑ์ สตั วน์ าท่อี าจกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายตอ่ สขุ ภาพของมนุษย์ 3.10 การห้ามการนาเข้า ส่งออก นาผ่าน เพาะเลียง หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์นาบางชนิด เพ่ือประโยชนใ์ นการคมุ้ ครองพันธ์ุสตั ว์นาทหี่ ายาก หรือปอ้ งกนั อนั ตรายจากโรคระบาด 3.11 การห้ามจับสัตว์นาชนิดท่ีเลียงลูกด้วยนม สัตว์นาท่ีหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ หรือห้ามนา สัตว์นาดังกลา่ วขนึ เรือประมง 3.12 การห้ามใช้เครือ่ งมือทาการประมงที่เป็นการทาลายพันธสุ์ ตั ว์นาอย่างรา้ ยแรง 3.13 การห้ามทาการประมงในระยะเวลาที่เป็นฤดูสัตว์นามีไข่และวางไข่ เลียงตัวอ่อน หรือระยะ เวลาอนื่ ใดท่ีจาเป็นตอ่ การคมุ้ ครองสัตวน์ า 3.14 การกาหนดให้รัฐมนตรีหรือคณะกรรมการประมงประจาจังหวัดมีอานาจออกประกาศ กาหนดเคร่อื งมือทาการประมง วิธกี าร หรือเง่อื นไขอนื่ ทีห่ ้ามใช้ในการทาการประมงในทจี่ บั สตั ว์นา ขอ้ กาหนด ที่ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับสัตว์นาที่จับได้โดยบังเอิญ และพืนที่ท่ีจะให้ใช้เคร่ืองมือทาการประมงที่ต้องใช้วิธีลงหลัก ปัก ผกู ขงึ รัง ถว่ ง หรอื วธิ ีอืน่ ใดอนั ทาใหเ้ ครื่องมือนันอยกู่ ับทใ่ี นเวลาทาการประมง

16

4. กำรสง่ เสริมกำรเพำะเลยี้ งสตั ว์นำ้ หมวด 6 การส่งเสรมิ การเพาะเลยี งสตั ว์นา ในหมวดนีมีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมการเพาะเลียง

สตั วน์ าให้เปน็ แหลง่ ผลผลติ ของสัตวน์ าอีกทางเลือกหนง่ึ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการ ทรพั ยากรสตั ว์นาให้เกิดความย่ังยนื คานึงถึงปัจจยั ทางเศรษฐกิจ สังคม และสง่ิ แวดลอ้ มในระยะยาว และการ รักษาความสมดลุ ในระบบนเิ วศ รวมทงั สร้างความมน่ั ใจ ในการบรโิ ภคสัตวน์ าท่ีได้จากการเพาะเลียงทังในด้าน คุณภาพและสุขอนามัยที่ได้มาตรฐาน โดยกาหนดให้ผู้เพาะเลียงสัตว์นาต้องดาเนินการให้ถูกต้องตาม มาตรฐานสินค้าเกษตรท่ีคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานสินค้าเกษตร ประกาศกาหนด และกาหนดให้กรมประมงมีหน้าท่ีส่งเสริม พัฒนา และแนะนาการเพาะเลียงสัตว์นา ให้ถูกต้องตามมาตรฐาน และมิให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและความสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์นาและออก หนังสือรับรองความชอบด้วยมาตรฐานของการเพาะเลียงสัตว์นาที่ให้แก่ผู้เพาะเลียงสัตว์นาเมื่อได้รับ การรอ้ งขอ และในกรณที มี่ คี วามจาเปน็ ในการกากบั ดูแลการเพาะเลียงสตั วน์ าให้มีคุณภาพ ป้องกันผลกระทบ ต่อส่ิงแวดล้อมหรืออันตรายต่อผู้บริโภคได้กาหนดให้สามารถออกกฎกระทรวงกาหนดชนิด หรือลักษณะ ของสัตว์นา หรือวัตถุประสงค์ของกิจการเพาะเลียงสัตว์นาให้เป็นกิจการการเพาะเลียงสัตว์นาควบคุม และกาหนดมาตรการในการควบคุมกิจการการเพาะเลียงสัตว์นาควบคุม และห้ามการเพาะเลียงสัตว์นา ในที่จบั สตั ว์นาซงึ่ เป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ เว้นแตจ่ ะไดร้ บั ใบอนุญาต

5. กำรควบคุม เฝ้ำระวัง สืบคน้ และตรวจสอบกำรทำกำรประมง หมวด 7 การควบคมุ เฝ้าระวงั สบื คน้ และตรวจสอบ ในหมวดนีมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง

ระบบการควบคุม เฝ้าระวัง และตรวจสอบการทาการประมงให้มีประสิทธิภาพ และสร้างระบบการสืบค้น ทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ สามารถตรวจสอบแหลง่ ที่มาของสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นาได้ตังแต่การทาการประมง ไปจนถึงผู้บริโภครายสุดท้าย ซ่ึงเป็นการกาหนดมาตรการเพ่ิมเติมขึนนอกเหนือจากการควบคุมโดยการใช้ ระบบใบอนญุ าต ตามหมวด 3 และหมวด 4 การควบคุมการใชเ้ คร่อื งมือและวิธีการทาการประมงที่เป็น อันตรายหรอื ทาลายพันธ์สุ ัตว์นา หรอื มาตรการอนรุ ักษ์และบริหารจัดการอน่ื ตามหมวด 4 และการตรวจสอบ ของเจ้าหนา้ ท่ีในหมวด 9 สรุปไดด้ ังต่อไปนี

5.1 มำตรกำรในกำรควบคุมและเฝำ้ ระวงั 5.1.1 กาหนดการควบคุมเรือประมง โดยผู้ท่ีจะนาเรือประมงพาณิชย์ท่ีมีขนาดตามที่

รฐั มนตรีประกาศกาหนดออกไปทาการประมงต้องดาเนินการ

  1. ติดตังระบบติดตามเรือประมง (Vessel Monitoring System : VMS) และดูแล

รักษาให้ระบบดงั กล่าวสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา

  1. จัดทาสมุดบันทึกการทาการประมง (Logbook) ซ่ึงอย่างน้อยต้องมีรายละเอียด

เกย่ี วกับประเภทและปริมาณของสัตว์นาที่จับได้ จุดจอดเรือ การขนถ่าย การขาย หรือการเททิงสัตว์นา

17

และต้องส่งรายงานดังกล่าวให้กรมประมงทราบ ตามระยะเวลาและวิธีการที่อธิบดีกรมประมงประกาศกาหนด

  1. แจ้งการเข้าออกทา่ เทียบเรือประมงทุกครงั ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า - ออก

ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมประมงประกาศกาหนด และในกรณีเข้าเทียบท่าเพ่ือนาสัตว์นาหรือ ผลิตภัณฑ์สัตว์นาขึนท่าเทียบเรือประมง ต้องส่งมอบสาเนาบันทึกการทาการประมงและเอกสารหลักฐานอื่น ตามที่อธบิ ดกี รมประมงกาหนด เพื่อใชเ้ ป็นเอกสารประกอบการตรวจสอบและสืบค้น

  1. จัดทาเครื่องหมายประจาเรือประมงตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมประมง ประกาศกาหนด
  1. กลับเขา้ ท่าเทยี บเรอื ประมงตามหลักเกณฑแ์ ละระยะเวลาท่กี าหนด
  2. ก่อนท่ีจะนาเรือประมงออกจากท่าเทียบเรือประมง เจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือ ต้องนาเอกสารเกี่ยวกับทะเบียนเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ ใบอนุญาตให้ทาการประมง จานวน รายชื่อ และ หนังสือคนประจาเรือ หรือหลักฐานการอนุญาตของคนประจาเรือที่จะออกไปพร้อมกับเรือประมง พร้อมทัง หลกั ฐานเกยี่ วกับการจดั ระบบ ความปลอดภัย สุขอนามัย และสวัสดิภาพในการทางานของคนประจาเรือ ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือออกเพื่อตรวจสอบ ความชอบด้วยกฎหมายก่อนที่จะนาเรอื ออกไปทาการประมง 5.1.2 กาหนดหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองสวัสดิภาพของคนประจาเรือประมง เพ่ือแก้ไข ปัญหาการใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ในเรือประมง โดยกาหนดให้คนประจาเรือต้องมีหนังสือคนประจาเรือ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการเดินเรอื ในน่านนาไทย และในกรณีคนประจาเรือไม่มีสัญชาติไทยต้องได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และต้องได้รับใบอนุญาตให้ทางานตามกฎหมาย ว่าด้วยการทางานของคนต่างด้าว และเพ่ือประโยชน์ในการอานวยความสะดวกในการดาเนินการดังกล่าว ได้กาหนดให้อธิบดีกรมประมงมีอานาจเช่นเดียวกับ 1) กรมเจ้าท่า ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือ ในน่านนาไทย ในการออกหนังสือคนประจาเรือ 2) ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วย คนเข้าเมืองในการอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ประสงค์จะทางานในเรือประมงอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวได้ และ 3) นายทะเบียน ตามกฎหมายว่าด้วยการทางานของคนต่างด้าว ใบการอนุญาตให้ คนต่างด้าวทางานในเรือประมงท่ีจะออกไปทาการประมงในทะเล โดยใบอนุญาตให้ใช้เฉพาะกับการทางาน ในเรือประมงที่ระบุไว้ในหลักฐานการอนุญาตและในบริเวณท่าเทียบเรือประมง ซึ่งในการอนุญาตดังกล่าว อธิบดีกรมประมงต้องปฏบิ ตั ติ ามหลักเกณฑว์ ธิ กี าร และเง่อื นไขที่คณะรัฐมนตรีประกาศกาหนด และเมื่อได้ อนุญาตให้ผใู้ ดแลว้ ใหแ้ จง้ ให้กรมเจ้าท่า สานักงานตารวจแห่งชาติ และกรมการจัดหางานทราบด้วย ทังนี ไม่ตดั สิทธ์ิคนประจาเรือในการขอหนังสือคนประจาเรือตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านนาไทย หรือขอ ใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองและกฎหมายว่าด้วยการทางานของคนต่างด้าว รวมทังกาหนด มาตรการในการคุ้มครองความปลอดภยั และสุขอนามยั ในการทางานของคนประจาเรือ

18

5.1.3 กาหนดหลกั เกณฑก์ ารใช้ทา่ เทยี บเรือประมง โดยการห้ามมิให้เรือประมงท่ีทาการ ประมงพาณิชย์ขนถ่ายสัตว์นาหรือนาสัตว์นาขึนท่า ณ สถานที่อ่ืนใด นอกจากท่าเทียบเรือประมงหรือ สถานท่ีที่เป็นกิจการแพปลาท่อี ธบิ ดีกรมประมงประกาศกาหนด หากผูใ้ ดประสงค์จะใช้ท่าเทียบเรือของตน เป็นท่าเทียบเรือประมง ต้องจดทะเบียนเป็นท่าเทียบเรือประมงต่อกรมประมง เว้นแต่ท่าเทียบเรือนัน เป็นส่วนหน่ึงของกิจการแพปลาอยู่แล้ว รวมทังกาหนดหน้าที่ให้เจ้าของท่าเทียบเรือประมงหรือผู้ประกอบ กิจการแพปลา ต้องบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเรือประมงทุกลาที่เข้าใช้บริการจอดเรือ หรือนาสัตว์นา ขนึ ท่าเทยี บเรอื ประมง และตอ้ งบันทกึ นันไวเ้ พื่อให้พนักงานเจ้าหนา้ ทีส่ ามารถตรวจสอบได้

5.1.4 กาหนดหลักเกณฑ์การขนถ่ายสัตว์นา โดยการห้ามขนถ่ายสัตว์นาและผลิตภัณฑ์ สัตวน์ าในทะเล เว้นแต่เป็นการขนถ่ายไปยังเรือประมงที่ได้จดทะเบียนให้เป็นเรือขนถ่ายสัตว์นา หรือเรือ เก็บรักษาสัตว์นา โดยเจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือท่ีทาการประมงต้องได้รับอนุญาตทางวิทยุส่ือสารหรือ ช่องทางอื่น ทานองเดียวกันจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนทาการขนถ่ายสัตว์นา และต้องรายงานการขนถ่าย สัตว์นา ซ่ึงรับรองความถูกต้องโดยผู้ควบคุมเรือต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีหลังการดาเนินการขนถ่ายสัตว์นา สาหรับสัตว์นาจะต้องดาเนินการ 1) ติดตังระบบติดตามเรือประมง (Vessel Monitoring System : VMS) และดูแลรักษาให้ระบบดังกล่าวสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา 2) จัดทาหนังสือกากับการขนถ่าย สตั วน์ าทมี่ ีการรบั รองความถูกต้องโดยผู้ควบคมุ เรือ และสง่ รายงานใหก้ รมประมงทราบ และ 3) ต้องแจ้ง การเข้า - ออกท่าเทียบเรือประมงทุกครัง ณ ศูนย์การควบคุมการแจ้งเรือเข้า - ออก ในกรณีที่เป็นการ ขนถ่ายสัตว์นาในทะเลท่ีอยู่ในเขตของรัฐชายฝ่ังใด ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบของ รัฐชายฝั่งนัน และในกรณีที่เป็นการขนถ่ายสัตว์นาในทะเลหลวง ต้องปฏิบัติตามกฎหรือระเบียบของ องคก์ ารระหว่างประเทศที่เกยี่ วข้องดว้ ย

5.2 มำตรกำรในกำรสืบค้น (Traceability system) กาหนดให้มีหลักฐานเพ่ือการ สืบค้น เพ่ือประโยชน์ในการสืบค้น ความชอบด้วยกฎหมายของสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นาท่ีได้จาก กรมประมง โดยกาหนดให้ผู้ท่ีเกี่ยวข้องมีหน้าท่ีดาเนินการรวบรวม และจัดทาหลักฐานเพื่อประกอบการ ตรวจสอบ ดงั ต่อไปนี

5.2.1 เจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือประมงต้องจัดทาสมุดบันทึกการทาการประมง (Logbook) และส่งรายงานใหก้ รมประมง

การขนถ่ายสัตว์นา (Marine Catch Transshipment Document : MCTD) และส่ง รายงานให้กรมประมง

5.2.2 เจ้าของหรือผู้ควบคุมเรือขนถ่ายสัตว์นาหรือรักษาสัตว์นาต้องจัดทาหนังสือกากับ 5.2.3 เจ้าของท่าเทียบเรือประมงหรือผู้ประกอบกิจการแพปลา ต้องจัดทาหนังสือ กากับการซือขายสัตว์นา (Marine Catch Purchasing Document : MCPD) ให้แก่ผู้ซือตามแบบ

19

และรายการทีอ่ ธิบดกี รมประมงประกาศกาหนด และตอ้ งสง่ สาเนาใหก้ รมประมง 5.2.4 ผูซ้ อื สตั วน์ าจากทา่ เทียบเรอื ประมงหรือผู้ประกอบกจิ การแพปลา ต้องกรอกข้อมูล

ในหนังสือกากับการซือขายสัตว์นา (Marine Catch Purchasing Document : MCPD) เม่ือขายหรือ ส่งมอบสัตวน์ านันให้บคุ คลอ่ืน

5.2.5 ผูผ้ ลติ ผลติ ภัณฑส์ ตั ว์นาหรือแปรรปู สตั ว์นาทีม่ ิใช่เป็นการแปรรูป เพ่ือบริการให้แก่ ผบู้ ริโภคโดยตรง ต้องจัดทาหลักฐานเพ่ือการสืบค้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมประมงประกาศกาหนด

5.2.6 ผู้นาเข้าสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นาต้องแสดงใบรับรองการจับสัตว์นา (Catch certificate) หรอื เอกสารอืน่ ใดที่แสดงว่าสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นานันได้มาจากการทาการประมงโดยชอบ ด้วยกฎหมาย เวน้ แตก่ รณที เี่ ป็นการนาสัตวน์ าทเ่ี รอื ประมงไทยจับได้จากการทาการประมงโดยชอบด้วยกฎหมาย เข้ามาในราชอาณาจกั ร ซ่ึงได้รับการยกเว้น มิให้ถอื วา่ เป็นการนาเขา้

5.2.7 ผู้ส่งออกหรือนาผ่านสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นา ต้องแสดงใบรับรองการจับ สตั ว์นา (Catch certificate) หรอื เอกสารอืน่ ใดที่แสดงวา่ สัตวน์ าหรือผลติ ภัณฑ์สตั วน์ านนั ได้มาจากการประมง โดยชอบด้วยกฎหมายต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีเพื่อตรวจสอบก่อน กรณีผู้ส่งออกที่ประสงค์จะขอใบรับรองการจับ สตั ว์นา (Catch certificate) หรือใบรับรองการผลิต ผลิตภัณฑ์สัตว์นา หรือการแปรรูปสัตว์นาให้ย่ืนคาขอ ตอ่ กรมประมงได้ตามระเบียบที่อธิบดีกรมประมงกาหนด

5.2.8 อธิบดีกรมประมงมีอานาจกาหนดให้ผู้ประกอบกิจการการเควบคุมต้องจัดทา หนังสือกากับการซือขายสัตว์นา (Marine Catch Purchasing Document : MCPD) เพาะเลียงสัตว์นา ใหแ้ ก่ผู้ซือ และกาหนดให้ผูซ้ อื สัตว์นาขายหรือส่งมอบสัตวน์ านนั ใหบ้ คุ คลอนื่ จะต้องกรอกขอ้ มูลในแบบรายการ โดยระบผุ ู้ซอื หรอื ผ้รู บั มอบสตั ว์นานนั ทุกทอดไปด้วย

5.3 มำตรกำรในกำรตรวจสอบ กาหนดมาตรการในการตรวจสอบเรือประมงท่ีมิใช่ เรือประมงไทย เพื่อป้องกันมิให้เรือประมงที่มีการทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร และเพ่ือรองรบั การท่ีประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีความความตกลงว่าด้วยมาตรการตรวจสอบของรัฐเจ้าของ ท่าเรอื เพือ่ ปอ้ งกนั ยับยัง และขจัดการทาการประมงทผี่ ิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไรก้ ารควบคุม (The International Agreement on Port State Measures to Prevent, Deter and Eliminate Illegal, Unreported and Unregulated Fishing) โดยสรุปไดด้ งั นี

5.3.1 กาหนดห้ามเรือประมงที่มิใช่เรือประมงไทยที่มีการทาการประมงโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร โดยให้อธิบดีกรมประมงมีอานาจประกาศรายช่ือเรือประมงที่มิใช่ เรอื ประมงไทยทีม่ กี ารทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายใหท้ ราบท่วั กนั

5.3.2 กาหนดให้เรือประมงที่มิใช่เรือประมงไทยที่ประสงค์จะนาสัตว์นา หรือผลิตภัณฑ์ สัตว์นาเข้ามาในราชอาณาจักร จะต้องแจ้งล่วงหน้าต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีไม่น้อยกว่าส่ีสิบแปดชั่วโมง ก่อนเวลา

20

ท่ีเรือประมงจะเดินทางถึงท่าเทียบเรือประมง และในกรณีที่มีเหตุอันสมควรสงสัยว่าเรือประมงดังกล่าว ได้ทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเก่ียวข้องกับการทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิเสธการเข้าเทียบท่า เว้นแต่เพื่อความปลอดภัยของลูกเรือหรือตัวเรือประมง หรอื ในกรณมี เี หตสุ ดุ วิสยั

5.3.3 เมื่อเรือประมงได้รับอนุญาตให้เทียบท่าแล้ว ห้ามมิให้นาสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์ สัตวน์ าขนึ จากเรือประมง เว้นแต่เจ้าของเรอื หรอื ผคู้ วบคมุ เรอื ประมงได้ย่ืนคาขออนุญาตนาเข้าสัตว์นา โดยในการ อนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าท่ีนัน เจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือดังกล่าวต้องพิสูจน์ได้ 1) เรือประมงนัน มใี บอนุญาตให้ทาการประมงหรือกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับการประมง ซ่ึงออกโดยรัฐเจ้าของธงหรือรัฐชายฝั่ง

  1. มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามิได้มีการทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ 3) เจ้าของเรือหรือ ผู้ควบคุมเรือทาหนังสือรับรองว่ารัฐเจ้าของของธงจะยืนยันในเวลาอันสมควร ว่าสัตว์นาที่จับได้นันเป็นไปตาม ข้อบังคับขององค์การระหว่างประเทศ หากเจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือไม่อาจพิสูจน์ได้ข้างต้น ให้อธิบดี กรมประมงมีอานาจสั่งให้เรือประมงลานันออกจากราชอาณาจักรได้ภายในเวลาที่กาหนด และแจ้งให้รัฐ เจ้าของธงหรือประเทศอื่นท่ีเก่ียวข้อง และองค์การระหว่างประเทศเพ่ือทราบ ในกรณีท่ีเรือประมงลานัน ไม่ออกนอกราชอาณาจักรภายในเวลาที่กาหนด หรือมีหลักฐานชัดแจ้งว่าเรือนันได้ทาการประมงโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย หรือกรณีเป็นเรือไร้สัญชาติ ให้อธิบดีกรมประมงมีอานาจสั่งให้ยึดเรือประมง และทรัพย์สินใน เรือประมงลานันออกขายทอดตลาดหรือทาลายได้ เงินที่ได้จากการขายทอดตลาด เม่ือได้หักค่าใช้จ่าย ในการขายและค่าใช้จ่ายอ่ืนแล้วเหลือเท่าใด ให้กรมประมงยึดไว้จนกว่าเจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือสามารถ พิสูจน์ได้ว่าสัตว์นาที่ได้มาจากการทาการประมงของตนนันไม่ได้มาจากการทาการประมงโดยไม่ชอบ ดว้ ยกฎหมาย ในกรณที เี่ จา้ ของเรอื หรอื ผ้คู วบคุมเรือไม่สามารถพสิ จู นไ์ ด้ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันท่ีขาย ทอดตลาด เงนิ ทไ่ี ด้จากการขายทอดตลาดให้ตกเป็นของแผน่ ดิน เว้นแตศ่ าลจะมคี าสงั่ เปน็ อยา่ งอืน่

5.3.4 กาหนดยกเว้นหรือผ่อนปรนการใชบ้ งั คบั มาตรการในการควบคมุ เฝ้าระวัง สืบค้น และตรวจสอบการประมงใหเ้ ป็นไปโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ใหก้ บั เรอื ประมงพืนบ้านของรัฐเจ้าของธงท่ีมีอาณาเขต ติดต่อกับราชอาณาจักรไทย โดยกรณีนีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีอานาจกาหนดแนวปฏิบัติ ใหเ้ รือดังกลา่ วต้องปฏิบัติ เพอื่ เปน็ การป้องกันมใิ หม้ ีการทาการประมงโดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมายดว้ ยก็ได้

6. สุขอนำมัยของสตั วน์ ้ำหรือผลติ ภณั ฑ์สตั วน์ ำ้ หมวด 8 สุขอนามัยของสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นา กาหนดให้กรมประมงมีหน้าท่ีในการ

จัดทามาตรฐานดา้ นสขุ อนามยั ในการจบั การดูแลรักษาสัตว์นาจากการแปรรปู สัตวน์ า การเก็บรักษา การขนส่ง หรือขนถ่ายสตั ว์นาและผลติ ภัณฑส์ ตั วน์ า เพื่อส่งเสริมให้ผปู้ ระกอบกิจกรรมการประมงนาไปใช้ปฏิบัติในกิจการ ของตน ให้ได้สัตวน์ าและผลติ ภณั ฑท์ ม่ี คี ณุ ภาพได้มาตรฐานดา้ นสุขอนามัยและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

21

โดยการกาหนดมาตรฐานดังกล่าวตอ้ งดาเนนิ การใหส้ อดคล้องกับมาตรฐานสากล และเพื่อประโยชน์ในการ ปฏบิ ัตติ ามพันธกรณที ่ปี ระเทศไทยมอี ยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะประกาศกาหนดให้ ผูป้ ระกอบกจิ การการประมงหรอื ผลติ ภณั ฑ์สตั ว์นาทงั หมด หรือบางชนิดต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กาหนด รวมทังมีมาตรการดาเนินการกับบุคคลท่ีไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามมาตรฐานที่กาหนดด้วย นอกจากนีได้กาหนด มาตรการจัดการในกรณีทปี่ รากฏว่าในท่ีจับสตั วน์ าแห่งใดเกิดสภาวะมลพิษ หรือมีการปนเป้ือนของสารพิษ หรือสิ่งอ่ืนใดที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือต่อสัตว์นาเกินมาตรฐานท่ีอธิบดีกรมประมงประกาศกาหนด โดยให้อธิบดกี รมประมงมอี านาจประกาศห้ามทาการประมงในท่จี ับสตั วน์ าแห่งนันภายในเวลาท่ีกาหนดได้

7. พนกั งำนเจ้ำหนำ้ ท่ี หมวด 9 การกาหนดอานาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในหมวดนีมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้

พนกั งานเจ้าหนา้ ทมี่ อี านาจเพียงพอในการปฏิบตั ิหน้าที่ โดยเฉพาะการปฏิบัติหน้าท่ีในการตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวงั อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และเพ่อื ให้มัน่ ใจไดว้ า่ การจัดเกบ็ ขอ้ มลู ทเ่ี ก่ยี วข้องกับกจิ กรรมการประมง มคี วามครบถ้วนและถกู ต้อง สาหรับอานาจหน้าท่ีของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่กาหนดไว้ในหมวดนี ได้แก่ การให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอานาจควบคุมเรือประมง หยุดเรือประมง หยุดทาการประมงหรือขนถ่ายสัตว์นา หรือสัง่ ให้ผคู้ วบคมุ เรอื ประมงนาเขา้ เทียบทา่ หรอื ขึนไปบนเรือประมงหรอื เข้าไปในที่จับสัตว์นาใด เพื่ตรวจสอบ และควบคมุ ให้การทาประมงเปน็ ไปตามพระราชกาหนดนี ทงั นี เมื่อมีเหตุอันควรสงสยั ว่ามกี ารกระทาความผิด ตามพระราชกาหนดนี ยดึ เอาเอกสารหรอื หลักฐานทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับการกระทาความผิดตามพระราชกาหนดนี เพ่ือประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดาเนนิ คดี สง่ั ให้ผซู้ ่งึ ตดิ ตงั เครือ่ งมือทาการประมง ส่งิ ปลกู สร้าง หรือสิ่งใด ๆ ลงในท่ีจับสัตว์นาโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับอนุญาตแต่ไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาต หรือปฏิบัติ ผิดไปตามเง่ือนไขท่ีกาหนดไว้ในใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาต รือถอน หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตาม ที่ได้รบั อนญุ าตภายในเวลาท่กี าหนด สัง่ ยึดเครื่องมือทาการประมงสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นาที่มีไว้หรือได้มา จากการทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือสั่งกักเรือประมงไว้จนกว่าจะมีการพิจารณาและมีคาส่ัง ตามหมวด 10 หรือ หมวด 11 นอกจากนี ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ และเพ่ือให้เป็นไป ตามพนั ธกรณีหรือความตกลงที่ประเทศไทยมีอยู่กับองค์การระหว่างประเทศในทุกระดับ เม่ือได้รับการร้องขอ จากเจ้าหน้าท่ีของประเทศที่มีอานาจ หรือองค์การระหว่างประเทศที่มีอานาจควบคุมดูแลการทาการประมง ในเขตนัน ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอานาจและได้รับการคุ้มครองในการขึนบนเรือไร้สัญชาติหรือเรือประมง ที่พบว่ากาลังทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายบรรดาท่ีทาการประมงอยู่นอกน่านนาไทย เพื่อตรวจสอบ และดาเนินการตามอานาจหน้าท่ีได้ สาหรับการขนึ ไปบนเรือประมงเพื่อตรวจสอบ พนักงานเจ้าหน้าท่ีต้อง ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กาหนด โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้คานึงถึง หลักเกณฑ์ท่ียึดถือเป็นแนวปฏิบัติของนานาประเทศท่ียอมรับขององค์การสหประชาชาติ และแจ้งให้ รฐั เจา้ ขององค์การระหวา่ งประเทศทเ่ี กีย่ วข้องทราบ

22

8. มำตรกำรทำงปกครอง หมวด 10 การกาหนดมาตรการทางปกครองในหมวดนี มีวัตถุประสงค์เพ่ือกาหนดมาตรการ

ทางการปกครองท่เี พยี งพอ เพอ่ื ใหป้ ฏบิ ัติตามกฎหมายเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการใช้ โทษทางอาญา และเพ่ือกาหนดการทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายท่ีถือว่าการฝ่าฝืนกฎหมาย อย่างร้ายแรงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยได้มีกาหนดมาตรฐานการทางปกครอง โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คอื

8.1 การกระทาความผดิ ไม่เข้าลกั ษณะของการทาการประมงการฝ่าฝนื กฎหมายอย่างร้ายแรง กาหนดให้ผู้มอี านาจการพิจารณาอนุญาตสามารถดาเนินการตักเตือน พักใช้ หรือระงับการอนุญาตได้เป็น การช่ัวคราว และอาจถูกสงั่ เพิกถอนใบอนญุ าตได้หากเป็นการกระทาความผิดซา

8.2 การกระทาความผิดทเ่ี ขา้ ลักษณะของการทาการประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง กาหนดใหอ้ ธบิ ดกี รมประมงมีอานาจดาเนินการ ดังต่อไปนี

8.2.1 ส่งั ยดึ สตั ว์นาหรือผลิตภณั ฑ์สัตว์นา หรือเคร่ืองมอื ทาการประมง 8.2.2 สง่ั หา้ มทาการประมงจนกว่าจะปฏบิ ตั ิให้ถกู ตอ้ ง 8.2.3 สง่ั พกั ใช้ใบอนุญาตและห้ามใชเ้ รอื จนกวา่ สินสดุ ระยะเวลาการพักใช้ใบอนุญาต 8.2.4 เพิกถอนใบอนุญาตหรือการอนุญาต รวมทังเพิกถอนการจดทะเบียนไว้ ตามพระราชกาหนดนี 8.2.5 ประกาศให้เรือประมงท่ีถูกเพิกถอนใบอนุญาต เป็นเรือท่ีใช้ทาการประมง โดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย 8.2.6 กักเรอื ประมงหรอื สั่งให้วางประกนั ในกรณีเปน็ เรอื ต่างประเทศ ทังนี การดาเนินการ ดังกล่าวต้องคานึงถงึ สภาพความร้ายแรงแห่งความผดิ การกระทาผิดซา และการป้องกันมิให้ผู้กระทาความผิด ซาอีก

ในการนีไดก้ าหนดลกั ษณะของการกระทาทถี่ ือเป็นการทาการประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมายอย่าง ร้ายแรง เช่น การใชเ้ รือไร้สัญชาติการทาการประมง โดยไมจ่ ัดทาสมดุ บันทึกการทาการประมงหรือไม่รายงาน การทาการประมง การทาการประมงเกินปรมิ าณหรือเงอื่ นไขทีอ่ ธิบดีกรมประมงประมงกาหนด การจับสัตว์นา ชนิดท่ีห้ามทาการประมง การปลอมแปลง ปิดบัง หรือเปล่ียนเคร่ืองหมายหรือทะเบียนเรือ การฝ่าฝืน หลกั เกณฑ์ทอ่ี งค์การระหวา่ งประเทศกาหนดไว้ หรือการทาความผิดในเร่ืองอ่ืนใดที่ไม่ถือว่าเป็นการทาการ ประมงโดยฝา่ ฝนื กฎหมายอย่างรา้ ยแรงตามท่ีพระราชกาหนดนบี ัญญตั ิไวเ้ กินสามครงั ภายในหนึง่ ปี ไม่ว่าจะเป็น การกระทาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมทังกาหนดหลักเกณฑ์อ่ืน ๆ ที่เก่ียวกับการใช้มาตรการทางปกครอง ได้แก่ หลักเกณฑ์อุทธรณ์คาส่ังทางปกครอง หลักเกณฑ์ในการประกาศรายชื่อและการเพิกถอนรายชื่อ เรอื ประมงที่ใช้ทาการประมงโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย โดยกาหนดให้กรมประมงตอ้ งแจ้งบญั ชรี ายชื่อเรือประมง

23

ที่ใช้ทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายให้แก่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์การ ระหว่างประเทศทราบ และกาหนดให้ผู้รับอนุญาตท่ีถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือหนังสืออนุญาตดาเนินการ รอื ถอนหรอื ทาลายเคร่ืองมือทาการประมง ส่ิงปลูกสร้างหรือส่งิ ใด ๆ ในท่จี บั สตั วน์ าภายระยะเวลาท่กี าหนด

9. บทกำหนดโทษทำงอำญำ หมวด 11 การกาหนดโทษทางอาญาในหมวดนี มีวัตถุประสงค์เพื่อกาหนดโทษทางอาญา

ให้เหมาะสมและได้สัดส่วนกับการกระทาความผิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ และ ป้องปรามการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ไม่ว่าจะเกิดขึนที่ใด รวมทังการป้องกันไม่ให้ผู้กระทาความผิด ได้รบั ประโยชนจ์ ากการกระทาความผดิ พระราชกาหนดนีจงึ ได้มีการกาหนดให้

9.1 กาหนดโทษสาหรบั การกระทาความตามพระราชกาหนดนีใหเ้ หมาะสมและได้สัดส่วน กับความร้ายแรงของการกระทาความผิด โดยกาหนดให้มีอัตราโทษปรับตังแต่หน่ึงหม่ืนบาทถึงสามสิบล้านบาท หรือปรับจานวนสามถงึ หา้ เทา่ ของมลู คา่ สัตว์นาท่ไี ด้จากการกระทาความผิด โดยกาหนดอัตราโทษตามลักษณะ ของความร้ายแรง ลักษณะของการกระทาความผิด ลักษณะของผู้ประกอบการ และขนาดของเรือที่ใช้ ในการกระทาความผิด เพ่อื ให้ไดส้ ัดส่วนกบั การกระทาความผิด

9.2 กาหนดให้สนับสนุนหรือได้รับผลตอบแทนจากการกระทาความผิด ต้องระวางโทษ เช่นเดยี วกบั ตวั การในความผิดนัน

9.3 กาหนดให้อตั ราโทษตามทีก่ าหนดไว้ในแต่ละมาตราเพิ่มเป็นสองเท่า ในกรณีที่มีการ กระทาความผดิ ท่เี ปน็ การฝา่ ฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรงซาภายในหา้ ปี

9.4 กาหนดให้ผู้มีอานาจสั่งการ หรืองดเว้นการส่ังการ หรือไม่กระทาการ ตามอานาจ หน้าทต่ี อ้ งรับผดิ ตามทกี่ าหนดไวด้ ้วย ในกรณีทีผ่ ู้กระทาความผิดเปน็ นิติบคุ คล

9.5 กาหนดใหศ้ าลส่ังรบิ เครื่องมือทาการประมง สัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นา เรือประมง และสงิ่ อน่ื ใดท่ีใช้ในการกระทาความผิด หรอื ได้มาโดยการกระทาผดิ เว้นแตเ่ ป็นกรณเี รือประมงไทย ถ้าเจ้าของ หรือผ้คู รอบครองได้วางประกนั ไว้ตามที่ศาลกาหนด ให้ศาลสงั่ ปล่อยเรอื นันไป

9.6 กาหนดให้มีคณะกรรมการเปรียบเทียบ ประกอบด้วยผู้แทนสานักงานอัยการสูงสุด เปน็ ประธานกรรมการ และผู้แทนจากหน่วยงานอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ให้มีอานาจเปรียบเทียบ บรรดาความผิด ตามพระราชกาหนดนีได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กาหนด โดยให้คานึงถึงสภาพความร้ายแรงของการกระทาความผิด การกระทาความผิดซา และการป้องกันมิให้ ผู้กระทาความผิดกระทาความผิดซาอีก ทังนี เพื่อให้การลงโทษผู้กระทาความผิดสามารถดาเนินการ ได้โดยรวดเรว็ และเหมาะสม

24

10. บทเฉพำะกำล กาหนดไว้ใหเ้ กดิ ความชดั เจนในทางปฏบิ ัติดงั นี 10.1 กฎหมายลาดับรองที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการประมงท่ีใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่

พระราชกาหนดนใี ช้บงั คบั ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชกาหนดนี จนกว่าจะมี กฎหมายลาดับรองตามพระราชกาหนดนีใช้บงั คับ

10.2 ท่ีรักษาพืชพันธุ์ที่ประกาศกาหนดอยู่ในวันก่อนท่ีพระราชกาหนดนีใช้บังคับ เป็นเขตพืนท่ีรกั ษาพนั ธ์ุสตั ว์นาตามพระราชกาหนดนี

10.3 ประทานบตั ร อาชญาบัตร การอนุญาต หรือใบอนุญาต ที่ได้ออกให้ตามกฎหมาย วา่ ด้วยการประมงกอ่ นวันทพี่ ระราชกาหนดนใี ช้บงั คับ ใหย้ ังคงใชไ้ ด้ต่อไปจนกวา่ จะสินอายุหรือถูกเพิกถอน

10.4 อธิบดีกรมประมงจะอนุญาตให้ผู้ทาการประมง โดยใช้เรือประมงท่ีมีขนาดตังแต่ สิบตันกรอสแต่ไม่เกินสิบห้าตันกรอส และได้จดทะเบียนเป็นเรือสาหรับการประมงและได้รับอาชญาบัตร อยู่ในวันกอ่ นวันท่ีพระราชกาหนดนีใชบ้ ังคับทาการประมงพืนบา้ นต่อไปจนกวา่ จะเลกิ ทาการประมงก็ได้

10.5 ผู้ทาการเพาะเลียงสัตว์นาในที่จับสัตว์นาซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ใน วันก่อนวันท่ีพระราชกาหนดนีใช้บังคับ ให้ย่ืนคาขอรับใบอนุญาตตามพระราชกาหนดนี ภายในหนึ่งร้อย แปดสบิ วันนบั แต่วนั ทพี่ ระราชกาหนดนีใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคาขอแล้วให้ทาการเพาะเลียงสัตว์นาต่อไป จนกว่าจะได้รบั แจ้งคาสง่ั ไมอ่ นุญาต

10.6 กรมประมงต้องจัดให้มีการขึนทะเบียนองค์กรชุมชนประมงท้องถ่ินให้แล้วเสร็จภายใน สามสิบวนั นับตงั แต่วันท่ีพระราชกาหนดนีใช้บงั คับ

11. อตั รำคำ่ อำกรและค่ำธรรมเนียม 11.1 กาหนดอัตราค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทาการประมงตามประเภทเคร่ืองมือ

ทาการประมง 11.1.1 ประเภทเครอ่ื งมอื อวนลาก เมตรละ 500 บาท 11.1.2 ประเภทเครื่องมืออวนลอ้ มจับ เมตรละ 20 บาท 11.1.3 ประเภทเครอ่ื งมืออวนช้อน อวนยก หรืออวนครอบ เมตรละ 30 บาท 11.1.4 ประเภทเครอ่ื งมืออวนติดตาหรอื ขา่ ย เมตรละ 2 บาท 11.1.5 ประเภทเคร่ืองมืออวนอ่ืน เมตรละ 10 บาท 11.1.6 ประเภทเครื่องมอื คราด อนั ละ 3,400 บาท 11.1.7 ประเภทเครอื่ งมือโป๊ะ ลกู ละ 4,000 บาท 11.1.8 ประเภทเคร่ืองมอื ลอบ ลูกละ 20 บาท 11.1.9 ยอขนั ชอ่ ชอ้ นขนั ช่อ ช้อนสน่นั หรือช้อนหางเหย่ยี วมเี ครอ่ื งยก ปากละ 600 บาท

25

11.1.10 ชอ้ นปีก ยอปีก หรอื บาม ปากละ 800 บาท 11.1.11 ช้อนอ่ืนนอกจาก (11.1.9) และ (11.1.10) ที่มีปากกว้างตังแต่ 3.5 เมตรขึนไป ปากละ 200 บาท 11.1.12 เบ็ดราวยาวตงั แต่ 100 เมตรขนึ ไป สายละ 80 บาท 11.1.13 แหยาวตงั แตส่ ามเมตรขึนไป ปากละ 200 บาท 11.1.14 ประเภทเคร่ืองมืออืน่ ๆ หน่วยละ 1,000 บาท 11.2 อัตราคา่ ธรรมเนียม 11.2.1 ใบอนญุ าตทาการประมง ฉบบั ละ 10,000 บาท 11.2.2 ใบอนุญาตให้ทาการเพาะเลียงสัตว์นาในท่ีจับสัตว์นาซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ ของแผน่ ดนิ ตารางเมตรละ 5 บาท 11.2.3 ใบอนุญาตให้นาเข้า - ส่งออก หรือนาผ่านสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นา ฉบับละ 500 บาท 11.2.4 การจดทะเบียนเรอื ขนถา่ ยสตั ว์นา ฉบบั ละ 10,000 บาท 11.2.5 ใบอนุญาตให้ทางานในเรือประมง ฉบบั ละ 500 บาท 11.2.6 ใบแทนใบอนญุ าต ฉบบั ละ 100 บาท 11.2.7 การโอนใบอนญุ าต ฉบับละ 100 บาท 11.2.8 การต่อใบอนญุ าต ครงั ละเทา่ กับคา่ ธรรมเนียมใบอนญุ าต

ทังนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ออกกฎกระทรวง กาหนดค่าอากรและ คา่ ธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชกาหนด โดยกาหนดอัตราค่าอากรหรือค่าธรรมเนียมให้แตกต่างกัน โดยคานึงถึงประเภท ชนิด ขนาดหรือจานวนของเรือประมง หรือเครื่องมือทาการประมง หรือประเภท ชนิด ขนาด ลกั ษณะหรือรูปแบบของกิจการการเพาะเลยี งสัตวน์ าหรอื การทาการประมง

26

27

กฎหมายทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการทาการประมงในประเทศไทยที่สาคัญและใช้บังคบั มาตามลาดับ ได้แก่

1. พระรำชบัญญัติกำรประมง พ.ศ. 2490 มีบทบาทสาคัญมากในการรักษาทรัพยากร และสภาพแวดลอ้ มบริเวณชายฝั่งทะเล เพ่ือก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และในพระราชบัญญัตินี ยังมีการเน้นในเรื่องท่ีเกี่ยวกับการป้องกันมลพิษทางนา และการควบคุมวิธีการ เครื่องมือ ตลอดจนฤดูกาล ในการจบั สตั ว์นา อย่างไรก็ดี กลบั ปรากฏวา่ ทรัพยากรสัตว์นาในบริเวณนา่ นนาของไทย กลับยังต้องประสบกับ ภาวะเสอื่ มโทรมจนเลยขนั วิกฤตจากสาเหตุสาคัญ คือ กฎหมายขาดการบงั คับใชอ้ ยา่ งเข้มงวด รฐั ขาดกาลังคน และงบประมาณอยา่ งเพียงพอ การอนุรักษท์ รัพยากรสัตว์นาในน่านนาไทยประสบกับปัญหาท่ีสลับซับซ้อน มีการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรสตั ว์นามากเกินสมควร นอกจากนีกฎหมายฉบับนียงั ไม่เปิดช่องให้ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร ทังท่ีชาวประมงในหลายท้องท่ีมีศักยภาพพอที่จะร่วมบริหารจัดการ ทรัพยากรประมงของตนเอง จึงมกี ารร่วมกนั ปรับปรุงแก้ไขและใหใ้ ช้กฎหมายประมงใหม่ คอื พระราชบัญญัติ การประมง พ.ศ. 2558

2. พระรำชบัญญัติกำรประมง พ.ศ. 2558 มีหลักการที่สาคัญคือ เพื่อควบคุมกิจกรรม ทเ่ี กย่ี วกบั การทาการประมงแบบครบวงจร กล่าวคือเร่ิมจากกระบวนการผลิตไปจนถึงกระบวนการแปรรูป ในการใชเ้ พือ่ อุปโภคและบรโิ ภค มีการกาหนดมาตรการในการบริหารจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ ประโยชน์จากทรพั ยากรสัตวน์ า โดยคณะกรรมการนโยบายการประมงแหง่ ชาติ รัฐมนตรี หรือคณะกรรมการ ประมงประจาจังหวัด มีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนประมงท้องถิ่นในการจัดการ การบารุงรักษา การอนุรักษ์การฟ้ืนฟูและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรสัตว์นา รวมทังส่งเสริมองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น โดยองค์กรดังกล่าวจะมีสิทธิเสนอแนวทางในการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาการประมง และช่วยเหลือ การปฏบิ ัติงานของพนักงานเจ้าหน้าท่ีตามกฎหมาย มีการกาหนดให้มีการเก็บสถิติการประมง เพ่ือประโยชน์ ในการศึกษาวิจัยและการบริหารจัดการด้านการประมงในการควบคุมการทาการประมง มีการกาหนด หลักเกณฑ์ในการควบคุมเก่ียวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมงหรืออาจส่งผลกระทบต่อ ทรัพยากรสัตว์นา มีการกาหนดเขตการประมง ได้แก่ เขตประมงทะเลชายฝั่ง เขตประมงทะเล นอกชายฝั่ง และเขตประมงนาจืด ตามลักษณะของพืนที่ เพ่ือประโยชน์ในการควบคุม การใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรสัตว์นาให้เหมาะสม มีการส่งเสริมการเพาะเลียงสัตว์นา ฯลฯ มีสภาพบังคับโดยมาตรการ ทางปกครอง เช่น การพักใช้ใบอนุญาต การระงับการอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต หรือหนังสือ อนุญาตมาใช้บังคับ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายสามารถทาได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และกาหนด หลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์คาส่ังดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน เพ่ือให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ท่ีไม่มีเจตนาในการ กระทาความผิด และมบี ทกาหนดทางอาญาที่ความเหมาะสมกับการกระทาความผิดในแต่ละเรื่อง อย่างไรก็ดี ยังปรากฏการทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เน่ืองจากพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2558 ยังขาดมาตรการในการติดตาม ควบคุมและเฝ้าระวังการทาการประมงในเขตน่านนาไทยและนอกน่านนาไทย

28

3. พระรำชกำหนดกำรประมง พ.ศ. 2558 จากสถานการณ์การทาประมงผิดกฎหมาย และความจาเป็นข้างต้น จึงได้มีการตราพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 อย่างเร่งด่วน เพื่อเพ่ิม มาตรการในการควบคุม เฝ้าระวัง สืบค้น และตรวจสอบการประมง อันเป็นการป้องกัน ยับยัง และขจัด การทาการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และกาหนดแนวทางในการอนุรักษ์ และบริหารจัดการแหล่งทรัพยากรประมงและสัตว์นา ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ซ่ึงต่อมาในเดือน ธันวาคม 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบพระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 ทาให้ พระราชกาหนดดังกล่าว มีสถานะเทียบเท่าพระราชบัญญัติ แต่ยังคงช่ือพระราชกาหนดเช่นเดิม มาตรการ สาคัญตามพระราชกาหนดนี เช่น กาหนดให้การทาการประมงนอกน่านนาไทย จะต้องได้รับใบอนุญาต การทาประมงนอกน่านนาจากอธิบดี และต้องมีผู้สังเกตการณ์ประจาอยู่ในเรือประมง มีสภาพบังคับ โดยมาตรการทางปกครองและทางอาญาอย่างเขม้ งวด

4. พระรำชกำหนดกำรประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 โดยที่พระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 มีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับสภาพการทาการประมงพืนบ้านและประมงพาณิชย์ การกาหนดหลักเกณฑ์ในการควบคมุ และเฝา้ ระวงั การทาการประมง และการขนถา่ ยสัตวน์ า การนาเข้าสัตว์นา และการแจ้งข้อมูลการเขา้ เทยี บทา่ ของเรือประมงท่ีมใิ ช่เรือประมงไทย ยังไมเ่ พยี งพอในการป้องกันมิให้มีการทา การประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกบั มาตรการอนุรักษแ์ ละบริหารจดั การการดาเนินการกับเรือประมง เคร่ืองมือทาการประมง และสัตว์นาหรือผลิตภัณฑ์สัตว์นาที่ใช้ มีไว้ หรือได้มาจากการทาการประมง โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมาตรการในการคุ้มครองแรงงานในภาคการประมงยังไม่เหมาะสม สมควร ปรับปรุงบทบัญญัติดังกล่าว ซึ่งมีผลเป็นการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์ และบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์นาให้อยู่ในภาวะท่ีเหมาะสม และสามารถทาการประมงได้อย่างย่ังยืน รวมทังได้กาหนดให้มีคณะกรรมการมาตรการทางปกครอง ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าท่ีจากหน่วยงาน ทีเ่ ก่ยี วข้อง เนอ่ื งจากความผิดตามทก่ี าหนดไว้มีความเกีย่ วขอ้ งกับกฎหมายหลายฉบบั ทังนีเพื่อให้การพิจารณา และการบังคบั ใชม้ าตรการทางปกครองเป็นไปด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ และสมควร กาหนดหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี และปรับปรุงบทกาหนดโทษให้มีความ เหมาะสมย่งิ ขนึ โดยมคี วามจาเปน็ ตอ้ งใช้โทษปรับทางอาญาในการปอ้ งกัน ระงับ และยับยังการกระทาความผิด เน่ืองจากเปน็ ความผิดรา้ ยแรงท่ีมีผลกระทบต่อความม่ันคงทางทรัพยากรสัตว์นา และการปฏิบัติตามพันธกรณี ระหว่างประเทศ ซ่ึงการดาเนินการดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจาเป็นเร่งด่วน อันมิอาจหลีกเล่ียงได้ ในอันที่จะรักษาความม่ันคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจาเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกาหนด การประมง พ.ศ. 2558

29

เอกสำรอ้ำงองิ

พระราชกาหนดการประมง พ.ศ. 2558 และพระราชกาหนดการประมง (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2560 (ฉบบั แกไ้ ข). ยานยนต์ สราญรมย์. 2560. กฎระเบียบท่ีเก่ียวข้องกับการประมง ประมวลสาระวิชา หน่วยที่ 15 ความรู้

พืนฐานด้านการเกษตร มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. หนา้ 15-50 – 15-71. ธวัชชัย สุวรรณพาณิช ลาวลั ย์ หอนพรตั น์ มาลี สุรเชษฐ สริ ิพันธ์ พลรบ วิวิธ วงศ์ทิพย์ เสาวนีย์ อัศวโรจน์

ธีรเดช มโนลีหกุล วรรณวิภา เมืองถา พิมพ์ภัสสร เนติโพธ์ิ ศรีสมัย ผ่องสว่างภรมาภา อุดมวัฒน์ทวี. การศึกษาโครงการปรับปรุงแกไ้ ขพระราชกาหนดการประมง พ.ศ.2558. สารวชิ าการ. //so01.tci-thaijo.org/index.php/lawhcu/article/download/157469/114082/

30

31

ช่ือ นายทรงพล เดชเสนห่ ์ วุฒิ วทิ ยาศาสตรบัณฑิต (สถิติศาสตร์)

วทิ ยาศาสตรมหาบัณฑติ (สถิติ) ตำแหนง่ หวั หนา้ กล่มุ สถิติการประมง

กองนโยบายและแผนพฒั นาการประมง หน่วยทเี่ ขียน เรือ่ งท่ี 2.1.1 - 2.1.2

ชอื่ นางสาวชมยั พร ชงู าน วฒุ ิ เศรษฐศาสตรบณั ฑติ (เศรษฐศาสตร์เกษตร)

ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ (รัฐศาสตร์) ตำแหน่ง ผู้เชย่ี วชาญดา้ นเศรษฐกจิ การประมง หนว่ ยที่เขยี น เรือ่ งที่ 2.1.3

ชอ่ื นางสาวสวุ ิมล กรี ติวิรยิ าภรณ์ วฒุ ิ วทิ ยาศาสตรมหาบัณฑิต การจัดการความปลอดภยั อาหาร

สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจา้ คุณทหารลาดกระบงั ตำแหน่ง ผู้อ้านวยการกองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้า หนว่ ยท่เี ขยี น เรือ่ งท่ี 2.2.1

ชอื่ นางภัสราภา แก้วเนนิ วุฒิ M.Sc. (Post-harvest and Food Process Engineering)

สถาบันเทคโนโลยแี หง่ เอเชีย ตำแหนง่ หวั หน้ากลมุ่ ตรวจสอบคณุ ภาพทางกายภาพ

กองตรวจสอบคุณภาพสินค้าประมง หน่วยท่ีเขียน เรอื่ งท่ี 2.2.2

3322

33

การทา้ การประมงของไทยครอบคลมุ การท้าการประมงในแหล่งนา้ ธรรมชาติ ทงั ดา้ นการประมงทะเล และการประมงนา้ จืด ซึง่ มคี วามสา้ คญั ต่อเศรษฐกจิ ของไทยเน่ืองจากเป็นแหล่งการผลิตสัตว์น้าเพื่อการบริโภค ภายในประเทศและการสง่ ออก แมว้ า่ แหล่งท้าประมงในน่านน้าจะประสบกับปัญหาการเส่ือมโทรม ขาดความ อดุ มสมบูรณ์จากการใชป้ ระโยชน์มากเกินไป แต่ทรัพยากรสตั ว์นา้ ยงั สามารถฟื้นฟูได้ด้วยการบริหารจัดการ ท่มี ปี ระสทิ ธิภาพและความร่วมมอื ของทกุ ภาคส่วนทังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ส้าหรับในช่วงปี 2556 - 2559 มีผลจับสัตว์น้าทังหมดเฉล่ีย 1,719,153 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่า 59,543.69 ล้านบาทต่อปี ส่วนปี 2560 มปี รมิ าณการจับสตั วน์ ้า 1,493,043.77 ตนั มูลคา่ 68,495.34 ลา้ นบาท จา้ แนกเป็นการท้า การประมงทะเล 1,300,421 ตัน มูลค่า 58,222.08 ล้านบาท และการทา้ การประมงน้าจืด 192,622.77 ตัน มูลคา่ 10,273.26 ลา้ นบาท มีรายละเอยี ดดังนี

1. ผลผลติ จำกกำรทำกำรประมงทะเล การท้าประมงทะเลของประเทศไทย เป็นการท้าประมงด้วยเคร่ืองมือท้าการประมงหลากหลาย

ประเภท ทังประเภทท่มี ปี ระสิทธิภาพสูงโดยใช้ประกอบกับเรือประมงที่มีขนาดใหญ่ ออกไปท้าการประมง ไกลจากชายฝ่ัง สามารถจับสัตว์น้าได้ปริมาณมาก และเครื่องมือท่ีมีประสิทธิภาพต้่าที่ใช้กับเรือประมง ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นการท้าประมงของชาวประมงพืนบ้าน ส่วนใหญ่ท้าการประมงบริเวณชายฝ่ังซึ่งจับสัตว์น้า ได้ในปริมาณน้อย นอกจากนียังมีเคร่ืองมือท้าการประมงประเภทท่ีไม่ใช้เรือ เช่น โป๊ะ ลอบ โพงพาง เบ็ด เป็นต้น โดยในช่วงปี 2551 - 2559 มีปริมาณการจับสัตว์น้าเฉลี่ย 1,519,233 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่า 50,055.02 ล้านบาทต่อปี

ส่วนในปี 2560 การประมงทะเลของไทยมีปริมาณการจับสัตว์น้า 1,300,421 ตัน มูลค่า 58,222.08 ล้านบาท เปน็ ปรมิ าณการจับในนา่ นน้าไทย 1,295,010 ตนั (ร้อยละ 99.58) มูลคา่ 57,964.42 ลา้ นบาท (รอ้ ยละ 99.56) จ้าแนกเป็นปริมาณการจับจากประมงพาณิชย์ 1,170,335 ตัน (ร้อยละ 99.58) ล้านบาทมูลค่า 51,544.49 ล้านบาท (ร้อยละ 99.56) และประมงพืนบ้าน 124,655 ตัน (ร้อยละ 9.63)

34

มลู คา่ 6,419.93 (รอ้ ยละ 11.08) ส่วนที่เหลอื เปน็ ปริมาณการจับนอกน่านน้าไทย 5,411 ตัน (ร้อยละ 0.48) มูลคา่ 257.66 ลา้ นบาท (รอ้ ยละ 257.66)

หากพิจารณาปรมิ าณการจับในแตล่ ะประเภทเครื่องมือประมง พบว่าประเภทอวนลาก มีปริมาณ การจับมากท่ีสุด 590,690 ตัน (ร้อยละ 45.42) มูลค่า 28,383.91 ล้านบาท (ร้อยละ 48.75) รองลงมาประเภทอวนล้อมจับ 415,200 ตัน (ร้อยละ 31.93) มูลค่า 15,485.12 ล้านบาท (ร้อยละ 26.60) ถัดไปประเภทท่ีใช้แสงไฟล่อ 106,906 ตัน (ร้อยละ 9.28) มูลค่า 3,962.88 ล้านบาท (ร้อยละ 6.81) ประเภทเคล่ือนที่ 67,928 ตัน (ร้อยละ 5.22) มูลค่า 308.84 ล้านบาท (ร้อยละ 0.53) ประเภทเคร่ืองมือประจ้าท่ี 19,771 ตัน (ร้อยละ 1.52) มูลค่า 2,268.93 ล้านบาท (ร้อยละ 3.90) ประเภทเบ็ดเตล็ด 17,875 ตัน (ร้อยละ 1.37) มูลค่า 1,075.05 ล้านบาท (ร้อยละ 1.85) และ ประเภทเบ็ด 2,046 ตัน (รอ้ ยละ 0.16) มลู ค่า 191.47 ลา้ นบาท (ร้อยละ 0.33)

หากพิจารณาปริมาณการจับตามพืนท่ีท้าการประมง พบว่าส่วนใหญ่จับจากฝ่ังอ่าวไทย 924,404 ตัน (ร้อยละ 71.08) มูลค่า 42,902.96 ลา้ นบาท (รอ้ ยละ 73.69) และฝั่งอนั ดามัน 376,017 ตนั (ร้อยละ 28.92) มูลค่า 15,319,12 ล้านบาท (รอ้ ยละ 26.31)

ส่วนปริมาณการจับในแต่ละกลุ่มสัตว์น้า พบว่ากลุ่มปลาจับได้มากท่ีสุด 1,049,516 ตัน (ร้อยละ 80.71) มูลค่า 34,236.38 ล้านบาท (ร้อยละ 58.80) รองลงมากลุ่มหมึก 98,093 ตัน (ร้อยละ 7.54) มลู ค่า 11,727.14 ลา้ นบาท (ร้อยละ 20.14) กลมุ่ ปู 35,884 ตัน (ร้อยละ 2.76) มูลค่า 5,707.23 ล้านบาท (ร้อยละ 9.80) กลมุ่ กุง้ 35,690 ตัน (ร้อยละ 2.74) มลู คา่ 5,042.36 ลา้ นบาท (รอ้ ยละ 8.66) กลมุ่ หอย 20,131 ตนั (ร้อยละ 1.55) มลู คา่ 971.28 ลา้ นบาท (รอ้ ยละ 1.67) และสตั ว์น้าอื่น ๆ 61,107 ตนั (รอ้ ยละ 4.70) มูลคา่ 537.68 ลา้ นบาท (ร้อยละ 0.92)

2. ผลผลิตจำกกำรทำกำรประมงนำจดื ประเทศไทยมีแหล่งน้าจืดธรรมชาติที่เป็นลุ่มน้าส้าคัญ 25 ลุ่มน้าหลัก และ 254 ลุ่มน้าย่อย

พืนท่ีประมาณ 511,361 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยแม่น้าสายหลัก แม่น้าสาขา อ่างเก็บน้า ล้าคลอง ล้าห้วย คลองชลประทาน หนอง บึง กว๊าน และทะเลสาบ รวมทังแหล่งน้าสาธารณะต่าง ๆ ที่เกิดขึน ตามธรรมชาติ ตลอดจนหน่วยงานราชการสร้างขึนเพ่ือให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร หรือเพื่อท้าการประมง นอกจากนียังมีพืนที่น้าท่วมถึงในฤดูน้าหลากซึ่งผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และอยู่ใกล้แหล่งน้ามักท้าประมงควบคู่กันทังในและนอกฤดูการเกษตร เพ่ือน้ามาบริโภคภายในครัวเรือน แจกจ่ายหรือขายเมื่อจับได้มากเกินกว่าการบริโภค และบางรายท้าเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้ให้กับ ครอบครัว การท้าประมงน้าจืดส่วนใหญ่เป็นการท้าประมงเพ่ือการยังชีพ ผู้ท่ีท้าการประมงเชิงพาณิชย์ เป็นอาชีพหลักมีเพียงส่วนน้อย โดยในช่วงปี 2551 - 2559 มีปริมาณการจับสัตว์น้าเฉลี่ย 187,734.57 ตันต่อปี คดิ เปน็ มลู คา่ 9,644.30 ล้านบาทตอ่ ปี

35

ส่วนปรมิ าณการจับสตั วน์ า้ จืดในปี 2560 มปี รมิ าณการจับ 192,622.77 ตัน มูลค่า 10,273.26 ล้านบาท ส่วนใหญ่จับจากแหล่งน้าประเภทหนอง/บึง/อื่น ๆ 82,273.45 ตัน (ร้อยละ 42.71) มูลค่า 4,393.39 ล้านบาท (ร้อยละ 42.77) รองลงมาเป็นอ่างเก็บน้า 55,635.44 ตัน (ร้อยละ 28.88) มูลค่า 2,875.24 ล้านบาท (ร้อยละ 27.99) แม่น้า/ล้าคลอง/ห้วย 46,599.73 ตัน (ร้อยละ 24.19) มูลค่า 2,608.12 ล้านบาท (รอ้ ยละ 25,39) บอ่ ล่อ 4,108.52 ตัน (รอ้ ยละ 2.13) มูลค่า 217.91 ล้านบาท (ร้อยละ 2.12) และคลองชลประทาน 4,005.63 ตัน (ร้อยละ 2.08) มูลค่า 178.60 ล้านบาท (ร้อยละ 1.74)

หากพิจารณาปริมาณการจับสัตว์น้าจืดในแต่ละกลุ่มสัตว์น้า พบว่าลุ่มปลาจับได้มากท่ีสุด 188,855.75 ตัน (ร้อยละ 98.04) มูลค่า 9,804.06 ล้านบาท (ร้อยละ 95.43) ส้าหรับกลุ่มปลา พบว่า ปลาตะเพยี นมปี รมิ าณการจบั มากที่สุด 30,869 ตัน (ร้อยละ 16.03) มูลค่า 1,328.28 ล้านบาท (ร้อยละ 13.55) รองลงมาปลานิล 19,869.25 ตัน (ร้อยละ 10.32) มูลค่า 1,028.44 ล้านบาท (ร้อยละ 10.49) ปลาสร้อยขาว 16,414.20 ตัน (ร้อยละ 8.52) มูลค่า 645.24 ล้านบาท (ร้อยละ 6.58) ปลาช่อน 14,471.07 ตัน (ร้อยละ 7.51) มูลค่า 1,256.20 ล้านบาท (ร้อยละ 12.81) และปลาดุก 8,035.15 ตัน (ร้อยละ 4.17) มูลค่า 508.99 ล้านบาท (ร้อยละ 5.19) กลุ่มกุ้ง 1,651.96 ตัน (ร้อยละ 0.86) มูลค่า 380.04 ล้านบาท (รอ้ ยละ 3.70) กล่มุ กงุ้ ประกอบด้วย กุ้งก้ามกราม 1,041.35 ตัน (ร้อยละ 63.04) มูลคา่ 317.61 ลา้ นบาท (ร้อยละ 83.57) ก้งุ อ่ืน ๆ 610.61 ตัน (รอ้ ยละ 36.96) มูลคา่ 62.43 ลา้ นบาท (ร้อยละ 16.43) และสตั วน์ า้ อ่นื ๆ 904 ตนั (ร้อยละ 0.48) มลู ค่า 89.16 ล้านบาท (รอ้ ยละ 0.87)

36

ในสถานการณ์ปัจจุบันการเพาะเลียงสัตว์น้ามีความส้าคัญเพิ่มมากขึน เน่ืองจากเป็นการผลิตเพ่ือ ทดแทนผลผลิตสตั วน์ า้ ท่ีไดจ้ ากธรรมชาติ ในช่วงปี 2551 - 2559 มีจ้านวนฟาร์ม 532,116 - 596,986 ฟาร์ม เนือท่ี 1,176,327 - 1,466,627 ไร่ ผลผลิตสัตว์น้าจากการเพาะเลียงเฉล่ีย 1,130,781 ตันต่อปี มูลค่า เฉลี่ย 89,707.97 ล้านบาทต่อปี ส่วนปี 2560 มีจ้านวนฟาร์ม 546,267 ฟาร์ม เนือท่ี 1,158,156.50 ไร่ ผลผลติ 893,671.01 ตัน มลู คา่ 91,794.08 ล้านบาท โดยมีรายละเอยี ด ดังนี

  1. ผลผลิตจำกกำรเพำะเลียงสตั วน์ ำจืด การเพาะเลียงสัตว์น้าจืดมีการเลียงหลายรูปแบบ เช่น การเลียงปลาชนิดเดียว

(Monoculture) หรือเลียงหลายชนิดรวมกัน (Polyculture) นอกจากนี ยังมีการเลียงปลานา้ จืดร่วมกับ กิจกรรมเกษตรอย่างอื่น (Integrated) เช่น เลียงร่วมกับการเลียงสัตว์ การปลูกพืช/ผลไม้ หรือร่วมกับ การท้านา การเพาะเลียงสว่ นใหญ่เปน็ การเลียงปลากนิ พืช รองลงมาเป็นปลากินเนือ โดยในช่วงปี 2551 - 2559 มจี ้านวนฟาร์ม 492,396 - 555,236 ฟาร์ม มีเนือที่เลียง 769,781 - 1,032,580 ไร่ มีผลผลิตเฉลี่ย 447,985 ตันตอ่ ปี มูลค่า 23,863.23 ล้านบาทต่อปี

ส่วนในปี 2560 มีจ้านวนฟาร์มเลียงสัตว์น้าจืด 509,059 ฟาร์ม เนือท่ี 783,330 ไร่ เป็นฟาร์มที่เลียงในบ่อ 495,540 ฟาร์ม (ร้อยละ 97.34) เนือที่ 761,476 ไร่ เลียงในนา 1,874 ฟาร์ม (ร้อยละ 0.37) เนือท่ี 11,453 ไร่ เลียงในร่องสวน 5,779 ฟารม์ (รอ้ ยละ 1.14) เนอื ท่ี 9,575 ไร่ เลียงใน กระชัง 5,866 ฟาร์ม (ร้อยละ 1.15) เนือที่ 644 ไร่ จังหวัดท่ีมีจ้านวนฟาร์มมากที่สุด คือ จังหวัดชัยภูมิ มีจ้านวน 25,823 ฟาร์ม (ร้อยละ 5.07) เนือที่ 24,690 ไร่ รองลงมา คือ จังหวัดขอนแก่น มีจ้านวน 21,978 ฟาร์ม (ร้อยละ 4.32) เนือท่ี 23,711 ไร่ ถัดไปเป็นจังหวัดนครราชสีมา มีจ้านวน 19,480 ฟาร์ม (รอ้ ยละ 3.83) เนือที่ 28,640 ไร่

ผลผลติ การเลียงสัตว์น้าจืดทั่วประเทศ ปี 2560 มีปริมาณ 413,263 ตัน คิดเป็นมูลค่า 22,573.91 ลา้ นบาท เปน็ ผลผลติ จากการเลียงในบอ่ 383,276 ตัน (ร้อยละ 92.74) มูลค่า 20,764.15 ลา้ นบาท (ร้อยละ 91.98) เลยี งในนา 3,048 ตัน (ร้อยละ 0.74) มูลค่า 142.56 ล้านบาท (ร้อยละ 0.63)

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ค้นหา ประวัติ นามสกุล ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง ไทยแปลอังกฤษ ประโยค Terjemahan เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาจีน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ่้แปลภาษา Google Translate ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย พร บ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 วิธีใช้มิเตอร์วัดไฟดิจิตอล สหกรณ์ออมทรัพย์กรมส่งเสริมการปกครอง ส่วนท้องถิ่น ห่อหมกฮวก แปลว่า Bahasa Thailand Thailand translate mu-x มือสอง รถบ้าน การวัดกระแสไฟฟ้า ด้วย แอมมิเตอร์ การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน แคปชั่น พจนานุกรมศัพท์ทหาร ภูมิอากาศ มีอะไรบ้าง สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น อาจารย์ ตจต อเวนเจอร์ส ทั้งหมด เขียน อาหรับ แปลไทย ใบรับรอง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน Google map Spirited Away 2 spirited away ดูได้ที่ไหน tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง กินยาคุมกี่วัน ถึง ปล่อยในได้ ธาตุทองซาวด์เนื้อเพลง บช.สอท.ตำรวจไซเบอร์ ล่าสุด บบบย มิติวิญญาณมหัศจรรย์ ตอนจบ รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล ศัพท์ทางทหาร military words สอบ O หยน